สุดปลายฝัน
ท้องฟ้ายามราตรีถูกปกคลุมไปด้วยเมฆทะมึนแดงฉาน เส้นสายฟ้าเลื้อยเกี่ยวพันไปทั่วเกิดแสงสว่างวาบตรงนั้นทีตรงนี้ที เสียงครืนกึกก้องดังเป็นระยะคล้ายเสียงครวญครางเจ็บปวดว่ามันกำลังทนอุ้มท้องต่อไปไม่ไหว
หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่เพียงลำพังบนชั้นดาดฟ้าของอาคารสูงใจกลางเมืองหลวง เฝ้ามองปรากฏการณ์ทางธรรมชาติราวกับรอเวลาสัมผัสฝนเม็ดแรกที่จะร่วงหล่นลงมาในอีกไม่ช้า แววตาเลื่อนลอยหมองหม่นเหลือกำลัง ยากเกินกว่าที่ใครจะคาดเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
เธอถอดรองเท้าส้นสูงออกก่อนจะพาตัวเองมายืนอยู่บนขอบอาคารอย่างน่าหวาดเสียว สายตาจับจ้องไปยังเบื้องล่าง แสงไฟสว่างไสวจากอาคารบ้านเรือนและป้ายโฆษณา ผู้คนตัวกระจ้อยร่อยเดินกันขวักไขว่ รถรายังคงจอดนิ่งติดยาวเหยียดอยู่บนท้องถนน ไม่ว่าเวลาไหนชีวิตก็ต้องเร่งรีบจนแทบไม่มีเวลาหยุดพัก เดี๋ยวนี้ไม่มีกลางคืนที่แท้จริงอีกแล้ว ทุกเวลานั้นคือกลางวันเสมอสำหรับคนเมือง
ทุกวินาทีคือการแข่งขัน ผู้ที่ช้ากว่าและไม่ทันเกมย่อมกลายเป็นผู้เสียเปรียบเสมอ ผู้ไม่แข็งแกร่งหนักแน่นพอ ที่เผยความอ่อนแอออกมาให้เห็น ก็จะถูกทิ้งไว้เบื้องหลังและกลายเป็นผู้แพ้ในที่สุด
ใช่...เธอเองก็กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านี้ เป็นผู้แพ้ในเกมแห่งชีวิตของตัวเอง และตอนนี้เธอเหนื่อยเต็มทนแล้ว
น้ำตาแห่งความอดทนไหลออกมาจากดวงตาปวดร้าวแสนสาหัส ก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ในอกทะลักออกมากลายเป็นเสียงร่ำไห้ พอกันทีกับโลกอันโหดร้ายใบนี้ เธอก้าวเท้าไปในอากาศอันว่างเปล่า ก่อนทั้งร่างจะถูกฉุดลงไปอย่างรวดเร็วด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก
ภาพรอบกายเลื่อนไหลผ่านไปจนไม่อาจจับจ้อง พื้นเบื้องล่างพุ่งเข้าหารวดเร็วอย่างน่าใจหาย หญิงสาวหลับตาปล่อยให้สัมผัสทางกายรับรู้เพียงสายลมที่เคลื่อนผ่าน ภาพแห่งความทรงจำปลิดปลิวว่อนไปทั่วในอากาศ
ภาพชีวิตการทำงานอันแสนสุข ภาพเธอยืนเฮฮากับเพื่อนๆ ครั้งจบการศึกษา ภาพเมื่อครั้งยังร้องไห้จ้าตอนเยาว์วัย ทั้งดีใจ เสียใจ สมหวัง ผิดหวัง ปะปนคละเคล้ากันไปจนกลายเป็นหนึ่งชีวิตของเธอ
แล้วภาพหนึ่งที่หลุดออกมาจากส่วนเสี้ยวความทรงจำก็มาหยุดอยู่ตรงหน้า มันเป็นภาพของเธอเมื่อตอนเด็กที่ยังมีพ่อแม่อยู่เคียงข้าง ผู้มีพระคุณทั้งสอง เป็นสองคนที่รักเธอสุดหัวใจอย่างไม่มีข้อแม้ รอยยิ้มอารีย์และอ้อมกอดอบอุ่นที่ห่างหายไปนานแสนนาน
เรื่องราวอื่นๆ พลันมลายหายไป...
ชั่วขณะนั้น ระลอกคลื่นแห่งความโหยหาก็ถาโถมเข้าใส่จิตใจเหี่ยวเฉาด้านชาจนเกิดการกระเพื่อมไหว เธออยากกลับไปหาท่านทั้งสอง กลับไปหาครอบครัวที่รัก อยากเห็นหน้า อยากฟังเสียง อยากหัวเราะ อยากโอบกอดพวกท่าน
เธอยังไม่อยากตาย อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ตอนนี้
หญิงสาวสะดุ้งลืมตา ความคิดสับสนอย่างคนไร้ทางออก พยายามตะเกียกตะกายโดยไร้ความหมาย ใจหายวาบเมื่อเห็นพื้นถนนเข้ามาอยู่ในระยะกระชั้นชิด อีกไม่กี่วินาทีร่างของเธอจะกระแทกลงตรงนั้น พร้อมๆ กับลมหายใจที่จะหลุดลอยไป
ความเสียใจสุดหยั่งถาโถมเข้าใส่ ไม่ควรตัดสินใจทำอะไรแบบนี้ลงไปเลย
แล้วทุกอย่างก็ดับวูบไป...
เสียงฟ้าคำรามที่แว่วเข้าหูทำให้หญิงสาวได้สติ เธอพบว่าตนเองกำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนชั้นดาดฟ้าของอาคารเดิม ความแปลกใจแทรกอยู่ในทุกอณูอากาศหนักหน่วงรอบกายที่โอบอุ้มความชื้นไว้จนเต็มปริ่ม
เธอกระโดดลงไปจากตรงนี้แล้ว ความกลัว ความสิ้นหวัง และความเจ็บปวดยามร่างกระแทกพื้นยังกระจ่างชัดติดแน่นในความรู้สึกอยู่เลย แล้วทำไมเธอยังอยู่ที่นี่ หรือเรื่องที่เข้าใจว่าเกิดขึ้นแล้วเมื่อสักครู่ เป็นเพียงจินตนาการของเธอเองกันแน่
ฟ้าคำรามดังสนั่น หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง และพบว่าห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าวมีใครบางคนยืนอยู่ ความมืดทำให้มองเห็นหน้าได้ไม่ถนัดนัก แต่จากรูปร่างแล้ว คะเนว่าน่าจะเป็นผู้ชาย
“คุณช่วยฉันไว้หรือ” ถามไปด้วยคิดว่า บางทีก่อนที่จะกระโดดลงไป ชายคนนี้อาจฉุดเธอเอาไว้ได้ทัน
ชายปริศนาเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้พอที่จะทำให้เห็นอะไรได้ถนัดชัดเจนขึ้น เขามีร่างสูงโปร่ง ชุดสูทสีดำทั้งชุดกลืนไปกับสภาพโดยรอบ แม้ไม่อาจเห็นทุกรายละเอียด แต่ใบหน้าของเขานั้นเรียบเฉยราวไร้ความรู้สึก
“ไม่มีใครช่วยคุณ ทุกสิ่งที่คุณเห็นและรู้สึก ทั้งหมดนั้นได้เกิดขึ้นไปแล้ว”
เสียงราบเรียบเย็นชาทำให้ใจของหญิงสาวกระตุกวูบ ประสาทรับรู้มึนชาแตกซ่าคล้ายถูกกระแสไฟฟ้าช๊อต เพียงเท่านั้นเธอก็รู้ตัวว่าเรื่องทั้งหมดที่เห็นนั้นคือเรื่องจริง ถลาตัวเองไปที่ขอบอาคารอย่างร้อนรน
แม้จะอยู่ไกลลิบ แต่เธอกลับเห็นได้ชัดเจนถนัดตา ผู้คนเบื้องล่างเริ่มเดินเข้ามาจับรวมกลุ่มหนาตาขึ้นเรื่อยๆ การจราจรที่ติดขัดอยู่แล้วกลับยิ่งเป็นอัมพาตหนัก เพราะรถบางคันช่วยจอดกันทางไว้ ในขณะที่อีกหลายคันหยุดดูสิ่งที่เกิดขึ้น
ใจกลางวงล้อมชุลมุนของฝูงชนนั้น มีร่างหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ในสภาพเลือดท่วมตัว แขนขาอยู่ในลักษณะผิดรูปจนน่ากลัว
และร่างนั้นก็คือเธอเอง...
“ไม่จริง ไม่จริงใช่ไหม ฉันยังไม่อยากตาย” คล้ายกำลังพึมพำกับตัวเองเสียมากกว่าที่จะต้องการสื่อสารกับใครอื่น
ฝนหยดแรกร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า ตามมาด้วยหยดที่สอง สาม และอีกนับไม่ถ้วน จนในที่สุดเมืองทั้งเมืองก็ถูกปกคลุมไปด้วยม่านน้ำหนาทึบหนาวเย็น
ชายชุดดำยื่นมือมาให้ “เรื่องอะไรที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมไม่มีทางย้อนกลับ และไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ ทำใจยอมรับมันเสียเถอะ แล้วไปกับผม ได้เวลาที่คุณจะต้องทิ้งตัวตนที่นี่ของคุณ และก้าวไปสู่อีกโลกหนึ่งแล้ว”