สุดดวงใจที่ปลายฝัน
14
ตอน
6.61K
เข้าชม
22
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
7
เพิ่มลงคลัง

สุดปลายฝัน 

         ท้องฟ้ายามราตรีถูกปกคลุมไปด้วยเมฆทะมึนแดงฉาน เส้นสายฟ้าเลื้อยเกี่ยวพันไปทั่วเกิดแสงสว่างวาบตรงนั้นทีตรงนี้ที เสียงครืนกึกก้องดังเป็นระยะคล้ายเสียงครวญครางเจ็บปวดว่ามันกำลังทนอุ้มท้องต่อไปไม่ไหว 

         หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่เพียงลำพังบนชั้นดาดฟ้าของอาคารสูงใจกลางเมืองหลวง เฝ้ามองปรากฏการณ์ทางธรรมชาติราวกับรอเวลาสัมผัสฝนเม็ดแรกที่จะร่วงหล่นลงมาในอีกไม่ช้า แววตาเลื่อนลอยหมองหม่นเหลือกำลัง ยากเกินกว่าที่ใครจะคาดเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ 

         เธอถอดรองเท้าส้นสูงออกก่อนจะพาตัวเองมายืนอยู่บนขอบอาคารอย่างน่าหวาดเสียว สายตาจับจ้องไปยังเบื้องล่าง แสงไฟสว่างไสวจากอาคารบ้านเรือนและป้ายโฆษณา ผู้คนตัวกระจ้อยร่อยเดินกันขวักไขว่ รถรายังคงจอดนิ่งติดยาวเหยียดอยู่บนท้องถนน ไม่ว่าเวลาไหนชีวิตก็ต้องเร่งรีบจนแทบไม่มีเวลาหยุดพัก เดี๋ยวนี้ไม่มีกลางคืนที่แท้จริงอีกแล้ว ทุกเวลานั้นคือกลางวันเสมอสำหรับคนเมือง 

         ทุกวินาทีคือการแข่งขัน ผู้ที่ช้ากว่าและไม่ทันเกมย่อมกลายเป็นผู้เสียเปรียบเสมอ ผู้ไม่แข็งแกร่งหนักแน่นพอ ที่เผยความอ่อนแอออกมาให้เห็น ก็จะถูกทิ้งไว้เบื้องหลังและกลายเป็นผู้แพ้ในที่สุด 

         ใช่...เธอเองก็กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านี้ เป็นผู้แพ้ในเกมแห่งชีวิตของตัวเอง และตอนนี้เธอเหนื่อยเต็มทนแล้ว 

         น้ำตาแห่งความอดทนไหลออกมาจากดวงตาปวดร้าวแสนสาหัส ก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ในอกทะลักออกมากลายเป็นเสียงร่ำไห้ พอกันทีกับโลกอันโหดร้ายใบนี้ เธอก้าวเท้าไปในอากาศอันว่างเปล่า ก่อนทั้งร่างจะถูกฉุดลงไปอย่างรวดเร็วด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก 

         ภาพรอบกายเลื่อนไหลผ่านไปจนไม่อาจจับจ้อง พื้นเบื้องล่างพุ่งเข้าหารวดเร็วอย่างน่าใจหาย หญิงสาวหลับตาปล่อยให้สัมผัสทางกายรับรู้เพียงสายลมที่เคลื่อนผ่าน ภาพแห่งความทรงจำปลิดปลิวว่อนไปทั่วในอากาศ 

         ภาพชีวิตการทำงานอันแสนสุข ภาพเธอยืนเฮฮากับเพื่อนๆ ครั้งจบการศึกษา ภาพเมื่อครั้งยังร้องไห้จ้าตอนเยาว์วัย ทั้งดีใจ เสียใจ สมหวัง ผิดหวัง ปะปนคละเคล้ากันไปจนกลายเป็นหนึ่งชีวิตของเธอ 

         แล้วภาพหนึ่งที่หลุดออกมาจากส่วนเสี้ยวความทรงจำก็มาหยุดอยู่ตรงหน้า มันเป็นภาพของเธอเมื่อตอนเด็กที่ยังมีพ่อแม่อยู่เคียงข้าง ผู้มีพระคุณทั้งสอง เป็นสองคนที่รักเธอสุดหัวใจอย่างไม่มีข้อแม้ รอยยิ้มอารีย์และอ้อมกอดอบอุ่นที่ห่างหายไปนานแสนนาน 

         เรื่องราวอื่นๆ พลันมลายหายไป... 

         ชั่วขณะนั้น ระลอกคลื่นแห่งความโหยหาก็ถาโถมเข้าใส่จิตใจเหี่ยวเฉาด้านชาจนเกิดการกระเพื่อมไหว เธออยากกลับไปหาท่านทั้งสอง กลับไปหาครอบครัวที่รัก อยากเห็นหน้า อยากฟังเสียง อยากหัวเราะ อยากโอบกอดพวกท่าน 

         เธอยังไม่อยากตาย อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ตอนนี้ 

         หญิงสาวสะดุ้งลืมตา ความคิดสับสนอย่างคนไร้ทางออก พยายามตะเกียกตะกายโดยไร้ความหมาย ใจหายวาบเมื่อเห็นพื้นถนนเข้ามาอยู่ในระยะกระชั้นชิด อีกไม่กี่วินาทีร่างของเธอจะกระแทกลงตรงนั้น พร้อมๆ กับลมหายใจที่จะหลุดลอยไป 

         ความเสียใจสุดหยั่งถาโถมเข้าใส่ ไม่ควรตัดสินใจทำอะไรแบบนี้ลงไปเลย 

         แล้วทุกอย่างก็ดับวูบไป... 

 

         เสียงฟ้าคำรามที่แว่วเข้าหูทำให้หญิงสาวได้สติ เธอพบว่าตนเองกำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนชั้นดาดฟ้าของอาคารเดิม ความแปลกใจแทรกอยู่ในทุกอณูอากาศหนักหน่วงรอบกายที่โอบอุ้มความชื้นไว้จนเต็มปริ่ม 

         เธอกระโดดลงไปจากตรงนี้แล้ว ความกลัว ความสิ้นหวัง และความเจ็บปวดยามร่างกระแทกพื้นยังกระจ่างชัดติดแน่นในความรู้สึกอยู่เลย แล้วทำไมเธอยังอยู่ที่นี่ หรือเรื่องที่เข้าใจว่าเกิดขึ้นแล้วเมื่อสักครู่ เป็นเพียงจินตนาการของเธอเองกันแน่ 

         ฟ้าคำรามดังสนั่น หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง และพบว่าห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าวมีใครบางคนยืนอยู่ ความมืดทำให้มองเห็นหน้าได้ไม่ถนัดนัก แต่จากรูปร่างแล้ว คะเนว่าน่าจะเป็นผู้ชาย 

         “คุณช่วยฉันไว้หรือ” ถามไปด้วยคิดว่า บางทีก่อนที่จะกระโดดลงไป ชายคนนี้อาจฉุดเธอเอาไว้ได้ทัน 

         ชายปริศนาเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้พอที่จะทำให้เห็นอะไรได้ถนัดชัดเจนขึ้น เขามีร่างสูงโปร่ง ชุดสูทสีดำทั้งชุดกลืนไปกับสภาพโดยรอบ แม้ไม่อาจเห็นทุกรายละเอียด แต่ใบหน้าของเขานั้นเรียบเฉยราวไร้ความรู้สึก 

         “ไม่มีใครช่วยคุณ ทุกสิ่งที่คุณเห็นและรู้สึก ทั้งหมดนั้นได้เกิดขึ้นไปแล้ว” 

         เสียงราบเรียบเย็นชาทำให้ใจของหญิงสาวกระตุกวูบ ประสาทรับรู้มึนชาแตกซ่าคล้ายถูกกระแสไฟฟ้าช๊อต เพียงเท่านั้นเธอก็รู้ตัวว่าเรื่องทั้งหมดที่เห็นนั้นคือเรื่องจริง ถลาตัวเองไปที่ขอบอาคารอย่างร้อนรน 

         แม้จะอยู่ไกลลิบ แต่เธอกลับเห็นได้ชัดเจนถนัดตา ผู้คนเบื้องล่างเริ่มเดินเข้ามาจับรวมกลุ่มหนาตาขึ้นเรื่อยๆ การจราจรที่ติดขัดอยู่แล้วกลับยิ่งเป็นอัมพาตหนัก เพราะรถบางคันช่วยจอดกันทางไว้ ในขณะที่อีกหลายคันหยุดดูสิ่งที่เกิดขึ้น 

         ใจกลางวงล้อมชุลมุนของฝูงชนนั้น มีร่างหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ในสภาพเลือดท่วมตัว แขนขาอยู่ในลักษณะผิดรูปจนน่ากลัว 

         และร่างนั้นก็คือเธอเอง... 

         “ไม่จริง ไม่จริงใช่ไหม ฉันยังไม่อยากตาย” คล้ายกำลังพึมพำกับตัวเองเสียมากกว่าที่จะต้องการสื่อสารกับใครอื่น 

         ฝนหยดแรกร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า ตามมาด้วยหยดที่สอง สาม และอีกนับไม่ถ้วน จนในที่สุดเมืองทั้งเมืองก็ถูกปกคลุมไปด้วยม่านน้ำหนาทึบหนาวเย็น 

         ชายชุดดำยื่นมือมาให้ “เรื่องอะไรที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมไม่มีทางย้อนกลับ และไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ ทำใจยอมรับมันเสียเถอะ แล้วไปกับผม ได้เวลาที่คุณจะต้องทิ้งตัวตนที่นี่ของคุณ และก้าวไปสู่อีกโลกหนึ่งแล้ว” 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว