ความทรงจำสีจาง
แดดอ่อนยามเช้าสาดส่องผ่านกรอบหน้าต่าง ม่านสีชมพูบางเบากระพือพลิ้วหยอกล้อสายลมเอื่อย เหล่านกตามกิ่งไม้ต่างเจื้อยแจ้วต้อนรับวันใหม่ ช่างเป็นเช้าที่หลายคนยังอยากซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มและมีความสุขกับความฝันบนเตียงอุ่น
สมชายปรือตาขึ้นอย่างยากลำบาก ปวดตุ้บที่ขมับทั้งสองข้าง เมื่อคืนเขาคงนอนไม่พอและดื่มหนักจนเกินไป ทั้งๆ ที่ปกติแทบจะไม่เคยแตะเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ทุกชนิดแท้ๆ แต่เมื่อคืนเขามีความสุขมากจนถึงขนาดที่ดื่มเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกเมา
เขามีความสุขมากจริงๆ ที่ได้แต่งงานกับยุพา ความรู้สึกเกินบรรยายยามเมื่อเธอจับมือเขาพร้อมกับให้คำมั่นสัญญาต่อหน้าแขกเหรื่อว่าจะใช้ชีวิตต่อจากนี้ไปด้วยกันจวบจนวันสุดท้ายของลมหายใจยังคงแจ่มชัดสว่างไสวเหมือนกับเพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่นาทีนี้เอง
ยุพาทั้งน่ารักและอัธยาศัยดี ไม่ว่าใครที่ได้พบปะปราศรัยต่างก็นิยมชมชอบ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ใครๆ ต่างก็หมายปองเธอ แต่เหมือนสวรรค์โปรดที่เขากลับกลายเป็นผู้โชคดีคนนั้น ทั้งๆ ที่เขาเองไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเลย มันเหมือนเรื่องโกหกจนเขาเองยังกลัวว่ามันจะเป็นเพียงฝันไป
ชีวิตคนหนึ่งคนมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย แต่คงมีไม่กี่เรื่องเท่านั้นที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราโชคดีที่สุดในโลก และเรื่องที่เราได้สามารถใช้ชีวิตร่วมกับคนที่เรารักและรักเราก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้รู้สึกได้แบบนั้น
ยังเหลือวันหยุดที่ลาไว้อีกหลายวัน สมชายคิดวางแผนจะพายุพาไปเที่ยวทะเลทางใต้ที่เธอชอบ มันเป็นที่ๆ เขาและเธอเคยไปเที่ยวด้วยกันเป็นครั้งแรก อีกทั้งยังเป็นที่ๆ เธอตอบรับรักเขา
โลกทั้งใบกลายเป็นสีชมพู สมชายยิ้มให้กับภาพในหัวสมอง ให้กับตัวเอง ให้กับเพดาน ให้กับความว่างเปล่าตรงหน้า เขาเหลียวมองไปยังที่นอนข้างกาย หวังจะได้เห็นใบหน้าหญิงคนรักยามที่กำลังหลับปุ๋ย แต่มันกลับว่างเปล่า ยุพาไม่ได้นอนอยู่เหมือนอย่างที่คิดไว้
บางทีเธออาจจะกำลังทำหน้าที่แม่ศรีเรือนที่ดีอยู่ อาจกำลังเตรียมอาหารเช้าและกำลังรอให้เขาตื่นลงไปทานด้วยกัน อาจกำลังรดน้ำต้นไม้ที่สวนหน้าบ้าน หรืออาจกำลังให้อาหารเจ้าจัมโบ้ สุนัขตัวเขื่องที่เลี้ยงมาด้วยกันตั้งแต่มันยังแบเบาะ
ปกติเจ้าจัมโบ้จะเห่าปลุกเขาเพื่อให้พาไปเดินเล่นทุกเช้า แต่วันนี้สมชายคิดว่าเขาไม่ได้ยินเสียงเห่าของมัน คงเป็นเพราะเขาเมาไม่ได้สตินั่นล่ะ สายตาเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนัง คงจะดีกว่าถ้าตอนนี้เขารีบอาบน้ำแต่งตัวและลงไปช่วยยุพาทำอะไรก็ตามที่เธอกำลังทำอยู่ตอนนี้
เขาผละตัวเองออกจากที่นอน ความปวดเมื่อยเจ็บแปลบแล่นไปทั่วร่าง คิดไม่ถึงว่าอาการเมาค้างจะทำให้รู้สึกแย่ได้ขนาดนี้ นึกสัญญากับตัวเองหนักแน่นว่าจะไม่แตะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกเป็นอันขาด
ประตูตู้เสื้อผ้าถูกเหวี่ยงออก ขณะที่สมชายกำลังเลือกชุดที่แขวนเรียงรายอยู่สายตาพลับเหลือบไปมองกระจกเงาที่ติดอยู่กับประตูตู้ ภาพสะท้อนของใครคนหนึ่งปรากฏอยู่ในนั้น เป็นใครก็ต้องรู้ว่าคนในกระจกเงาต้องเป็นชายหนุ่มที่ชื่อสมชาย
มันควรจะเป็นแบบนัน้น ภาพในนั้นควรจะเป็นชายหนุ่มคิ้วหนาที่มีผมดกดำยุ่งเหยิง แต่ชายชราผมสีดอกเลา ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นแห่งวัยที่เขาเห็นคือใครกัน
สมชายไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขายกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้า ภาพในกระจกทำตาม เขายื่นมือออกไปสัมผัสชายชราในกระจกเงา ชายชราในกระจกเงาทำตาม
ตึ่กๆ ตึ่กๆ
หัวใจเต้นรัวแรง สมชายรู้สึกเจ็บหน้าอก เขาเริ่มไม่แน่ใจต่อเหตุการณ์ตรงหน้า หรือว่ากำลังฝันอยู่ เขาลองหยิกตัวเอง มันเจ็บ ลองตบหน้าตัวเองเผื่อว่าอาจจะตื่นจากความฝันแปลกๆ นี้ แต่ไม่ได้ผล นี่เขากำลังตื่นอยู่
เม็ดเหงื่อผุดทั่วกายจนรู้สึกไม่สบายตัว มือไม้เริ่มสั่น เขากำลังสับสน ทั้งๆ ที่ตรวจสอบทุกอย่างที่ทำได้แล้ว แต่การกระทำทั้งหมดนั้นก็ยืนยันว่าชายชราในกระจกเงาคือเขา
นี่มันเกิดอะไรขึ้น เมื่อคืนเขายังมีความสุขในงานแต่งงานอยู่เลย แล้วทำไมเพียงชั่วข้ามคืนเขาถึงกลับกลายเป็นคนแก่แบบนี้
เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว นี่เราคงกำลังฝันไป ไม่สิ ก็เราตรวจสอบแล้วว่านี่คือความจริง แล้วมันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง
การพยายามหาเหตุผลในช่วงเวลาเช่นนี้กลับกลายเป็นการพายเรือในอ่าง ความคิดเดิมๆ วกวนไปมาในหัวสมอง รู้สึกกระอักกระอ่วนจนแทบอาเจียน
เขาต้องการคนช่วย เท้าทั้งสองพยายามก้าวถี่ๆ หวังที่จะพบใครสักคนให้เร็วที่สุด แต่มันกลับสั่นจนแม้แต่จะยืนให้มั่นคงก็ยังลำบาก มือไม้หาที่เกาะเปะปะไปทั่ว
ยุพา เธออยู่ไหน ช่วยด้วย นี่เกิดอะไรขึ้น ช่วยด้วย
เขาอ่อนแรงลงในทุกก้าวที่เหยียบลงบนพื้นบันได ห้องครัวมีเพียงกับข้าวหลายอย่างวางอยู่บนโต๊ะ หากแต่ปราศจากเงาร่างของผู้ที่ปรุงมัน สายตาพยายามกวาดมองไปให้ทั่ว
ยุพาอาจอยู่ตรงไหนในบ้าน แต่สมชายคิดผิด นอกจากเข้าแล้วปราศจากสิ่งมีชีวิตอื่นใด เขาพยายามควบคุมสติ หายใจเข้าออกลึก แต่ไม่ได้ผล เขากลัวเกินกว่าจะควบคุมอะไรได้ ภาพตรงหน้าเริ่มหมุนคว้าง รู้สึกเลื่อนลอยเหมือนกำลังสิ้นสติ
ยุพาอาจอยู่ที่สวนหน้าบ้าน เธอจะช่วยเขาให้หลุดจากฝันร้ายบ้าๆ นี่เสียที เขาพยายามก้าวเท้า แต่ขาเจ้ากรรมสั่นรุนแรงจนเขาล้มลง ร่างกายทั้งหมดหลุดจากการควบคุมของจิตใจและสมอง
“อ๊าก...กกกก”
เสียงตะโกนอย่างคนสิ้นสติเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทำได้ ทันใดนั้นบานประตูที่เขาหมายจะไปให้ถึงก็เปิดออก เงาร่างหนึ่งวิ่งออกมาจากแสงสว่างตรงหน้า
....................................
สมชายนั่งจิบนมอุ่นๆ อยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ความกลัวก่อนหน้านี้ทุเลาลงแล้ว รู้สึกเบาใจขึ้นเมื่อมีคนอยู่ข้างกาย แท้จริงแล้วคนที่ช่วยเหลือเขาเมื่อสักครู่คือคุณยุพิณนั่นเอง
คุณยุพิณเป็นแม่ของยุพา หน้าตาของคนทั้งสองคล้ายกันมากจนสมชายคิดว่าหากทั้งคู่เกิดมาในยุคเดียวกันต้องมีคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นฝาแฝดกันอย่างแน่นอน
นางเป็นคนยิ้มง่าย โอบอ้อมอารี ตอนพบคุณยุพิณครั้งแรกสมชายไม่นึกแปลกใจเลยว่าทำไมยุพาถึงเป็นคนเพียบพร้อมได้ขนาดนี้
เมื่อคืนนางเดินทางมาจากต่างจังหวัดเพื่อร่วมพิธีมงคลสมรสของเขาและยุพา เขานึกแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นนางเพราะคิดว่านางเดินทางกลับไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืน
“นี่เกิดอะไรขึ้นกับผมครับ คุณแม่”
หญิงชราที่ตอนนี้ดูเหมือนมีอายุไม่ต่างจากสมชายเท่าใดนักนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะรับแขกมองนิ่งมายังเขา แววตาแฝงอะไรบ้างอย่าง นางไม่ตอบ ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะลุกเดินออกไปทิ้งให้เขาอยู่เพียงลำพังอีกครั้ง
ตอนนี้สมชายใจเย็นลงมาก เขาสังเกตสิ่งรอบตัวได้ดีขึ้น นอกจากตัวของเขาเองแล้วที่นี่ยังมีอะไรผิดปกติอีกหลายอย่าง ห้องรับแขกห้องนี้มีเฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นที่เขาไม่เคยซื้อ รูปภาพของเขาและยุพาที่แขวนอยู่บนผนังเป็นสถานที่ๆ เขาไม่เคยไป อีกทั้งยังมีรูปคนแปลกหน้าอีกหลายคนที่เขาไม่รู้จัก
โต๊ะอาหารในห้องครัวควรจะเป็นทรงกลมแทนที่จะเป็นสี่เหลี่ยม ผ้าม่านในห้องนอนก็ต้องเป็นสีฟ้า ไม่ใช่สีชมพูแบบนี้ และสิ่งที่เขาเริ่มแน่ใจอีกอย่างก็คือเมื่อเช้าเจ้าจัมโบ้ไม่ได้เห่าปลุกเขาแน่นอน
แล้วที่นี่คือที่ไหนกัน
สมชายอดตั้งคำถามกับตนเองไม่ได้แม้ว่าเขาจะแน่ใจว่าที่นี่คือบ้านหลังเดิม นั่นเพราะยิ่งเขามั่นใจเท่าไหร่ก็จะยิ่งตอบคำถามใดๆ ไม่ได้เลย เหตุใดข้าวของในบ้านถึงเปลี่ยนแปลงไปในชั่วข้ามคืน และเหตุใดเขาจึงแก่ชราลงอย่างรวดเร็ว
ถ้าเขาเป็นแบบนี้แล้วคนอื่นๆ ล่ะ แล้วยุพาล่ะ เธออยู่ไหน จะเป็นยังไง จะแก่ชราเหมือนเขาไหม
คำถามใหม่ๆ ยังคงผุดขึ้นมาเรื่อยๆ คำถามที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะหาคำตอบได้จากไหน อาจจะเกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่าง เขาอาจโดนรังสีหรือสารเคมีที่ทำให้เซลล์เสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว หรือไม่ก็อาจหลุดเข้าไปในห้วงมิติเวลาที่ไม่ปกติและทำให้ตัวเองหลงมาอยู่ในโลกอนาคตเหมือนอย่างที่ในนิยายวิทยาศาสตร์ชอบเขียนกัน
เขาซึ่งเป็นอาจารย์สอนวิชาวิทยาศาสตร์รู้ดีที่สุดว่าคำตอบเหล่านนั้นมันไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่มีสารเคมีอะไรทำให้คนแก่ลงในชั่วข้ามคืน และหากเขาเดินทางข้ามเวลามาจริง คนอื่นต่างหากที่ต้องแก่ลงในขณะที่เขาต้องยังคงหนุ่มแน่นอยู่
แม้ว่าพยายามคิดหาคำตอบที่พอจะสมเหตุสมผลที่สุดแล้ว แต่มันก็ยังฟังดูไร้เหตุผลจนเกินไปอยู่ดี คนเดียวที่เขาพบในวันนี้คือแม่ยายของเขาเอง และก็ดูเหมือนนางจะไม่ได้ตกอกตกใจอะไรเลยเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา นางดูสงบจนเกินไปกับเรื่องผิดปกติที่เกิดขึ้น
บางทีนางอาจจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อาจจะให้คำตอบสำหรับคำถามทั้งหมดได้ หรืออย่างน้อยตอนนี้นางก็คือความหวังเดียวที่มีอยู่ของเขา
เอ๊ะ เดี๋ยวสิ
สมชายฉุกคิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เมื่อสักครู่เขาเพิ่งนึกถึงการเดินทางข้ามเวลา เรื่องของเวลาและวันที่ บ้านนี้ยังมีอะไรแปลกไปอยู่ เป็นเรื่องเล็กน้อยมากจนทำให้เขามองข้ามไปเสียถนัด มันเป็นสิ่งที่ควรจะมีทุกบ้านและติดอยู่ในบริเวณที่เห็นได้ง่าย
ปฏิทินยังไงล่ะ สมชายฉุกคิดได้ว่าเขาไม่เห็นปฏิทินสักแผ่นในบ้านหลังนี้ มันหายไปไหนหมด หรือใครตั้งใจเก็บมันไป ถ้าอย่างนั้นคนที่เก็บไปจะทำไปเพื่ออะไร
เขาตัดสินใจคว้าแสงสว่างริบหรี่ภายใต้ความมืดมิด สมชายคิดจะลองเดินหาปฏิทินในบ้านดูเผื่อว่าจะได้รู้อะไรขึ้นมาบ้าง แต่ก่อนที่จะได้ทำอย่างที่คิด หญิงชราคนเดิมก็เดินกลับมาพร้อมๆ กับถุงใบใหญ่
มันใส่อัลบั้มรูปถ่ายจำนวนห้าเล่ม สีหน้าปกซีดไปแล้วแต่สภาพเล่มยังดูสมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยหักยับหรือฝุ่นเกาะอยู่เลย อัลบั้มเหล่านี้คงถูกเก็บไว้เป็นอย่างดี รูปในนั้นคงมีความสำคัญมาก
นางนั่งลงตรงที่เดิม วางอัลบั้มทั้งหมดลงตรงหน้าสมชาย เขาตั้งคำถามทางสีหน้า นางยังคงเงียบเฉย ทำเพียงผายมือและพยักหน้าให้เขาเปิดอัลบั้มตรงหน้า
สมชายทำตามที่บอก อัลบั้มรูปถูกพลิกไปอย่างเชื่องช้า เขาตั้งใจดูรูปในนั้นทีละใบ รูปของเขาที่ยังคงเป็นปกติไม่ได้แก่ชราเหมือนอย่างตอนนี้ ในนั้นมีรูปต่างๆ มากมายตั้งแต่ในอดีต
รูปที่เขาไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ กับเหล่าเพื่อนๆ และยุพาเองที่ตอนนั้นก็ยังเป็นหนึ่งในบรรดาเพื่อนๆ ของเขา รูปกิจกรรมในที่ทำงาน รูปงานเลี้ยงปีใหม่
รูปนี้ยุพาและเขาได้ไปเที่ยวกันลำพังเพียงสองคนเป็นครั้งแรก ส่วนรูปนี้เป็นครั้งแรกที่เขารวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อเข้าไปมอบดอกไม้ให้ยุพาในวันวาเลนไทน์ท่ามกลางเสียงเชียร์เสียงโห่ฮาจากบรรดาเพื่อนๆ แล้วเจ้าพวกนั้นยังอุตส่าห์เก็บภาพเอามาล้อให้ได้เขินอายกันอีกนานสองนาน
แต่ละรูปบอกเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างเขาและยุพา มันช่างสดใสสวยงามเหลือเกิน สมชายรู้สึกว่าตนเองฉีกยิ้มกว้างขึ้น กว้างขึ้น ในทุกรูปที่ได้เปิดดูผ่านไป
นี่เป็นรูปช่วงเตรียมงานแต่งจนถึงช่วงพิธีวิวาห์ ชุดไทยในพิธีหมั้นช่วงเช้าทำให้ยุพาสวยหวานอย่างหญิงไทย และชุดสีขาวสะอาดในงานกลางคืนทำให้เธอสวยราวกับนางฟ้า เขายังได้ยินเสียงหัวเราะเฮฮา เสียงแซวหยอกล้อจากบรรดาเพื่อนฝูงในงานเลี้ยงอย่างชัดเจนอยู่เลย
...!!...
เรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน แล้ววันนี้รูปพวกนี้ก็มาอยู่ที่นี่แล้ว และยิ่งกว่านั้นทั้งรูปถ่ายและอัลบั้มก็ดูเก่าเกินกว่าจะคิดได้ว่ามันเพิ่งถูกถ่ายมา ทั้งหมดนี้คือความผิดปกติของอัลบั้มรูปนี้ที่สมชายฉุกคิดได้
เขาเพิ่งดูอัลบั้มรูปไปเพียงสองเล่มเท่านั้น แล้วเหตุการณ์ในนั้นก็ต่อเนื่องมาจนถึงเมื่อคืนนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นแล้วจะยังมีเรื่องราวอะไรเหลืออยู่อีกถึงสามอัลบั้ม
อาจมีความจริงที่เขาอยากรู้อยู่ในนั้น แต่ความกลัวที่จะรู้ความจริงก็เข้าจู่โจมอย่างกะทันหัน เขาเงยหน้าขึ้นมองหญิงชรา นางยังคงนิ่งเฉย ท่าทางสงบอย่างเคย สมชายเอื้อมมือไปยังอัลบั้มที่เหลือ ลังเลครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเปิดมันออกดู
เหมือนจู่ๆ สิ่งต่างๆ รอบกายก็หายวับไป เขางุนงง สับสนจนแทบคลั่ง อยากตะโกนให้สุดเสียง อยากวิ่งหนีไปให้พ้น รูปต่อจากนั้นเป็นภาพที่เขาและยุพาไปฮันนีมูนด้วยกันที่ทะเล
รูปเธอตั้งท้อง รูปพัฒนาการของครรภ์ รูปเขาที่กำลังโอบซบท้องกลมของเธอ รูปลูกคนแรก คนที่สอง และคนที่สาม รูปเหล่าเด็กๆ ค่อยๆ แสดงถึงพัฒนาการทางร่างกาย ในขณะที่เขาและยุพาค่อยๆ แก่ชราลง
ทั้งหมดเป็นรูปภาพที่เล่าเรื่องราวซึ่งเลยจากปัจจุบันของสมชายไป เป็นเรื่องที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในความทรงจำ เขารู้สึกเครียดจนแทบบ้า ขมับทั้งสองข้างบีบตัวอีกครั้ง เขาหลับตา ภาพบางอย่างติดๆ ดับๆ ในหัวสมองเหมือนภาพจากโทรทัศน์ที่สัญญาณไม่ดี พยายามเพ่งสมาธิให้เห็นภาพเหล่านั้นชัดเจนขึ้นแต่ไม่สำเร็จ
“นี่เป็นรูปของตาใหญ่ เขาเป็นเด็กน่ารัก ฉลาด มั่นใจในตัวเองสูง เรียนได้เกรดเฉลี่ยสูงที่สุดในห้องมาตลอด เขาจบมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดี ตอนนี้ตาใหญ่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว ลูกชายก็ถอดแบบมาจากตาใหญ่แทบไม่ผิดเพี้ยน”
สมชายลืมตาขึ้นมอง เป็นครั้งแรกที่หญิงชราเอ่ยปาก นางอธิบายรูปภาพที่เหลือต่อจากนั้นทีละภาพด้วยน้ำเสียงคุ้นเคย
“นี่ยายกลาง ช่างเอาอกเอาใจ ชอบประจบผู้ใหญ่โดยเฉพาะพ่อของเขาที่หลงลูกสาวคนนี้ไม่ลืมหูลืมตา ใครเห็นใครก็รัก ตอนนี้เรียนจบเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง”
“ส่วนนี้ตาเล็ก ตอนนี้เป็นอาจารย์สอนวิทยาศาสตร์ในมหาวิทยาลัยเจริญรอยตามพ่อของเขาไปแล้ว”
เขามองภาพแต่ละภาพ ตั้งใจฟังทุกคำพูดที่นางบรรยาย ภาพต่างๆ ค่อยๆ หลั่งไหลประติดประต่อกันทีละน้อย ทั้งๆ ที่คิดว่าไม่เคยเห็นไม่เคยผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มาก่อน แต่ทำไมเขากลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด
หรือว่าเขาจะเคยเห็นกันแน่
รูปถ่ายตรงหน้า เหตุการณ์ที่ล่วงเลย ท่าทางของหญิงชรา น้ำเสียงของนาง ถึงมันเปลี่ยนไปแต่ก็ยังติดอยู่ในความทรงจำ เขาพยายามนึก พยายามคิด พยายามทบทวน พยายามรวบรวมประติดประต่ออย่างสุดกำลัง และในที่สุดกำแพงดำมืดที่กางกั้นก็เกิดรอยร้าว แสงสว่างเล็ดรอดเข้ามา มันค่อยๆ สว่างขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เจิดจ้าราวกับกลางวันที่สดใส
“ยุพา เธอคือยุพาอย่างนั้นหรือ”
หญิงชราหยุดพูด เงยหน้าขึ้นมอง รอยยิ้มคุ้นเคยปรากฏบนใบหน้า มันเป็นรอยยิ้มเดิมที่เขารู้จักอย่างแน่นอน คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าของเขาคือหญิงที่เขารักหมดหัวใจ
“จำได้แล้วหรือคะ”
“ยุพา ยุพา เธอจริงๆ ด้วย”
สมชายพูดชื่อซ้ำๆ เหมือนคนเพ้อ รู้สึกเหมือนคนรักที่พลัดพรากกันไปนานแสนนานได้กลับมาพบกันใหม่ เขาโผเข้าสวมกอดแนบแน่น น้ำตาแห่งความยินดีพรั่งพรูออกมาอย่างไร้การสะกดกลั้น
“มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ยุพา ทำไมผมถึงเป็นแบบนี้ รูปภาพพวกนั้นเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปแล้ว แต่ทำไมผมถึงจำมันไม่ได้เลยสักนิดเดียว”
“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยค่ะ ไว้เดี๋ยวลูกๆ กลับมาแล้วคงจะอธิบายได้ดีกว่าให้พาอธิบายตอนนี้ มาเถอะค่ะ มาด้วยกันกับพาเถอะ”
ยุพาจูงมือสมชายออกจากห้องรับแขก พาเขาเดินดูทั่วบ้าน บรรยายรูปถ่ายจากส่วนต่างๆ ที่ติดผนังไว้ เขายิ้มอย่างเป็นสุขให้กับเรื่องราวที่ได้รับฟัง เรื่องราวในสมองค่อยๆ สมบูรณ์ขึ้น จิตใจกลวงโบ๋ค่อยๆ ถูกเติมเต็ม ชีวิตครอบครัวของเขาและยุพาช่างสวยงามจนหากจะคิดว่ามันเป็นเพียงฝันก็คงจะไม่ผิดนัก
“บรี้น...นนน เอี๊ยด...ดดด”
“คุณแม่ขา หนูกลับมาแล้วค่ะ”
“คุณยายครับ ผมกลับมาแล้วครับ”
เวลาไม่เคยหยุดนิ่ง มันวิ่งผ่านไปเร็วเสมอในยามที่คนมีความสุข เหล่าลูกหลานที่ออกไปใช้ชีวิตยังโลกภายนอกทยอยกันกลับมาจนครบ สมชายมองเด็กๆ และลูกๆ ที่ต่างเติบใหญ่กันหมดแล้ว
เขาไม่เข้าใจตนเองว่าอะไรอยู่ในความรู้สึกกันแน่ เขารู้สึกว่ารักคนเหล่านี้เหลือล้นแต่กลับจำอะไรไม่ได้เลย เขารู้สึกได้ถึงสายใยแห่งความผูกพันแต่ในขณะเดียวกันกลับเหมือนห่างเหินราวคนแปลกหน้า
“มา เด็กๆ มาไหว้คุณตาสิจ๊ะ มาๆ มาให้คุณตากอดหน่อยเร็ว”
เด็กๆ ทำตามหญิงชราอย่างว่าง่าย พวกเขายกมือไหว้และโผเข้าหาสมชาย หลังจากนั้นก็พากันวิ่งวนรอบตัวของเขาอยู่อย่างนั้นอย่างสนุกสนาน เขายิ้ม ยื่นมือลูบหัวเหล่าเจ้าตัวน้อยอย่างรักใคร่
“คุณพ่อคะ”
ลูกสาวตรงเข้าหาด้วยรอยยิ้มสดใส สมชายกอดเธอ ลูบหลังเบาๆ ให้รับรู้ว่าพ่อคนเดิมของเธอกลับมาแล้ว มื้อค่ำนั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ แม้จะไม่คุ้ยเคยกันภาพครอบครัวที่มีสมาชิกจำนวนมากแต่สมชายก็มีความสุขมากเหลือเกินที่ได้นั่งอยู่ตรงนี้ ได้เห็นรอยยิ้มของทุกคนในครอบครัวอย่างแจ่มชัดอีกครั้ง
ในเวลาที่ทุกคนต่างพากันพักผ่อนเอาแรงไว้สำหรับวันพรุ่งนี้จนหมดแล้ว สมชายและยุพานั่งอยู่บนเตียงนอน เขามองไปทั่วห้องและพบว่ามีหลายอย่างในห้องนี้เปลี่ยนแปลงไปจากความทรงจำสุดท้าย
แต่ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน ยุพาคนรักของเขาก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เธอยังคงทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ในวันแต่งงานว่าจะอยู่กับเขาด้วยกันตราบวันสุดท้ายของชีวิต
“ผมขอโทษด้วยที่ทำให้คุณต้องลำบากขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ผมเคยสัญญากับคุณว่าจะทำให้เรามีความสุขแท้ๆ”
สมชายได้รับรู้ความจริงของตนเองหลังอาหารมื้อค่ำจากปากของลูกสาว หลายปีแล้วที่เขาเริ่มมีอาการผิดปกติในส่วนของสมองที่ทำหน้าที่บันทึกความทรงจำ หากจะเปรียบเทียบความทรงจำของคนก็เหมือนคอมพิวเตอร์ที่มีระบบบันทึกอัตโนมัติ เมื่อสมองที่ทำหน้าที่นี้เสื่อมลงมันก็จะทำการเริ่มระบบขึ้นมาใหม่เหมือนกับคอมพิวเตอร์
บางคนจะเป็นทุกห้านาที บางคนก็ทุกชั่วโมง แต่สำหรับสมชายมันคือทุกวัน เริ่มแรกเขาเพียงแค่จำอะไรไม่ค่อยได้ เริ่มหลงๆ ลืมๆ แต่นับวันมันกลับยิ่งทรุดหนักลงเรื่อยๆ จนในที่สุดความทรงจำบางส่วนของเขาก็ถูกลบออกไป
ทุกวันที่สมชายตื่นขึ้นมาสมองของเขาก็จะเริ่มทำงานโดยดึงเอาความทรงจำที่พิเศษที่สุดขึ้นมาซึ่งก็คือเช้าหลังวันแต่งงานนั่นเอง และนั่นก็ทำให้เขาจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่ได้เลยแม้แต่น้อยราวกับว่ามันยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ไม่ว่ามันจะสวยงามและน่ายินดีขนาดไหนก็ตาม แต่ทุกอย่างก็จะถูกลบหายไปเพียงข้ามคืน หลังจากได้รับรู้ความจริงทั้งหมด สมชายคิดว่าหากเขาพิมพ์ข้อมูลต่างๆ เก็บเอาไว้ในคอมพิวเตอร์เขาจะจำได้เมื่อกลับไปอ่านในวันถัดๆ ไป
แต่ทว่าเมื่อเขาเปิดเครื่องขึ้นมาก็พบว่ามีเรื่องราววันแล้ววันเล่าที่เขาพิมพ์เก็บเอาไว้ แต่ทั้งหมดนั้นไม่เคยถูกเปิดอ่านเลยเพราะเมื่อตื่นขึ้นมาอีกวันเขาก็จะจำไม่ได้ว่าเคยพิมพ์อะไรเอาไว้ที่ไหน
แรกๆ ยุพาเคยพยายามบังคับให้เขาอ่านและบอกความจริงให้ได้รู้ตรงๆ แต่ในครั้งนั้นเขากลับยอมรับไม่ได้จนถึงกับเตลิดหายไป สุดท้ายจึงต้องใช้วิธีที่ทำให้เขารับรู้และค่อยๆ ยอมรับได้ด้วยตัวเอง
เธอเก็บปฏิทินทั้งหมดในบ้านป้องกันเขาตื่นขึ้นมาเห็นเพื่อไม่ได้เกิดความความสับสนในเรื่องช่วงเวลาที่ผิดเพี้ยนไปจากความทรงจำ รูปถ่ายที่มีความหมายพิเศษถูกนำไปวางไว้ตามจุดต่างๆ ของบ้าน เพื่อให้เขาได้เห็นและค่อยๆ เรียงร้อยเรื่องราวได้เอง
“พาไม่เคยคิดว่าตัวเองลำบากเลยที่ได้อยู่กับคุณ พาไม่เคยเสียใจที่แต่งงานกับคุณ ทุกวันนี้พามีความสุขมากอยู่แล้ว พาดีใจที่คุณยังอยู่กับเรา ดีใจที่ยังได้กอดคุณ ได้คุยกับคุณ ถึงแม้มันจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม”
ยุพาเอียงตัวกอดสามี สมชายกระชับอ้อมกอดก่อนจะเอียงหัวซบคนรัก
“ผมไม่เคยเข้าใจความหมายของการมีชีวิตตราบจนได้พบกับคนที่ผมอยากมอบชีวิตให้ ผมไม่เคยเข้าใจคุณค่าของความทรงจำตราบจนวันที่ผมไม่สามารถรักษามันไว้ได้ การจดจำเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตได้นั้นเรื่องน่ายินดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องร้ายหรือดีแต่มันก็จะให้อะไรบางอย่างกับจิตใจเสมอ แต่สำหรับผม แม้แต่ภาพที่ประทับใจที่สุดในชีวิตผมยังไม่อาจรักษามันไว้ได้”
นาฬิกาแขวนผนังบอกว่าขณะนี้เวลากำลังล่วงเข้าสู่วันใหม่แล้ว สมชายยังคงฝืนตัวเองไม่ให้หลับใหลทั้งๆ ที่เหนื่อยมาตลอดทั้งวันเพียงเพื่อจะให้เวลาแห่งความทรงจำยืดยาวออกไป
“ผมไม่อยากหลับเลย ถ้าหลับไปแล้วผมก็จะต้องลืมทุกอย่างไปอีกครั้ง ผมไม่อยากต้องสูญเสียความทรงจำเหล่านี้ไปอีกแล้ว”
น้ำเสียงสะอื้นไห้ น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อาจกลั้น ยุพาโน้มศีรษะของเขาให้ซบลงบนไหล่
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ นอนเถอะนะ ไม่ว่าจะอีกกี่ครั้งที่คุณจำไม่ได้ แต่ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาคุณก็จะยังเจอพานั่งอยู่กับคุณเสมอ และทุกครั้งตลอดไปเช่นกันที่พาจะทำให้คุณกลับมาจำได้เอง”
“ผมรักคุณมากนะ พา”
“ได้เวลาพักผ่อนแล้วค่ะ คนดี”
เปลือกตาของสมชายค่อยๆ ปิดลง เขาหลับไปในอ้อมกอดของหญิงคนรัก น้ำตาของยุพาไหลริน นางสวมกอดเขาเนิ่นนานก่อนจะค่อยๆ ประคองให้เขานอนลง เอื้อมมือไปดับแสงสว่างและปล่อยให้ความมืดมิดเข้าครอบคลุมราตรีกาลอีกครั้ง
....................................
แดดอ่อนยามเช้าสาดส่องผ่านกรอบหน้าต่าง ม่านสีชมพูสะบัดตามสายลมที่หอบพัดเอาความมีชีวิตชีวาของวันใหม่เข้ามา เสียงร้องจิ๊บๆ ดังเซ็งแซ่อยู่บนต้นไม้หลังม่านบางเบา
สมชายปรือตาอย่างยากลำบาก รู้สึกปวดขมับทั้งสองข้าง อาจเป็นเพราะเมื่อคืนที่ผ่านมาเขาดื่มหนักและนอนไม่พอ ทั้งๆ ที่ปกติเขาแทบจะไม่เคยแตะเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ทุกชนิดแท้ๆ แต่เมื่อคืนเขาคงมีความสุขมากเกินไป
ใช่แล้ว เมื่อคืนที่ผ่านมาเขามีความสุขมากจริงๆ