อินทรีหิมาลัย
ยอด เดชา
3. ล้างเผ่าพันธุ์
“ ยังงั้น ท่านจะปล่อยให้โลลุกะ ลูกสาวของท่านตายเปล่ายังงั้นรึ”
ความเจ็บปวดแล่นปลาบไปทั้งอก ทรวงที่เต้นตุบๆอยู่ข้างใน พลันเดือดดาล แล่นซ่านไปทั่วสรรพางค์ ความแค้นก่อให้เกิดความฮึกเหิม
โลโกเม้มปากแน่น พูดอะไรไม่ออกอยู่นาน จนกระทั่งลูกชายซึ่งเป็นพี่ชายของโลลุกะกลับมาถึง ทันได้ยินทุกคนปรึกษาหารือกัน จึงออกความเห็นด้วยความแค้นไม่แพ้คนอื่นๆ
“ ข้าขอยกทัพไปจัดการมันเอง”
“ เจ้าจะสู้มันไหวรึ ไอ้ซัมโปมันได้ชื่อว่าเสือดาวหิมะก็เพราะความว่องไวปราดเปรียว และมีฝีมือในการต่อสู้ คนที่จะจัดการกับมันได้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้น”
“ ใคร”
“ ดอร์จี”
“ แต่..เขาตกหลุมหิมะตายไปแล้ว”
“ ใช่ ตายพร้อมกับโลลุกะลูกข้า”
“น้องข้าด้วย” พี่ชายโลลุกะทะลึ่งลุกขึ้นด้วยความฉุนเฉียว “ ป่วยการกล่าวถึงคนที่ตายไปแล้วอย่างดอร์จี ซึ่งท่านเองก็ไม่ชอบ ข้าจะจัดการกับมันให้ได้”
“ ใช่ พวกเรามีอยู่หลายคน รวมกันเข้าจัดการกับมันได้ไม่ยากเลย” ลูกเผ่าต่างส่งเสียงสนับสนุน
แต่โลโกกลับส่ายหน้า ถอนใจยาวด้วยความหนักอก
“ ท่านจะยอมให้น้องของข้าตายเปล่าไม่ได้นะ” พี่ชายกล่าวอย่างเอาเรื่อง
“ แต่ข้าคิดว่า มันดีกว่าที่พวกเราจะตายกันหมดไม่ใช่รึ”โลโกกล่าว พลางมองหน้าคนนั้นทีคนนี้ที ก่อนจะกล่าวต่อไป“ ข้าจะอดทนต่อความทุกข์ทรมาน เพราะคิดถึงลูกสาวคนเดียว เสียสละโลลุกะ ดีกว่าที่จะเสียทุกคนไป”
“ โธ่ ท่านหัวหน้า ข้าคิดว่า ถึงเราไม่ถล่มพวกมัน ไม่ช้าไม่นานพวกมันก็ต้องมาถล่มพวกเรา”
“ นั่น ค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง”
“ ข้าเกรงว่าจะไม่ทันการณ์นะครับ”
“ ทำไม พวกเจ้าไปได้ยินข่าวอะไรมารึ”
“ คือ...พวกข้าได้ยินว่า ตอนนี้ไอ้ซัมโปมันกำลังมักใหญ่ใฝ่สูง มันคิดจะรวบรวมเผ่าต่างๆเข้ามาอยู่ในอำนาจของมันคนเดียว การเข่นฆ่าเผ่าที่ไม่ยอมก้มหัวให้กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้”
หัวหน้าเผ่าพยักหน้าเนิบๆ
“ จริงรึ” หันมาทางลูกชาย
“ ข้าก็ได้ยินมายังงั้น ตอนนี้ ชุมชุนเหนือเราขึ้นไปกำลังระส่ำ ซัมโปมันให้ลูกน้องไปชักชวนคนเหล่านั้นมอบตำแหน่งผู้นำเผ่าทั้งหมดในเขตคามของเราให้แก่มันถ้าเผ่าไหนไม่ยอมมันเผากระโจม และฆ่าทุกคน ไม่เลือกแม้แต่ลูกเด็กเล็กแดง ข้าคิดว่า ไม่นานมันจะต้องมาที่นี่”
“ ถ้ายังงั้น ก็ต้องเห็นดีกัน มันหรือข้าจะอยู่ก็ให้รู้กันในวันที่มันมาที่นี่”
“ ท่านจะรับ”
“ เผ่าเราได้ชื่อว่ารักความสงบ ไม่เคยรุกรานใครก่อน ข้าเสียดายเวลาที่ผ่านมาเหลือเกิน ไม่น่าหลงผิด ไปเข้ากับไอ้ซัมโปจนกำจัดดอร์จีได้ ข้าเสียใจจริงๆ”
“ ป่วยการเปล่าน่าพ่อ อย่าไปคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วเลย คิดว่าต่อไปเราจะรับมือ ไอ้ซัมโปยังไงดีกว่า”
“ ข้าจะพยายามสลัดความคิดและความทุกข์เรื่องโลลุกะออกไปให้หมด แล้วมาคิดวางแผนรับมือซัมโปอย่างที่ทุกคนแนะนำ”
“ ใช่ แต่เรื่องของโลลุกะก็ไม่ต้องสลัดทิ้ง เราเอาประเด็นนี้แหละมาเป็นพลังต่อสู้กับพวกมันให้ได้”
“ ยังงั้น เรามาช่วยกันคิด อาวุธมีเท่าไหร่ขนมาให้หมด นักรบในเผ่ามีเท่าไหร่ระดมมา เราจะเปิดศึกใหญ่กับซัมโป”
“ ข้าจะจัดการเอง แต่เรื่องอาวุธ เราด้อยกว่าซัมโปมาก”
“ ธนูของเราก็มีเยอะแยะ ดาบของนักรบก็มีครบมือกันอยู่แล้ว”
“ แต่พวกมันมีปืนและระเบิด”
โลโกนิ่งไปนาน คำว่าปืน ระเบิด ทำให้เขาต้องครุ่นคิดอย่างหนัก อาวุธพวกนี้มีอานุภาพสูง ที่ประเทศของพวกเขาต้องตกอยู่ในอำนาจของกองทัพเหมาเจ๋อตงก็เพราะปืนและระเบิด รวมถึงแสนยานุภาพด้านกำลังทหารมหาศาลนั่นเอง ทำให้หลังคาโลกกลายสภาพเป็นยังงี้ และเมืองหลายเมืองก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นภาษาจีนไปเสียฉิบ
กำลังใช้ความคิดกันอย่างหนักนั่นเอง ทันใดนั้น ร่างของใครคนหนึ่งก็ทะยานออกมาจากหลังพุ่มไม้ สองแขนของเขาอุ้มร่างที่ปราศจากชีวิตของหญิงคนหนึ่งเอาไว้
“ เอิ้ว ว” ทุกคนทะลึ่งลุก และส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ แต่พอรู้ว่าเป็นใคร ทุกคนต่างก็ตกตะลึงงัน และแตกฮือกันออกไปด้วยความหวาดกลัว
ลัทธิบอนที่คนทิเบทนับถือมายาวนานมีอิทธิพลต่อความคิด จิตใจของผู้คนมาก โดยเฉพาะผี
“ ผิ ผี”
ทุกคนแตกฮือระส่ำระสาย ขนหัวลุกซู่ชูชัน แต่โลโกกล้าสมกับที่เป็นหัวหน้าเผ่าจริงๆ เขายังควบคุมสติสตังเอาไว้ได้ จึงไม่แตกฮือพาลูกเผ่าวิ่งหนีสิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็นวิญญาณปรากฏต่อหน้า แม้ว่าขนหัวจะลุกตั้งชัน ร่างสั่นเป็นเจ้าเข้าก็ตาม
“ ดอร์จี” หัวหน้าเผ่าตั้งสติได้ก่อนคนอื่นร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
“ ข้าเอง”
“ เจ้ายังไม่ตาย” ปากสั่นเล็กน้อย
“ ใช่ แต่...”
เหลือบตามองร่างในอ้อมแขน เสียงของดอร์จีสั่นเครือด้วยความรู้สึกสะเทือนใจ เขาไม่สนใจสิ่งใดอีกแล้ว อุ้มร่างที่ปราศจากลมหายใจของโลลุกะฝ่ากลางวงเข้าไป
ลูกเผ่าของโลโกแตกฮือออกทั้งสองข้าง แล้วพากันล้อมหน้าล้อมหลังชายหนุ่มเอาไว้ แต่ดอร์จีก็ไม่สนใจไม่แยแสแม้แต่จะชำเลืองตามอง อุ้มร่างของหญิงสาวเดินตรงเข้าไปในกระโจมของหัวหน้าเผ่า ก่อนจะวางร่างของเธอลงไปบนที่นอนที่ปูลาดอยู่บนพื้น
เสียงลูกเผ่าคนหนึ่งดังขึ้น
“ ไอ้ดอร์จีมันเหยียบมาถึงที่นี่ จัดการสั่งสอนมันสักหน่อยไหมครับหัวหน้า”
“เฮ้ย อย่านะโว้ย พวกเจ้าไม่ต้องทำอะไรจนกว่าข้าจะสั่ง”
ดาบถูกเก็บเข้าฝัก แต่ท่าทางยังคงกระเหี้ยนหือรือไม่หยุด
ดอร์จียืนมองร่างที่หลับตาพริ้มอยู่บนที่นอน ครู่หนึ่งจึงหันมาทางเสียงทักจากด้านหลัง
“ ลูกข้าเป็นยังไงบ้าง ดอร์จี”
“ ข้าเสียใจที่ช่วยโลลุกะไม่ได้”
โลโกบดกรามดังกรอด พยายามข่มอารมณ์เอาไว้
“ ข้ายิ่งเสียใจกว่าเจ้า ส่วนหนึ่งเป็นความผิดของข้าด้วยที่หลงเชื่อคนสับปลับอย่างไอ้ซัมโป”
“ซัมโปยังงั้นรึ ”
“ ใช่”
“ มันอยากได้โลลุกะ” เขาคาดเดา
“ ทีแรกก็ว่ายังงั้น แต่ตอนนี้ ข้ารู้แล้วว่า มันไม่ได้รักลูกสาวข้าเลย มันรักอำนาจและตำแหน่งหน้าที่มากกว่า”
“ หมายความว่า มันใช้ท่านเป็นทางผ่าน”
“ ก็ทำนองนั้น หรือเรียกว่าบันไดจะถูกมากกว่า มันสั่งให้ยิงเจ้ากับโลลุกะ”
“ แล้วท่านก็ยอม”
โลโกเม้มปากแน่นจนเจ็บ
“ มันขู่จะล้างเผ่าพันธุ์ข้า ข้าเลยคิดว่า การเสียสละลูกสาวเพียงคนเดียว จะดีกว่าเสียคนทั้งเผ่า”
ดอร์จีครางออกมาเบาๆ ด้วยความรู้สึกปวดร้าวและเห็นใจ
“ ไอ้ซัมโป มันกับข้าต้องได้เห็นดีกัน ท่านรู้รึเปล่าว่า ตอนนี้ มันอยู่ไหน”
“ คิดว่าเดาไม่ผิด ถ้าไม่อยู่ที่เผ่าของมัน ก็อยู่ที่บ้านนายของมัน”
“ที่ไหน” ดอร์จีกระชากเสียงถาม
“ ชานกรุงลาซา ที่นั่น เป็นที่ทำการพรรคของพวกมันด้วย”
“ฮ้า พรรค” ดอร์จีขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “ พรรคอะไร”
“ พรรคหิมะแดง”
“ พรรคหิมะแดง” ดอร์จีร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เคยสดับชื่อพรรคนี้มาก่อน “ ใครเป็นหัวหน้าพรรค”
“ มันชื่อ...”
อ้าปากจะเอื้อนเอ่ยชื่อหัวหน้าพรรคออกมา แต่คำพูดยังไม่ทันพ้นริมฝีปาก พลันเสียงย่ำของฝีเท้าม้าก็สนั่นหวั่นไหวขึ้นมาเสียก่อน
“ เสียงอะไร”
ทุกคนเงี่ยหูลงฟังเสียงหวั่นไหวราวแผ่นดินหลังคาโลกจะถล่มทลายลงยังงั้น แต่แล้ว ลูกชายของโลโกก็ตะโกนขึ้น
“เสียงม้า”
“ พวกไหน”
“ ยังไม่ทราบแน่ชัด”
“ ยังงั้นให้ใครออกไปดูซิ”
ลูกชายของโลโกถลันออกไปนอกกระโจม สั่งให้ลูกน้องออกไปดูทางด้านหน้าชุมชน ที่บัดนี้ คลาคล่ำไปด้วยกองทัพม้า แห่กันมาเต็มพรืดไปทั้งหุบเขา
ครู่หนึ่ง ลูกน้องจึงควบม้ากลับมารายงาน
“ พวกไหน”
“ ซัมโป”
“ พวกมันบุกเราแล้ว”
ลูกชายโลโกตะโกน
ทุกคนหันมองออกไปทางช่องเขาซึ่งเป็นทางเข้าชุมชน และบัดนี้ มันคลาคล่ำไปด้วยกองทัพม้าที่ห้อตะบึงเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน
“ พวกมันบุกเราแล้ว เตรียมสู้ตาย ”
เสียงตะโกนบอกต่อๆกันมา ดังกึกก้องขึ้นจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์ ต่อจากนั้นไม่ถึงอึดใจ ทั้งเสียงคน เสียงม้า ก็ระคนกันจนฟังไม่ได้ศัพท์
“ ฆ่าพวกมันให้หมด”
ฉัวะว
เพล้ง ง
“ โอ๊ย ย”
กั๊บ กั๊บ กั๊บ
“ ต้านเอาไว้ อย่าให้พวกมันบุกเข้ามาได้ สู้ตาย”
เสียงเหล่านี้ฟังไม่ได้ศัพท์ ร้องหวีดออกมาแล้วก็ล้มฟาดลงไปบนพื้นดิน ชักดิ้นชักงอสองสามครั้ง แล้วก็สิ้นใจตาย
ดอร์จี ได้ยินเสียงดาบปะทะกัน เสียงของแหลมแหวกผ่านกล้ามเนื้อดังสวบ ตลอดจนเสียงปลายดาบและมีดกระแทกกระดูกดังกึก
ต่อจากนั้น เขาก็ได้ยิน ได้เห็นร่างของมนุษย์ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ ผู้หญิง และชายฉกรรจ์ ต่าง ล้มฟาดลงกับพื้นเสียงตึงตัง แล้วเลือดสีแดงก็ไหลอาบทานองไปทั้งหุบเขา
“ ฆ่ามันให้หมด อย่าให้เหลือ”
เสียงประกาศของผู้บุกรุก ทำให้หัวหน้าเผ่าทะยานออกไปหน้ากระโจม พร้อมกับตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
“ ไอ้ซัมโป”
“ แน่รึ” ดอร์จี ซึ่งตามมาติดๆถามอย่างสนใจ
“ แน่เสียยิ่งกว่าแน่เสียอีก นั่นเห็นไหม ข้าจำม้ามันได้”
ม้าพันธุ์ดี สีลาน ตัวสูงใหญ่ ยืนอยู่บนเนินสูง โดยมีเจ้าของนั่งสง่ามาบนหลังของมัน พลางกวัดแกว่งดาบ และตะโกนบัญชาลูกน้องอย่างอาจหาญ
“ ฆ่ามัน ถ้าพวกมันสู้ ใช้ปืน หรือระเบิด จัดการเผามันให้วอด”
“ ระยำเอ๊ย นี่มันกะจะล้างเผ่าพันธุ์ข้าเลยรึไง”
“ มันคงได้รับคำสั่งจากนายให้กวาดล้างคนที่รู้ความลับของพวกมันให้หมด” ดอร์จีกล่าวช้าๆ
“ แน่นอน แต่ข้าไม่ยอมมันหรอก ตายเป็นตาย ยังไงวันนี้ ข้ากับมันจะต้องได้เห็นดีกัน”