อินทรีหิมาลัย ตอนที่ ๓
0
ตอน
800
เข้าชม
83
ถูกใจ
1
ความคิดเห็น
1
เพิ่มลงคลัง

อินทรีหิมาลัย

ยอด เดชา

ด็อกเตอร์หนุ่มร้องออกมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง พลางพลิกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู และแล้วเขาก็ต้องเบิกตาโพลง เมื่อพบว่า นาฬิกาบอกเวลาล่วงเลยมากว่าสองชั่วโมงแล้วจริงๆ นับแต่เขาก้าวออกจากร้านน้ำชาแห่งนั้น  และแยกกับดอนดรุบ

“ เห็นมั้ยว่าด็อกเตอร์ สลบไปกว่าสองชั่วโมงจริงๆ”

“ ผมเชื่อ” ผงกศีรษะ “ ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ  ว่าแต่ที่นี่ ที่ไหนรึ”

“ วัดแห่งหนึ่ง บนความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่าห้าพันเมตร”

ขณะนั้น บริกรคนหนึ่งก็ยกถาดน้ำชาเข้ามา

“ เชิญดื่มชาเนยที่ดีที่สุดของชาวทิเบต”

“ ขอบคุณ”

ชาเนยหมดไปหนึ่งถ้วย ร่างกายของชายหนุ่มรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที

“ ทานซัมป้าอีกหน่อย”

เวทางค์โบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ

“ พอแล้วครับ ขอบคุณมาก ทีนี่ คงบอกผมได้แล้วว่า เรื่องอะไร”

เคลุงรูปนั้นถอนหายใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสบตากับเขาในแสงสลัวซึ่งสาดส่องมาจากหน้าต่างด้านข้าง

“ มงกุฎดำ”

เวทางค์หัวเราะเบาๆ เรื่องมงกุฎดำที่สร้างสมัยจักรพรรดิหมิงเฉินเขาพอมีความรู้อยู่บ้าง แต่เขาไม่คิดว่าตัวเองจะมีส่วนมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

“ มงกุฎดำทำไมรึ”

“ ท่านด็อกเตอร์คงพอรู้มาบ้างแล้ว” เวทางค์พยักหน้า แล้วเคลุงรูปนั้นก็กล่าวต่อไป “ มันหายไปจากทิเบตนานแล้ว”

“ คงก่อนผมเกิดเสียอีก”

“ ใช่ ก่อนทุกคนที่อยู่ที่นี่ เกิด”

“ ยังงั้น ท่านนำผมมาเกี่ยวข้องทำไม ในเมื่อท่านก็รู้ว่าไม่มีทางที่ผมจะสืบรู้ได้ อีกอย่างหนึ่ง เรื่องนี้ เป็นเรื่องของพวกท่านโดยตรง ผมเป็นคนนอก”

“ จริง แต่ด็อกเตอร์จบวิชามายาศาสตร์ และภาษาศาสตร์ สามารถติดต่อกับชนเผ่าพื้นเมืองต่างๆในเอเชียได้ ด๊อกเตอร์ รู้วิธีปฏิบัติและภาษาของชนกลุ่มน้อยได้ทุกเผ่า นี่เองที่พวกเราเลือกท่าน อีกอย่าง ด็อกเตอร์สามารถกลั้นลมหายใจได้ยาว ไม่ต้องหายใจระหว่างสวดมนต์เก้าจบ”

“ ท่านลามะ” เวทางค์อุทานด้วยความตกใจ เขาไม่คิดว่าจะมีใครล่วงรู้ความลับนี้

เคลุงรูปนั้นหัวเราะ

“ เห็นไหมล่ะว่าพวกเรารู้จักด็อกเตอร์ดี เพราะยังงี้นี่เอง เราจึงเลือกท่าน และนำท่านมาที่นี่ เพื่อขอความช่วยเหลือ”

เวทางค์ถอนหายใจ พลางส่ายหน้าด้วยความกังวล

“ ทำไมพวกท่านไม่เลือกคนอื่นที่เป็นคนชาติเดียวกัน”

“ เพราะคนเหล่านั้นมีข้อบกพร่อง”

“ ผมก็มี”

“ อะไร”

“ ความเชื่อไงล่ะ ผมไม่ใช่ชาวทิเบตโดยกำเนิดย่อมบกพร่องในข้อนี้ “

เคลุงรูปนั้น ยกมือขวาขึ้นมาตั้งไว้ระหว่างอก แล้วโน้มศีรษะลงน้อยๆ ก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วทั้งสี่ ไล่ไปตามลูกประคำทั้งหนึ่งร้อยแปดลูกที่คล้องคออยู่ ปากของท่านก็ขมุบขมิบคล้ายท่องมนต์อันศักดิ์สิทธิ์

“ ด็อกเตอร์อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลย ขนาดเรียนมายาศาสตร์มาถึงระดับปริญญาเอกแล้ว ยังเรียกว่าไม่มีความเชื่อเพียงพออีกรึ”

“ ใช่ ผมเรียนเพราะอยากรู้ ไม่ใช่ศรัทธา”

“ อย่าพยายามบ่ายเบี่ยงเลย” ท่านโบกมือ “ สิ่งที่ทำเมื่อประสบความสำเร็จ ย่อมประกอบไปด้วยความรัก และนั่นเองคือศรัทธา”

“ เปล่า ท่านลามะเข้าใจผิด ศรัทธาไม่ใช่ความรัก ความพอใจเท่านั้น แต่ศรัทธาจะต้องประกอบไปด้วยความเชื่ออย่างแรงกล้าจึงจะเรียกว่าความศรัทธาได้”

“ ถ้าด็อกเตอร์ไม่ศรัทธาอย่างแรงกล้า ใหนเลยจะเรียนจนจบปริญญาเอกได้ล่ะ อาตมาว่าไม่ใช่เพียงแค่ฉันทะ กับวิริยะเพียงอย่างเดียวหรอก นั่นคือศรัทธาที่ด็อกเตอร์มีต่อการเรียน และมีต่อศาสตร์เร้นลับนี้ด้วย”

ด็อกเตอร์เวทางค์ถอนหายใจ กวาดสายตามองไปรอบๆ

“ คนของท่านมีมากมาย น่าจะมีสักคนที่ทำเรื่องนี้ได้”

“ คนเหล่านั้นคุณสมบัติไม่เพียงพอ แม้จะมีศรัทธาอย่างแรงกล้าก็ตาม พูดตรงๆ งานนี้นอกจากจะใช้วิชามายาศาสตร์และภาษาศาสตร์แล้ว ยังจะต้องพึ่งพาวิชาการต่อสู้ที่มีฝีมือสูงส่งอย่างท่านด๊อกเตอร์ด้วยล่ะ”

“ ผมนะรึ”

“ ใช่ ด๊อกมีฝีมือในการต่อสู้เกือบทุกอย่าง โดยเฉพาะมวยไทยที่เล่นเอาคนของอาตมากระดูกซี่เดาะ”

“ แต่ผมก็แพ้”

“ นั่นเป็นเพราะด๊อกเตอร์ยังปรับตัวเข้ากับที่สูงไม่ได้ ถ้าอยู่ในสภาพที่ปกติด้วยกัน ไม่มีใครสู้ด๊อกเตอร์เวทางค์ได้หรอก”

เวทางค์ส่ายหน้า

“ ท่านอย่าพยายามยกยอผมเลย วิชาลังโกมของพวกท่าน ถือว่าสูงส่งแล้ว”

เคลุงส่ายหน้า

“ ลังโกมเป็นแค่วิชาตัวเบา ไม่ใช่วิชาการต่อสู้ ยังห่างไกลจากมวยไทยของท่านมาก”

“ แต่ผมไม่จบลังโกม”

“ อาตมาบอกแล้วไงว่า ด็อกเตอร์มีฝีมือในการต่อสู้อย่างอื่น มีด ปืน และมือเปล่า สามารถต่อสู้ได้อย่างดี อย่าปฏิเสธเลย คิดเสียว่าช่วยประเทศของเราก็แล้วกัน”

เวทางค์มองไปรอบๆอีกครั้ง เขายังไม่ตกลงใจ

“ท่านเหล่านี้ล่ะ”

“ ท่านเหล่านี้ยังไม่รอบรู้พอ สำเร็จวิชาลังโกมก็จริง แต่สาขาอื่นยังไม่เก่ง อย่าลืม พวกท่านเหล่านี้เป็นเคลุง ไม่ได้เป็นลามะ”

เวทางค์พยักหน้า แน่นอน เขารู้ว่า ลามะคือผู้ที่มีความรู้ความชำนาญทางพระพุทธศาสนาจะเป็นพระหรือฆราวาสก็ได้ส่วนคำว่าเคลุงชาวทิเบตใช้เรียกพระทั่วๆไป แม้ไม่ได้เป็นผู้รอบรู้ก็ตาม

ด็อกเตอร์หนุ่มลุกขึ้นยืน พร้อมกับส่ายหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว

“ ท่านหาคนใหม่ดีกว่า ผม...”

“อย่าเพิ่งปฏิเสธตอนนี้เลย คิดดูก่อนก็ได้ แล้วค่อยให้คำตอบกับพวกเรา อ้อ อาตมาลืมบอกไปว่า ถ้าท่านตกลงทำงานนี้ ท่านจะได้รับค่าตอบแทนอย่างงาม เป็นทองคำแท่งหนักหนึ่งพันบาท ”

“ ท่านคงเข้าใจผิด ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น แต่ที่ปฏิเสธเพราะผมไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของพวกท่าน ผมว่าอย่าให้ผมรับงานนี้เลย”

“ ยังงั้นอีกสามวันท่านค่อยให้กับคำตอบกับอาตมา คิดให้ดีก่อน”

เวทางค์ถอนหายใจ และเพื่อเป็นการรักษาน้ำใจของอีกฝ่าย เขาจึงพยักหน้ารับ

“ ตกลง ผมขอเวลาคิดสามวัน”

“ ได้” ลามะรูปนั้นหันไปสั่งทุกคน “ พวกเรากลับ”

พริบตาต่อมา เคลุงเหล่านั้นก็อันตรธานหายไปจากวัดแห่งนั้นด้วยวิชาลังโกมทิ้งให้ด็อกเตอร์ หนุ่มอยู่ตามลำพังในวัดแห่งนั้น

แต่เขาคิดว่า ยังไงเสีย ลามะรูปนั้น คงไม่ปล่อยให้เขาอยู่ตามลำพัง อย่างน้อย น่าจะมีคนของเขาคอยจับตามองเขาอยู่ ซึ่งอาจจะเป็นที่ใดที่หนึ่งรอบๆบริเวณนี้

ชายหนุ่มยืนมองหิมะโปรยปรายลงมาไม่ขาดสายทางนอกหน้าต่าง ปุยสีขาวค่อยๆหนาขึ้นๆ

ตามลำดับ  อีกไม่นาน ทุกเทือกเขา และหย่อมต้นไม้ จะกลายเป็นสีขาวโพลน ผู้คนจะหลบเร้นอยู่แต่ในบ้าน เพื่อหาความอบอุ่นจากผ้าห่ม และเปลวไฟจากเตาผิง

เวทางค์ก่อไฟในเตาผิง โดยอาศัยมูลจามรีแห้ง เป็นเชื้อเพลิงให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย

………..

บ่ายวันที่สาม หลังจากดื่มชาเนย และซัมป้าแล้ว เวทางค์จึงกลับเข้าห้องผิงไฟอีกครั้ง หนังสือที่มีอยู่ในตู้ของห้องสมุดประจำวัดช่วยคลายเหงาลงได้บ้าง

หิมะยังคงตกไม่ขาดสาย เทือกเขาทุกแห่งกลายเป็นสีขาวโพลนไปหมดแล้ว

ความหนาวเหน็บบาดเนื้อหนังจนปวดแสบ  ตอนกลางวัน ในวันที่ท้องฟ้าโปร่ง หิมะจะสะท้อนกับแสงแดดสุกโพลงไปจนสุดสายตา

แต่แสงแดดที่นี่ก็มีอยู่ไม่มากนัก ความร้อนความอบอุ่น มีเวลาค่อนข้างจำกัด นอกจากความสลัวและความหนาวเย็นเท่านั้น ที่มีอยู่อย่างยาวนาน ราวกับจะครองหลังคาโลกชั่วกัปชั่วกัลป์

ขณะนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างเตาผิงนั่นเอง ฉับพลัน เสียงอึกทึกก็ดังมาจากข้างนอก

เวทางค์ถลันลุกขึ้น และตรงไปที่ประตูห้อง เปิดมันออกอย่างรวดเร็ว และแล้ว ภาพที่ปรากฏแก่สายตาของด็อกเตอร์หนุ่ม มันถึงกับทำให้เขาเบิกตาโพลง เมื่อพบว่า ขณะนี้ ตรงระเบียงและห้องโถงข้างหน้านั้น เหล่าเคลุงกำลังต่อสู้กันอยู่อย่างโกลาหล

คนหนึ่งกระโดดขึ้นไปในอากาศ ด้วยวิชาลังโกม และอีกคนก็ทะยานตามขึ้นไปพร้อมกับซัดกำปั้นเข้าใส่กันเป็นพัลวัน

ผัวะ ว

ฉัวะ ว

เคลุงรูปหนึ่งซัดหมัดขวาออกไปตรงๆ หมายใบหน้าของอีกคน แต่ชายทิเบตในชุดเคลุงรูปนั้นก็เบี่ยงหน้าหลบไปได้อย่างหวุดหวิด แล้วทั้งสองก็ตกลงมาจากอากาศพร้อมกัน ทั้งคู่ยืนเหยียบบนพื้นด้วยสองขาที่มั่นคง ในขณะที่วิชาการต่อสู้ถูกงัดออกมาใช้อย่างคล่องแคล่ว

หมัดหนึ่ง กระแทกเข้าเต็มโหนกแก้มอันสูง เสียงดังผลัวะ ใบหน้าคนถูกชก สั่นสะท้าน ผงะหงายหลังไปด้วยความตกใจ พร้อมกันนั้น ตีนอันห่อหุ้มด้วยรองเท้าหนังของเจ้าของหมัด ก็สะบัดตามมาอีก ปลายเท้าอันแข็งแกร่ง ถีบปังเข้าเต็มหน้าท้องของเคลุงรูปนั้น

ฉึก ก

“ อึ๊ก”

กระเด็นกระดอนออกไปนอกอาคาร กระแทกเข้ากับหย่อมหิมะที่เกาะอยู่เต็มพุ่มไม้ประดับข้างทางขึ้น หิมะหย่อมนั้นแตกกระจาย ดอกสีขาวร่วงกราวลงสู่พื้น

เคลุงอีกหลายคู่ ต่างประหมัด ซัดกำปั้นเข้าใส่กันอย่างไม่ยั้ง วิชาลังโกมถูกนำออกมาใช้กันทุกคน คนหนึ่งกระโดด อีกคนก็ทะยานตามขึ้นไปสู่อากาศซึ่งเป็นภาพที่น่าดูไม่น้อย

หมัดหนึ่งซัดเปรี้ยงออกไป หน้าของอีกฝ่าย ก็สั่นสะท้าน ตีนของอีกคนยัดปัง ร่างของอีกคนก็ลอยละลิ่วไปตามแรงถีบ

เสียงร้องเจี๊ยกจ๊ากเอ็ดอึง ฟังไม่ได้ศัพท์ ทั้งหมัด เท้า และสันมือ ซัดเข้าใส่กันเป็นพัลวัน จนบางครั้ง ด็อกเตอร์เวทางค์ถึงกับหลับตาปี๋ด้วยความเสียวไส้ เมื่อแลเห็นหมัดของอีกฝ่าย ซัดออกไปจับผัวะเข้าเต็มปากครึ่งจมูกครึ่ง ต่อจากนั้น เลือดสีแดงก็ทะลักติดหมัดออกมา แต่แล้วด้วยความหนาวเย็นจนยะเยือก เลือดที่ควรกระฉูดไหลทะลัก ก็กลับกลายเป็นเพียงเลือดไหลซิบๆเท่านั้น

“ ย้าก ก”

“ เฮ้ย ทางด้านหลัง”

เคลุงรูปหนึ่งร้องบอกเพื่อนผู้บุกรุก ในขณะที่วิชาตัวเบา ส่งให้ร่างของเคลุงที่ร้องลั่น ละลิ่วมาในนภากาศ

เคลุงรูปหนึ่งที่ยืนอยู่ หันขวับไปมองตามเสียงร้องเตือน แต่ทว่าช้าไปเสียแล้ว เมื่อร่างเคลุงรูปนั้นทะยานมาถึงเสียก่อน ปลายเท้าที่หุ้มด้วยรองเท้าหนังกระแทกเข้าเต็มปลายคาง

ฉึก ก

“ โอ๊ก ก”

ร่างของเคลุงที่โดนถีบ กระเด็นไปกระแทกกับผนัง ก่อนจะล้มโครมลงไปกับพื้น ทำท่างัวเงียเพราะเมาตีน

ทันใดนั้น ร่างของเคลุงรูปที่ใช้วิชาตัวเบา ก็ลงมายืนอยู่บนพื้น

วัตถุสิ่งหนึ่งถูกกระชากออกมาจากชายพก คมสีขาวสะท้อนกับแสงยามบ่ายวาววับ

ด็อกเตอร์หนุ่ม เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ พร้อมกับอุทานออกมาเบาๆ

“ มีด”

ในขณะเดียวกัน เคลุงรูปนั้นก็ปรี่เข้าใส่เหยื่อ พลางคำราม

“ กูจะส่งมึงไปเป็นเหยื่ออีแร้ง ตายเสียเถอะ”

แต่ก่อนที่ปลายมีดจะทันได้ปักลงไปกลางอกของเคลุงที่พยายามตะเกียกตะกายหนี พลันเจ้าของมีดก็ต้องชะงัก

“ หยุด”

หันขวับมามองทางเสียง พลางอุทานออกมาดังลั่น

“ ด็อกเตอร์เวทางค์”

“ มันเรื่องอะไรกัน”

“ พวกนี้ บุกรุก”

“ ใคร”

 

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว