“หากรู้ว่าช่วงชีวิตมันจะไม่ยืนยาว
มันจะสั้นเกินไป เกินจะให้แก้ไข
หากรู้ว่าคนทื่รักจะจากกันไปแสนไกล
จะเปลี่ยนความคิดเสียใหม่
ไม่ให้เธอต้องปวดใจ...”
บทเพลงรักหากแฝงไปด้วยความเศร้าอย่าง ‘ไม่มีพรุ่งนี้ให้แก้ตัว’ จากปลายปากกาของสีฟ้า และน้ำเสียงอันแสนไพเราะของแอม เสาวลักษณ์ ถูกเปิดขึ้นเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ของวันนี้ หากไม่ว่าจะกี่ครั้งความไพเราะของบทเพลงนั้นก็ไม่เคยจางลงไปเลย มันเป็นบทเพลงอีกบทเพลงหนึ่งในอีกหลายบทเพลงที่เมื่อได้ฟังแล้วมันทำให้คนที่ฟังต้องกลับมานั่งคิดและทบทวนเรื่องราวในอดีตอย่างช่วยไม่ได้ สำหรับฉันทุกถ้อยคำที่เรียบเรียงขึ้นเป็นบทเพลงนี้ราวเขียนมาจากชีวิตของฉัน แต่แท้ที่จริงแล้วมันเพียงแค่พ้องกับชีวิตจริงของฉันเท่านั้นเอง ในตอนแรกที่ได้ยินมันทำให้ฉันรู้สึกอึ้งไปเลยทีเดียว มันทำให้ฉันย้อนนึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ ที่ฉันไม่เคยลืมไม่ว่ามันจะผ่านไปนานสักกี่ปีก็ตาม
ภายในห้องเช่าสี่เหลี่ยมแคบ ๆ ที่เต็มไปด้วยประดาข้าวของทั้งที่จำเป็นและไม่จำเป็นในการใช้ชีวิตในเมืองที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ทุก ๆ วันอาทิตย์ฉันมักจะฝังตัวอยู่ภายในห้องนี้เพียงลำพัง เปิดเพลงเบา ๆ กับบรรยากาศที่แสนสบาย ฉันไม่รู้สึกอยากจะออกไปพบเจอกับความวุ่นวายภายนอกและอากาศที่แสนจะร้อนอบอ้าว ทั้ง ๆ ที่เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว แต่สำหรับที่นี่อากาศหนาวแทบจะไม่เคยได้สัมผัสกับมันสักเท่าไหร่นอกเสียจากเวลาเช้ามืดที่อากาศจะเย็น ๆ อยู่บ้าง แต่ถ้าเป็นในตอนกลางวันแทบไม่ต้องพูดถึง แดดเปรี้ยงจนฉันแทบไม่อยากเอาผิวของฉันออกไปสัมผัสเลยถ้าเป็นไปได้ อย่างวันนี้ก็อีกเช่นกันวันหยุดหนึ่งวันของฉันหลังจากที่ทำงานมาตลอดหกวัน มันช่างเป็นวันหยุดที่แสนสั้น วันเวลามันผ่านไปรวดเร็วเสมอสำหรับคืนวันแห่งความสุข ฉันเคยถามตัวเองแล้วทำไมเวลาแห่งความทุกข์มันไม่เคยผ่านฉันไปเร็วอย่างนี้เสียที ฉันยังรู้สึกในทุกวินาทีว่าความเศร้าไม่เคยห่างหายจากฉันไปไหน มันคอยเป็นเงาติดตามตัวฉันไปในทุกขณะที่ยังคงมีลมหายใจ ฉันเชื่อหากในวันที่ฉันสิ้นลมหายใจความทุกข์มันก็คงจะจางหายไปพร้อมกับฉันก็เป็นได้ ในขณะที่บทเพลงรักแสนเศร้ากำลังขับกล่อมหัวใจของคนที่มีความทุกข์เช่นฉันให้จ่อมจมไปกับความเศร้าที่ไม่มีวันจางหาย ฉันนั่งมองดูกล่องอลูมิเนียมสี่เหลี่ยมสีน้ำเงินที่ตั้งวางบนโต๊ะที่กลางห้องด้วยความรู้สึกเดียวดาย มันนานมาแล้วที่ฉันไม่ได้สนใจที่จะหยิบกล่องใบนี้ขึ้นมาจากซอกหนึ่งภายในห้องเล็ก ๆ ของฉันที่เก็บข้าวของที่ไม่ได้ใช้แล้วหากก็ไม่ได้ทิ้งมันไปด้วยความเสียดายในสิ่งของเหล่านั้น แต่พอเมื่อได้ฟังเพลงนี้มันทำให้ฉันนึกถึงมันขึ้นมา ฝุ่นหนาที่ปกคลุมอยู่บนฝาปิดกล่องบ่งบอกถึงระยะเวลาที่มันไม่ได้รับความใส่ใจจากเจ้าของแบบฉันที่พยายามจะหลงลืมมันไป เช่นเดียวกับสิ่งที่มันอยู่ภายในกล่องใบนั้น ที่ฉันพยายามที่จะไม่นึกถึงมันหากแท้ที่จริงฉันไม่เคยลืมมันไปได้แม้สักวินาที
กล่องสีน้ำเงินเข้มใบนั้นได้เก็บความทรงจำต่าง ๆ เกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันแน่ใจในทุกขณะที่หายใจเข้าออกว่าฉันไม่เคยลืมเขา หากเพียงต้องการซ่อนเขาไว้ให้เป็นความทรงจำจาง ๆ ในชีวิตของฉัน ความรักแสนหวานที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ภายในกล่องใบนั้นมันอาจทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่ได้คิดถึง หากมันก็นำความรู้สึกปวดปร่าให้แก่หัวใจฉันได้เช่นกัน แค่เพียงฉันยื่นมือไปแตะกล่องใบนั้นมันก็ทำให้ฉันรู้สึกถึงสิ่งที่บรรจุอยู่ภายในนั้น ฉันถามตัวเอง ฉันควรแตะต้องความทรงจำที่ฉันพยายามเก็บซ่อนมันไว้ หรือฝังความทรงจำนั้นให้ลึกและเลือนหายไปกับกาลเวลา หากอาจเพราะความคิดถึงและอยากกลับไปสัมผัสความรู้สึกแห่งวันคืนเก่า ๆ ฉันถึงได้เปิดกล่องนั้นออกมา ฉันมองเข้าไปในกล่องใบนั้นข้าวของทุกอย่างในนั้นช่างหลากหลายเสียเหลือเกิน ทั้งจดหมาย การ์ด ของขวัญ หรือแม้แต่รูปภาพ ทุกอย่างถูกเก็บซ่อนไว้อย่างดี จากนั้นสิ่งของที่อยู่ภายในกล่องนั้นก็ถูกหยิบออกมาทีละชิ้น ทีละชิ้น วางเรียงเอาไว้บนโต๊ะตามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ราวกับว่ากำลังเรียงร้อยเหตุการณ์ต่าง ๆ ในอดีตให้ได้กลับไปสัมผัสอีกครั้งหนึ่ง
สิ่งแรกที่ฉันหยิบมันขึ้นมาดู เป็นรูปถ่ายใบหนึ่งซึ่งอายุของมันคงราวสามปีเห็นจะได้ มันเป็นภาพแห่งการเริ่มต้นของสัมพันธภาพระหว่างฉันกับชายคนหนึ่ง เส้นทางชีวิตของฉันและเขาได้เริ่มต้น ณ วันที่เราได้ร่วมเดินทางไปในจังหวัดหนึ่งในภาคอีสานเพื่อร่วมในงานบุญผ้าป่าที่เราได้ร่วมจัดทำขึ้นกับเพื่อนร่วมงานในบริษัทเดียวกัน ที่ ๆ เราไปกันก็คือหมู่บ้านของเขานั่นเอง ก่อนหน้านั้นเราอาจเป็นเพียงเพื่อนร่วมงานกัน เดินสวนกันไปมาอยู่ทุกวัน ยิ้มให้กันตามประสาคนในบริษัทเดียวกันเท่านั้น ไม่เคยมีใครคาดคิดว่าเมื่อกลับจากงานบุญนั่นแล้ว ความใกล้ชิดกันในระหว่างที่ไปร่วมงานนั้นจะทำให้คนสองคนเปลี่ยนความสัมพันธ์จากเพียงแค่เพื่อนร่วมงาน มาเป็นคนรักกันได้ มันอาจเป็นเรื่องแปลกหากใครมองเราสองคนที่มีความแตกต่างกันอย่างมากมาย ทั้งในเรื่องระดับการทำงาน การแต่งตัว หรือแม้แต่การดำเนินชีวิต แต่สำหรับฉัน ฉันกลับคิดว่าเราสองคนต่างเติมเต็มในความแตกต่างของกันและกันเสียมากกว่า เราสองคนเริ่มคบกันจริงจังแบบไม่รู้ตัวหลังจากกลับมาจากที่นั่นได้หนึ่งสัปดาห์ เราคุยกันทางโทรศัพท์ทุกวัน แล้วจากนั้นใครต่อใครก็รู้กันว่าเราสองคนคบกันอยู่ ทั้งที่ฉันและเขาก็ไม่เคยบอกกันว่าเราคบกัน แต่ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามครรลองแห่งธรรมชาติ ที่ชายหญิงเมื่อได้ใกล้ชิดกันมันก็มักจะมีสายใยบาง ๆ ก่อตัวขึ้นได้อย่างง่ายดาย หากมีใครบางคนถามฉัน ทำไมถึงเลือกที่จะรักคนอย่างเขา ฉันเองไม่เคยมีคำตอบให้กับคำถามนั้นได้ อาจเพียงเพราะฉันไม่เคยมีเหตุผลให้กับเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ยากจะหาเหตุผลหรือสิ่งใดมาอ้างอิงในสิ่งที่เกิดขึ้น แม้แต่กับเขาเองก็ยังเพียรถามฉันว่า เพราะอะไรถึงเลือกคนอย่างเขา ฉันไม่เคยตอบ ไม่ใช่เพราะไม่ได้รัก หากเพียงเพราะสิ่งที่รู้สึกมันตอบออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ฉันใช้เพียงการกระทำให้กับสิ่งที่เขาต้องการอยากจะรู้ และฉันรู้เขาเองก็รู้เช่นกัน
สิ่งของที่วางเรียงรายบนโต๊ะ แต่ละชิ้นมันบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับเขาทั้งสิ้น ของชิ้นเล็ก ๆ บางชิ้นเวลาที่ได้เห็นมันฉันก็มักจะนึกถึงเขา เหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตฉันไม่เคยลืมมันได้สักครั้ง ทุกครั้งที่ได้เห็น หรือแม้แต่ผ่านไปในที่ที่เคยมีเขาฉันก็มักจะมองหา ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันคงไม่มีทางที่จะเห็นเขาได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะพรุ่งนี้หรือว่าเมื่อไหร่ก็ตาม ถนนสายหนึ่งนำพาให้เขามาเจอฉัน และก็ถนนสายเดิมที่มันพรากเขาไปจากฉันเช่นกัน เวลาที่ได้กลับไปบนถนนสายนั้น ฉันมักจะมองเห็นภาพของวันวาน ในวันที่ความรักของเราสองคนช่างหวานชื่น ภาพของชายหนุ่มรูปร่างสูง ท่าทางเดินสง่าผ่าเผยที่ไม่ว่าใครเห็นก็มักจะต้องเหลียวหลังโดยเฉพาะผู้หญิง ฉันเองก็แพ้เขาเพราะตรงนี้เช่นกัน ความที่เขาดูสมาร์ท ทุกครั้งที่เดินเคียงข้างกันในความแตกต่างของเราสองคนฉันไม่เคยมองเห็นมันฉันภูมิใจทุกครั้งเมื่อเวลาที่เดินด้วยกัน ฉันมองเห็นตัวฉันเองเดินเคียงข้างเขา เราสองคนจับมือกันเดินข้ามถนนไม่ได้สนใจต่อสายตาของใครต่อใครที่มองดูอยู่ ปกติฉันไม่ค่อยชอบเดินกับผู้ชายคนไหน แต่หากเป็นคนนี้แม้เส้นทางมันจะยาวไกลสักเท่าไหร่ฉันก็อยากจะเดินไปกับเขา ขอเพียงแค่ในชีวิตมีผู้ชายคนนี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต อนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไรฉันไม่เคยนึกถึงมัน หากวันนี้แม้แต่เงาของเขาฉันก็ไม่มีวันสัมผัสมันได้อีก
แหวนเงินเกลี้ยงถูกหยิบขึ้นมามอง มันนานมาแล้วที่ฉันไม่ได้สวมมันอาจเป็นเพราะมันเป็นแหวนคู่ แหวนอีกวงผู้ที่สวมจากไปแล้ว ฉันจึงจำเป็นต้องถอดมันเก็บเอาไว้ เรื่องของแหวน มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันไม่เคยลืม ทุกครั้งที่ได้คิดถึงฉันจะนึกถึงผู้ชายคนหนึ่งที่ดูแล้วไม่น่าจะโรแมนติก แต่เชื่อไหมเขายังเก็บของทุกชิ้นที่ฉันให้เขาไว้เป็นอย่างดี แม้แต่แหวนหยกสีเขียวที่เขายืมไปใส่เล่นแล้วทำมันแตกเขายังเก็บเศษซากนั้นไว้ เขาไม่เคยทิ้งอะไรสักอย่าง ผิดกับฉันที่เมื่อต้องแยกจากกัน ฉันมักจะไม่เก็บอะไรไว้ให้รู้สึกต้องเจ็บปวดเวลาที่ได้เห็นมัน หรือไม่เช่นนั้นก็จะเก็บมันไว้ให้ไกลหูไกลตา เวลาที่ต้องซื้อแหวนฉันก็มักจะซื้อมาสองวงเหมือน ๆ กัน วงหนึ่งฉันใส่เอง อีกวงก็ให้เขาใส่ เขาไม่เคยขัดที่จะใส่แหวนแบบเดียวกับฉัน ฉันไม่เคยบังคับนะแต่เขาเต็มใจที่จะใส่มัน มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาทำแหวนที่ฉันซื้อให้เขาหาย เขาพร่ำบ่นก่นด่าตัวเองอยู่ทั้งคืนในความสะเพร่าของตัวเอง ที่ไม่อาจรักษามันเอาไว้ได้ จนฉันต้องปลอบใจเขาด้วยการกอด แล้วพยายามบอกกับเขาว่ามันไม่สำคัญขนาดนั้น แต่ฉันรู้สำหรับเขามันสำคัญเพราะมันเป็นของแทนใจที่ฉันเป็นคนมอบให้ เขาเพียงต้องการรักษาและเก็บมันเอาไว้ให้ดีที่สุด แม้ของสิ่งนั้นมันจะด้อยค่า แต่ถ้ามันมาจากฉันมันจะสำคัญเสมอสำหรับเขา มันก็อย่างที่ฉันบอกกับเขา สิ่งของมันไม่ได้สำคัญอะไรกับฉัน หากเป็นเขาต่างหากที่สำคัญ หากวันนี้ฉันยังมีเขาอยู่เคียงข้างฉันคงมีความสุขมากกว่านี้ ในอ้อมกอดของเขาฉันไม่ต้องกังวลใจในเรื่องใดอีก สำหรับฉันแค่มีเขาก็เพียงพอแล้วเชื่อไหมทุกอย่างที่อยู่รอบตัวของฉัน มันทำให้ฉันนึกถึงเขาได้ทุกอย่าง อาจเพราะมีช่วงเวลาหนึ่งที่เราได้ใช้ชีวิตร่วมกัน มันเลยทำให้ความรู้สึกทุกอย่างมันผูกพันกัน แม้แต่การต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมันก็ทำให้ฉันคิดถึงเขา เวลาที่ห่างกันมันทำให้ฉันเลิกกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปเลย แม้แต่แตงโมของชอบของเขาที่เมื่อก่อนฉันจะต้องซื้อติดไว้ในตู้เย็นให้เขาเสมอ หากจะต้องกินฉันก็อดคิดถึงเขาไม่ได้ เพลงเกิดมาแค่รักกันของบิ๊กแอส เพลงโปรดของฉัน ที่ฉันส่งข้อความครั้งสุดท้ายให้กับเขา เวลาที่ได้ฟังฉันก็คิดถึงเขา ม้านั่งสีเขียวหน้าหมู่บ้านที่ฉันเคยนั่งกับเขา เมื่อต้องผ่านไปเห็นฉันก็คิดถึงเขา ลูกอมฮาร์ทบีทที่ฉันไม่เคยชอบแต่ต้องมีให้เขาทุกวันวันละเม็ดเมื่อได้เห็นมันอยู่ในตู้เย็นฉันก็อดคิดถึงเขาไม่ได้ แม้แต่เสียงเคาะประตู ทุกครั้งที่ได้ยินฉันก็มักจะนึกว่าเป็นเขาทุกที ในยามที่ลมหนาวสัมผัสกับผิวกายฉันมักจะนึกถึงอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นของเขา ดวงดาวนับร้อยพันบนฟ้าทำให้ฉันนึกถึงค่ำคืนที่เคยนั่งดูดาวด้วยกัน ยามค่ำคืนก็มักจะทำให้ฉันนึกถึงไออุ่นจากคนที่นอนแนบข้างอยู่ทุกคืน แม้ในยามแสงอาทิตย์สาดส่อง ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าขับไล่ค่ำคืนที่เหน็บหนาวก็ทำให้ฉันนึกถึงรุ่งเช้าในวันที่สิบห้ากุมภาพันธ์ที่ฉันและเขาอยู่ต้อนรับเช้าวันใหม่พร้อมกัน และทุก ๆ เช้าที่ตื่นลืมตาก็ทำให้ฉันนึกถึงสายตาที่มองมาที่ฉันในยามเช้า ฉันมีความสุขทุก ๆ ครั้งที่ตื่นขึ้นมาแล้วมองเห็นเขาอยู่ข้างๆ ทุกเช้า ความรักอบอวลอยู่รอบตัวฉันเสมอเวลาที่ฉันมีเขา เช่นเดียวกับเมื่อเวลาที่เขาจากไป ความเศร้าก็มักจะวนเวียนอยู่รอบตัวฉันเช่นกันความรักแสนหวานที่ดูๆ แล้วก็เหมือนจะเป็นที่น่าอิจฉา เหมือนจะดีกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เรายังคงใช้ชีวิตตามปกติทุกอย่าง จนกระทั่ง ที่มีบางอย่างผิดแปลกไป ที่เขาว่ากันว่า ผู้หญิงมักจะมีเซ้นส์อะไรแบบนี้หากมันมีบางสิ่งเปลี่ยนไป สายตาคู่นั้นที่มองฉันมันยังคงมีความรักอบอวลอยู่ในเวลาที่มองกัน แต่ฉันรู้สึกว่าสายตาคู่นั้นบางครั้งไม่ได้มองเห็นฉัน รอยยิ้มที่เคยมีให้ฉันแบบนั้นไม่มีไว้ให้ฉันเพียงคนเดียว อะไรบางอย่างเปลี่ยนไปนับแต่วันที่เขาเดินทางกลับมาจากบ้านที่ต่างจังหวัด ความห่างเหินหายหน้า ทำให้ฉันอดรนทนไม่ไหว มันทำให้ฉันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา ความรักที่เคยมีมันหายไปไหน ฉันเฝ้ารอเพื่อที่จะได้เจอกับคำตอบนั้น ฉันยังจำได้ในวันที่เผชิญหน้ากับเขาได้ เขายังคงยิ้มให้กับฉัน ยังคงบอกรักฉัน แต่คำรักนั้นมันจืดจางลง ฉันรู้ดีจากแววตาที่เขามองมา มันทำให้ฉันต้องตัดสินใจเอ่ยถามกับเขาไปว่า “เรื่องของเรามันไม่เหมือนเดิมอีกแล้วใช่ไหม มันเปลี่ยนไปแล้วใช่ไหม” เขาก้มหน้าไม่สบตาไม่มีคำตอบ แต่ยังคงมีคำถามจากฉัน “มันเกิดอะไรขึ้น” นานกว่าที่เขาจะยอมบอกเรื่องราวชีวิตอีกส่วนของเขา เรื่องของผู้หญิงอีกคนที่พ่อแม่หาไว้ให้ เมื่อฟังจบฉันก็ถามเขาไปสั้นๆว่า “แล้วรักผู้หญิงคนไหม” เขาพยักหน้ารับก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาฉัน อกข้างซ้ายของฉันมันเหมือนว่างเปล่า เหมือนหัวใจมันไม่ได้ตรงนั้นอีกแล้ว หูอื้อขึ้นมาชั่วขณะไม่ได้ยินแม้กระทั่งคำขอโทษใดๆ จากเขา ฉันพยักหน้ารับรู้แล้วขอตัวกลับ เขาพยายามที่จะขอไปส่งฉัน แต่ฉันบอกเขาไปว่า “ส่งตรงนี้ หรือส่งถึงบ้านสุดท้ายเราก็ต้องจบกันอยู่ดี” นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของฉันที่บอกกับเขา ความรู้สึกเหมือนล้มทั้งยืนในตอนนั้นแต่ยังต้องทำเข้มแข็งพาตัวเองก้าวข้ามผ่านความเจ็บปวดมาให้ได้ ไม่หันหลังกลับไปมองคนที่ยืนอยู่เบื้องหลัง ได้แต่คิดว่าชีวิตต่อจากนี้ในวันที่ไม่มีเขาฉันจะเป็นอย่างไร
สมุดบันทึกปกสีเทา เป็นสมุดบันทึกที่ฉันบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมาเกี่ยวกับเขา นับตั้งแต่วันที่เขาจากไป ความคิดถึง ความรู้สึกทุกอย่างถูกบันทึกไว้ในนั้น ทุกครั้งที่ฉันเริ่มต้นเขียนฉันเขียนมันด้วยน้ำตา ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในหัวใจฉันไม่เคยให้เขาได้รับรู้ ทุกครั้งที่มีโอกาสได้เจอกันฉันจะทำตัวเข็มแข็ง ไม่แคร์สายตาที่เขามองมาที่ฉัน เพียงเพราะฉันไม่อยากให้เขารู้ถึงความอ่อนแอของฉัน อยากให้เขาเห็นว่าฉันอยู่ได้ในวันที่ไม่มีเขา แต่แท้ที่จริง มันทรมานยิ่งกว่าอะไร ยิ่งเมื่อต้องมาเจอเขา แม้เจ็บปวดแต่ฉันก็ยังดิ้นรนมาให้ได้เจอ บางคนไม่เข้าใจว่าทำไมฉันต้องทำแบบนั้น มันอาจเป็นความสุขที่มาพร้อมกับความเจ็บปวด ฉันไม่อยากหักดิบตัดเขาออกไปจากใจในทันที ฉันพยายามทีละนิดให้คุ้นเคยกับการไม่มีเขา ฉันบอกกับใครไม่ได้ในความเป็นไปของฉัน ฉันจึงได้แต่บันทึกทุกอย่างลงในสมุดบันทึกเล่มนี้ ฉันตั้งใจว่าสักวันฉันจะให้บันทึกเล่มนี้เป็นของขวัญแก่เขาในวันพิเศษของเขา หากเขาก็ไม่มีโอกาสได้อ่านมันอีกแล้ว
ฉันเคยคิดว่าฉันได้ผ่านช่วงเวลาอันแสนเจ็บปวดและทรมานมาแล้ว มันคงไม่มีอะไรทรมานได้เท่ากับการที่เขาห่างไปเพื่อมีใครอีกคน คนที่คิดว่าสำคัญมากกว่าฉัน คนที่เขาพร้อมจะยอมทำทุกอย่างให้กับคน ๆ นั้น ฉันคิดอยู่เสมอว่านับจากวันที่เขายอมรับกับฉันว่ารักคนอื่น และเต็มใจที่จะเลือกคน ๆ นั้นแทนที่จะเป็นฉัน ฉันได้สูญเสียเขาไปแล้ว ฉันทรมานอยู่กับการสูญเสียครั้งนั้นเป็นเวลาเกือบปี ทรมานกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบ ๆ ตัวที่เกี่ยวข้องกับเขา แต่แท้ที่จริงแล้วความสูญเสียครั้งนั้นมันไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวจากการสูญเสียในครั้งนี้ เวลาได้พรากเขาไปจากฉันเพื่อไปมีชีวิตเริ่มต้นใหม่กับใครบางคน หากเขายังคงดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เช่นเดียวกับฉัน และแล้วในวันที่ฉันได้รู้จักการสูญเสียจริง ๆ ก็มาถึง การพลัดพรากที่ไม่มีวันจะได้หวนกลับคืนสู่อ้อมกอดของผู้ใดอีก ข่าวการสูญเสียถูกบอกต่อมาถึงฉันจากเพื่อนในบริษัทเดียวกัน อุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นพรากเขาไปจากทุกสิ่งที่เขาเคยมี ฉันแทบล้มทั้งยืนเมื่อทราบข่าวการเสียชีวิตของเขา ถึงแม้จะเนิ่นนานมากแล้วที่ห่างกัน หากเส้นใยบาง ๆ ระหว่างฉันกับเขามันยังคงอยู่ ความปวดปร่าในหัวใจทำให้ฉันไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ เคยทรมานกับการจากลาของเขาในวันที่เขายังมีลมหายใจหากฉันเพิ่งรู้ว่าไม่มีอะไรทรมานเท่ากับวันที่ฉันต้องไปส่งเขาสู่ดินแดนนิรันดร์ต่างหาก มันทรมานเสียจนน้ำตาที่เคยไหลหยุดไหลไปโดยไม่รู้ตัว ฉันเพิ่งรู้ว่าความอ่อนแอเป็นอย่างไร ในเวลาที่เฝ้ามองดูควันไฟจากปล่องไฟลอยล่องสู่ท้องฟ้า มันเหมือนกับว่าหัวใจของฉันล่องลอยไปตามควันไฟนั้น ฉันเพิ่งรู้การอยู่อย่างไร้หัวใจเป็นอย่างไร ครึ่งหนึ่งของชีวิตฉันหายไปจริง ๆ ฉันเคยคิดเพียงแค่ได้ยินเสียง ได้รับรู้ถึงวิถีชีวิตของเขาที่ต้องเจอะเจอในวันข้างหน้า ได้รับรู้ข่าวคราวของเขาบ้าง ฉันก็มีความสุขมากพอแล้ว ฉันไม่เคยเตรียมใจกับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับเช่นนี้ แค่ให้เขายังอยู่บนโลกใบนี้ ยังยืนอยู่บนพื้นแผ่นดินเดียวกันเพียงเท่านั้นฉันก็พอใจ ต่อให้เขามีใครเคียงข้างเขาแทนที่ฉัน ฉันก็จะไม่เสียใจ แต่ ณ วันนี้เขาจากไปสู่อีกดินแดนหนึ่งที่ฉันไม่มีวันตามไปเจอเขาได้ในตอนนี้ แค่เพียงรู้ว่าโลกใบนี้ไม่มีเขาอีกแล้วมันทำให้ฉันรู้สึกว่าโลกใบนี้มันเหงาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ หัวใจยังร่ำไห้ในยามที่คิดถึง ฉันเพิ่งรู้ความจริงในอีกหลาย ๆ เรื่องที่เขาทำเพื่อฉัน คำบอกลาที่เขาจำใจเอ่ยในตอนที่จากลาเพียงเพื่อเว้นช่องว่างไว้ให้ฉันแน่ใจในความรักของตัวเอง กลับเป็นสิ่งที่ผลักให้ฉันยิ่งห่างจากเขา หากในวันนี้ฉันเพิ่งรู้ถ่องแท้แก่ใจฉัน ไม่มีใครเลยในใจของเขา คนที่เขาแอบอ้างขึ้นมาเป็นอุปสรรคในความรักของเราสองคนไร้ตัวตน ฉันต่างหากที่เข้มแข็งไม่พอที่จะก้าวผ่านความหวั่นไหวที่เขาสร้างขึ้น ความรักของคนในครอบครัวของเขาที่มีต่อฉัน มันทำให้ฉันรู้ว่าเขาปูทางไว้เพื่อฉันในวันที่เขาพร้อมจะให้ฉันเดินร่วมบนทางเส้นเดียวกับเขา หากฉันรับรู้ได้ในวันที่เส้นทางของฉันและเขามันเป็นเส้นขนานไม่มีทางมาบรรจบกันได้อีก จนถึงวินาทีนี้ฉันรับรู้แล้วว่าทุกอย่างมันสายเกินกว่าที่ฉันจะย้อนกลับไปแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาด หากรู้ว่าในวันนี้จะไม่มีเขาบนโลกใบนี้ ในวันนั้นฉันจะไม่มีวันปล่อยมือจากเขาเป็นอันขาด จะไม่มีวันปล่อยเขาให้เดินเดียวดายบนเส้นทางแห่งความฝันของฉันและเขา หากวันนั้นฉันเข้มแข็งมากกว่านี้ วันนี้ฉันคงไม่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างน้อยฉันก็ได้ทำทุกอย่างเพื่อคนที่ฉันรักมากกว่านี้
...ฉันขอแค่มีโอกาสได้ย้อนเวลากลับไป
จะทบจะทวนทุกสิ่งที่ทำ
จะคิดทุกคำที่พูดจา...
จนถึงทุกวันนี้ หากมีใครถามฉันว่าเมื่อไหร่จะลืมเขาได้สักที ฉันคงตอบเขาไม่ได้ อาจเพียงเพราะฉันไม่เคยคิดที่จะลืมเขา ฉันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลืมความรักดี ๆ ของผู้ชายคนหนึ่งที่มีให้กับฉัน เพราะบางทีไม่แน่ว่าชีวิตที่เหลือของฉัน ฉันอาจจะไม่มีโอกาสได้เจอความรักดี ๆ แบบนี้ได้อีก หากเป็นเช่นนั้นการเก็บเขาไว้เป็นความทรงจำที่งดงาม ในยามที่รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการเฝ้าค้นหาใครสักคน ไอรักอันแสนหวานของเขามันก็จะหล่อเลี้ยงหัวใจที่เดียวดายของฉันให้ยังเต้นต่อไป เงารักของเขามันจะปกป้องฉันจากความเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้นเพราะความรักที่ไร้ความจริงใจของใครบางคนก็ได้
...จะทำดี ก่อนที่จะสายไป
ไม่ให้เธอต้องเสียใจ
ไม่ให้เธอต้องเสียน้ำตา
จะดูแลและทำให้ดูเหมือนว่า
เป็นวันสุดท้ายทุกเวลาและทุกนาที
ให้เหมือนไม่มีพรุ่งนี้ให้แก้ตัว...”
บทเพลงรักอันแสนเศร้าจบลงไปพร้อม ๆ กับที่ฉันเก็บทุกอย่างไว้ในกล่องสีน้ำเงินนั้นเรียบร้อย ฉันเลือกที่เก็บให้กับมันใหม่แทนที่จะเก็บมันรวมไว้กับของที่ไร้ประโยชน์แก่ความทรงจำแต่ก็ไม่เคยคิดที่จะทิ้งมันเสียทีเหล่านั้นในซอกหนึ่งของห้องเล็ก ๆ ของฉัน กล่องสีน้ำเงินถูกวางไว้ในตู้โชว์ใต้ทีวี ความทรงจำดีๆ เช่นนี้ควรเก็บไว้ให้ระลึกถึงได้ทุกนาทีโดยไม่ต้องค้นหา เช่นเดียวกับความรักดี ๆ ที่สักวันมันอาจจะเดินเข้ามาชนเข้าอย่างจังกับหัวใจของฉันได้โดยที่ฉันไม่ต้องไปค้นหาให้เหนื่อยแรงและเหนื่อยหัวใจเช่นกัน
@@@@@@@@