“ทม ตื่นได้แล้ว สายแล้วนะ”
เสียงหนึ่งปลุกผมให้ตื่นในตอนเช้า มันก้องกังวานอยู่ในหูอย่างนี้ทุก ๆ เช้า ไม่มีสักเช้าที่ผมจะไม่ได้ยินเสียงนั้น หากเมื่อผมลืมตาเจ้าของเสียงกลับไม่ได้ยืนอยู่ในห้องเสียแล้ว เธอออกไปจากห้องเสียตั้งแต่เมื่อไหร่ผมไม่ทราบ ผมขยับตัวลุกจากเตียงนอนโดยไม่ได้ใส่ใจแม้แต่จะเก็บที่นอนให้เรียบร้อยยังไม่ทันที่ผมจะก้าวพ้นไปจากเตียง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ทม เก็บที่นอนด้วย อย่าทำตัวขี้เกียจนักสิ”
เฮ้อ ผมได้แต่ถอนใจ จะมีเช้าไหนบ้างน้าที่เธอจะไม่รู้ว่าผมไม่ได้เก็บที่นอน ถึงแม้เธอจะบอกผมอย่างนี้ทุก ๆ เช้า แต่ผมก็ยังลืมทุกทีสิน่า ผมเก็บที่นอนเรียบร้อยเช็คดูให้แน่ใจว่าผมจะไม่โดนบ่นอีกในเรื่องนี้ จากนั้นผมก็เดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ แม้จะอยู่ในห้องน้ำผมก็ยังได้ยินเสียงเธอตะโกนเข้ามาบอกว่า
“ทม เช้านี้จะกินข้าวต้มหรือว่าไส้กรอกแฮมดี”
“ข้าวต้มจ๊ะ” ผมตอบกลับไป ก่อนที่จะเปิดน้ำให้ดังซู่จนแทบจะไม่ได้ยินเสียงเธออีก
ผมใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีในการอาบน้ำ เมื่อผมก้าวออกมาจากห้องน้ำผมก็ยังไม่พบหนึ่งที่ห้องนอนเช่นเคยและผมก็เดาได้ว่าเธอกำลังเตรียมอาหารเช้าให้กับผม ผมหันไปมองรูปถ่ายขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่บนผนังข้างเตียงนอนของผม ภาพหนึ่งในชุดเจ้าสาวแสนสวยเคียงคู่กับเจ้าบ่าวสุดหล่ออย่างผม มันอาจนานมาหลายปี แต่สำหรับผมจนกระทั่งทุกวันนี้หนึ่งก็ยังคงเป็นเจ้าสาวแสนสวยของผมเสมอ รอยยิ้มแบบนั้นไม่เคยจางหายไปจากความรู้สึกของผม
“ทม หนึ่งเตรียมชุดสำหรับวันนี้ไว้แล้วนะแขวนอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้า”
ผมหันไปมองที่หน้าตู้เสื้อผ้า มีเสื้อกับกางเกงสำหรับใส่ทำงานในวันนี้แขวนไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้า ไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหน หนึ่งก็ยังคงปฏิบัติอย่างเช่นที่เคยเป็นมา เธอเตรียมทุกอย่างสำหรับผมในทุกๆ เช้าไม่เคยขาด และผมไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดจากเธอเลยสักครั้ง เสียงเพลงโปรดที่หนึ่งชอบร้องทุก ๆ เช้าดังขึ้นแว่วมาจากด้านนอก เธอมักจะร้องเพลงนี้ทุก ๆ เช้า และผมก็ชอบที่จะได้ยินมันทุกเช้าเช่นกัน
“หนึ่งวันนี้ผมมีประชุมอาจจะเลิกดึกนะ”
“จ๊ะ งั้นเดี๋ยวเย็นนี้เลิกงานแล้วหนึ่งจะเลยไปบ้านแม่นะ”
“ครับ ถ้าเลิกประชุมแล้วผมจะแวะไปรับ” ผมบอกกับเธอ
“ทม อย่าลืมซื้อส้มไปฝากแม่ด้วยนะ วันก่อนแม่บอกว่าส้มเจ้าที่ทมซื้อไปฝากอร่อยมากเลย”
“ครับ เดี๋ยวผมจัดการให้” ผมพูดไปพลางแต่งตัวไปพลาง จนกระทั่งเสร็จเรียบร้อย ผมเดินออกจากห้องนอนมาที่ห้องครัวเพื่อมอร์นิ่งคีสกับภรรยาสาวสุดสวยของผม แต่พอผมไปถึงกลับไม่มีแม้เงาของเธอ เสียงเปิดประตูดังจากทางหน้าบ้าน ทำให้ผมเดาไปว่าเธอคงไปหยิบหนังสือพิมพ์ตอนเช้ามาให้กับผมเป็นแน่ แล้วก็เป็นจริงดังว่า เสียงเธอดังมาตามทางเดิน
“ข่าววันนี้ไม่ค่อยมีอะไรเลยนะ จะรับข่าวยามเช้าไหมล่ะคะคุณผู้ชาย” เธอแอบเย้าผมเหมือนทุกที
“ไม่หล่ะครับคุณแจ๋ว แล้วคุณแจ๋วไม่ทานข้าวด้วยกันเหรอครับ” ผมเอ่ยถามชวนเธอทานข้าวหากเธอปฏิเสธ
“ไม่หล่ะ ขอหนึ่งอาบน้ำแต่งตัวก่อนละกัน เดี๋ยวไปทำงานไม่ทัน ทมทานไปก่อนเลยนะ”
เสียงเปิดประตูห้องนอนดังขึ้น พร้อมกับเสียงเพียงโปรดที่ผมได้ยินอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งได้ยินเสียงน้ำซู่แต่เพลงนั้นก็ยังคงดังคลอเบา ๆ ไปกับเสียงน้ำ
ผมเริ่มทานข้าวต้มที่ตั้งอยู่ที่โต๊ะอาหาร มันก็อร่อยอย่างทุกวัน ฝีมือของเธอไม่เคยตกจริง ๆ เชื่อไหมผมไม่เคยนึกอยากจะกินข้าวนอกบ้าน แม้จะเลิกงานดึกดื่นสักขนาดไหนผมก็ต้องกลับมากินข้าวฝีมือเธออยู่ทุกวัน แม้จะผ่านมาหลายปีความรักของเราไม่เคยเก่าเลยสักวัน
ข้าวต้มในชามพร่องไปเยอะแล้ว แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเธอจะออกมาจากห้องนอน ผมมองดูเวลาจากนาฬิกาที่ข้อมือของผม มันสายมากแล้ว เรื่องการแต่งตัวสำหรับผู้หญิงเป็นเรื่องที่ต้องพิถีพิถันอันนี้ผมก็เข้าใจแต่หากว่าผมรอไปส่งเธอวันนี้ผมอาจจะต้องสายเป็นแน่ ผมเก็บชามข้าวต้มไปวางไว้ที่อ่างล้างจาน ก่อนที่จะเดินมาหยิบกระเป๋าเอกสารที่วางเตรียมไว้บนโต๊ะเล็กที่ทางเดินกลางของบ้าน ผมไม่ลืมที่จะบอกลาเธอในยามเช้าก่อนออกไปทำงานเช่นทุกวัน
“หนึ่ง งั้นผมไปทำงานก่อนนะ คุณไปเองได้ใช่ไหม”
“ได้จ๊ะ วันนี้หนึ่งไม่รีบไม่เข้าออฟฟิต หนึ่งมีงานข้างนอก ทมไปเถอะเดี๋ยวสาย” เธอตะโกนออกมาบอก
“ครับ งั้นผมไปนะ แล้วเย็นนี้เจอกัน”
“จ๊ะ” สิ้นเสียงตอบรับของหนึ่ง เครื่องเสียงที่กำลังเล่นแผ่นอยู่ก็หยุดลงในทันที ผมเอื้อมมือไปปิดสวิตซ์มันแล้วหันไปหยิบเอากระเป๋าพร้อมกับเสื้อตัวนอกแล้วเดินออกไปจากบ้าน เมื่อผมเปิดประตูออกไปผมก้มลงหยิบหนังสือพิมพ์ที่ถูกโยนเข้ามาวางไว้ที่หน้าประตู แล้วผมก็หันกลับมาล็อคประตูอย่างเช่นที่เคยเป็นอยู่ทุกวัน...
ใครบางคนยึดติดตัวเองไว้กับอดีตที่ไม่มีวันหวนกลับไปแก้ไขได้
ใครบางคนไม่เคยก้าวผ่านออกไปจากกรอบของวันวาน
ใครบางคนยังคงวนเวียนอยู่กับความทรงจำเก่า ๆ ที่แสนหวาน
และใครบางคนที่อาจทรมานในกรงอดีตที่ขังตัวเองไว้จากความเป็นจริง