“มาส่งดอกไม้ครับ”
เพราะคำพูดประโยคนั้นของผม มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมกลายเป็นจุดสนใจของสายตานับสิบคู่ภายในห้องนั้นทันที บรรยากาศภายในห้องนั้นมันเปลี่ยนไปจากในตอนแรกที่ผมเห็นโดยสิ้นเชิง สีหน้าที่เคร่งเครียดในการทำงาน ความวุ่นวายภายในที่ทำงานจนไม่มีใครสนใจบุคคลภายนอกอย่างผม จนกระทั่งผมตัดสินใจตะโกนออกไปนั่นเองก็ทำให้ทุกคนหันมาสนใจผม และหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะได้ยินเสียงของแต่ละคนที่หันไปถามกับคนข้างๆ ของตนถึงความเป็นเจ้าของดอกไม้ที่ผมถืออยู่ในมือ แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครได้คำตอบ จนกระทั่งมีหญิงสาวนางหนึ่งหาญกล้าเดินเข้ามาหาผมแล้วเอ่ยถามกับผมว่า
“ของใครคะ”
ผมก้มลงดูบิลที่ถูกอยู่ในมืออีกข้างหนึ่งของตนเองก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาตอบว่า
“คุณลูกปัดครับ”
คำตอบของผมทำให้เกิดเสียงอื้ออึงขึ้นมาอีกครั้ง เสียงกระเซ้าเย้าแหย่เจ้าของชื่อนั้นอย่างยินดี คนที่อยู่ตรงหน้าผมหันไปตะโกนบอกภายในห้องอีกทอดหนึ่งว่า
“ลูกปัดดอกไม้ของเธอมารับเองเลย ฉันไม่รับให้หรอกนะ เพราะว่ามันไม่ใช่ของฉัน เดือนนี้สี่ช่อแล้วนะยะหล่อน”
พูดจบเจ้าหล่อนก็สะบัดหน้าเดินจากผมไปโดยไม่แยแสเจ้าดอกไม้ช่อที่อยู่ในมือของผม ยังแอบทำค้อนเล็กๆในตอนที่เดินสวนกับเจ้าของที่แท้จริงที่กำลังเดินออกมา
“ชิ”
“บ้าน่าแก” เจ้าของดอกไม้หันไปว่าเพื่อนพลางตีที่ต้นแขนเบาๆอย่างเขินอาย
“ก็มันอิจฉานี่แก ฉันน่ะไม่มีใครส่งดอกไม้มาให้ทุกอาทิตย์อย่างแกนี่ รีบไปรับเลย”
“จ้า”
หญิงสาวร่างเพรียวผมหยักศกยาวสีดำสนิทเดินยิ้มหวานตรงเข้ามาที่ผม ไม่ผิดหรอกสำหรับจำนวนดอกไม้สี่ช่อแล้วจริงๆ แล้วผมเองก็เป็นคนที่ส่งดอกไม้ทั้งหมดให้เธอเองกับมือทุกช่อ เธอมาหยุดตรงหน้าผมแล้วเอื้อมมือมารับดอกไม้ที่ผมกำลังยื่นมันออกไปให้กับเจ้าของของมัน เธอส่งยิ้มหวานให้ผมอีกครั้งแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความสุขว่า
“ขอบคุณนะคะ”
“ครับ ขอให้มีความสุขนะครับ”
ประโยคเดิมๆ ที่ผมต้องเอ่ยกับเธอทุกครั้งที่ส่งดอกไม้ให้กับเธอ เพราะนั่นคือคำสั่งจากคนที่สั่งดอกไม้ส่งมาให้เธอ และสิ้นคำนั้นทีไรก็จะมีเสียงเฮพร้อมกับเสียงหวีดหวิวดังขึ้นมาแซวเจ้าของดอกไม้เสียทุกครั้ง หญิงสาวยิ้มกริ่มกับช่อดอกไม้ราวกับกำลังยิ้มให้กับผู้ที่ส่งมาให้กับเธอ เธอหันหลังให้กับผมแล้วเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเธอเอง หลายคนเข้าไปยืนมุงดูที่โต๊ะของเธอ ความสนใจในตัวผมไม่มีเหลืออีกแล้ว