ไตรภูมิ เสาวภาคย์
29ปี
นับดาว เสาวภาคย์
19ปี
โครม....!!!
เสียงอะไรสักอย่างที่นับดาวหญิงสาววัย18ปี ได้ยินดัง ออกมาจากห้องของ สามี ของเธอเอง...ใช่ไม่ผิดหลอกนั่นห้องของสามีหญิงสาวจริงๆที่เพิ่งได้มาสดๆร้อนๆไม่ถึงสามเดือนเลยด้วยซ้ำ และเท่าที่อยู่ด้วยกันมาจะยังมีชุดสองและสามสี่ตามมาอีกแน่ๆหากเธอไม่โผล่หัวฟูฟ่องและใบหน้ามันเยิ่มเพราะเพิ่งกลับมาจากไร่ ยังไม่ได้พักดื่มน้ำสักอึก พ่อเจ้าประคุณก็ทำเหมือนรู้ ว่าทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตว์ อย่างเธอกลับมาแล้ว...
“คุณไตร ต้องการอะไรคะ?”
หญิงสาวก้มลงหยิบหนังสือแปลเล่มหนาที่เธออ่านให้ชายหนุ่มฟังยายบ่ายๆ
“ยายบ้าเธอโง่เง่าหรืออย่างไรฉันตาบอด แล้วมาทิ้งฉันไว้คนเดียวได้อย่างไร”
เสียงกราดเกรี่ยวฉุนเฉียวอย่างที่ตอนมาอยู่ใหม่ๆนับดาวก็ขวัญบินไปเหมือนกัน...แต่ตอนนี้คุ้นชินเสียแล้วจึงเฉยๆเสียละมากกว่า
“คุณไตรไม่ได้อยู่คนเดียวนะคะจอนก็อยู่คุณไตรจะเอาอะไรก็เรียกใช้เขาได้ตลอดเวลา ส่วนที่ดาวหายไป ดาวไปดูคนงานตัดแก้วมังกรกับองุ่นส่งลูกค้าค่ะ”
นับดาวพยามอธิบายอย่างใจเย็นทั้งที่หญิงสาวนั้นทั้งร้อนทั้งหิวเหนื่อยแต่ก็ต้องนิ่งเสีย ผู้มีพระคุณคำนี้ค้ำคอหญิงสาวจนกระดิงตัวไม่ได้ อดทน คำนี้นับดาวแทบจะเขียนแล้วต้มกินแทนข้าวอยู่แล้ว
“ไม่เอา...”
เสียงตะคอกลั้น
“ไอ้จอนมันเป็นเมียฉันหรือไงถึงจะต้องเรียกใช้มันได้ทุกอย่าง ถ้าแบบนั้นจะแต่งเธอมาเป็นเมียให้สิ้นเปลืองทำไมอีกบอกสิยายทึ่ม?”
เฮ้อ...
แอบพ่นลมหายใจเบาๆเดี๋ยวการทวงบุญคุณแบบมหากาฬก็จะเริ่มเป็นรายการต่อไป ...แต่เหมือนวันนี้ดวงนับดาวจะดีเพราะมีแม่พระมาโปรด...
“เอะอะอะไรกันพ่อไตร เสียงดังไปถึงเรือนกล้วยใม้ของยายโน่น ตื่นแล้วทำไมไม่โทรฯตามยายหรือเจ้าจอนมัน แม่หนูดาวนะเขาออกไปสวนตั้งแต่ตีสองแนะ นี่ไปนั่งชิบชาที่เรือนกล้วยใม้กับยายดีกว่านะไปจ้ะวันนี้มีช่อม่วงของชอบเราด้วยนะ”
เหมือนรอดตายอย่างหวุดหวิด เมื่อคุณผกายายวัยเจ็ดสิบห้าปีของสามีหนุ่มเข้ามาช่วยแก้ไขอารมณ์ร้ายๆของสามีหนุ่มที่จะต้องหาทางระบายใส่หญิงสาวแทบไม่เว้นแต่ละวัน ยังนับว่าเป็นโชคดีของนับดาวอยู่บ้างที่สามีหนุ่มจะเกรงใจยายเขามากพอสมควรเธอจึงยังเหมือนมีที่พึ่งพิงอยู่บ้างตั้งแต่ถูกชายหนุ่มเอาเงินไปจ่ายเป็นค่าสินสอดแล้วขอให้เธอจดทะเบียนแทนพี่สาวที่เพิ่งเสียไปได้ไม่นานมาช่วยดูแลเขาเมื่อตาของเขาจะไม่อาจกลับมามองเห็นได้อีกแล้วชั่วชีวิตเมื่อคนที่ต้องชดใช้ตัวจริงมาตายจากไปเธอจึงต้องกลายเป็นตัวแทนที่อาผู้รับเลี้องเธอสองพี่น้องต่อจากบิดามารดาที่เสียไปตั้งแต่พวกเธอยังเด็กอยู่มากแทบจะรีบใส่พานประเคนหญิงสาวให้ไตรภูมิแทบจะทันทีเมื่อเม็ดเงินก้อนใหญ่มาถึงมือพวกท่านคู่หากจะพูดกันตรงๆเธอกับนับตะวันพี่สาวฝาแฝดไม่มีส่วนไหนที่เหมือนกันเลยดังฝาแฝดทั่วๆไปเพราะเหมือนสวรรค์จะลำเอียงเอามากๆเพราะส่วนดีๆไปอยู่บนเรือนร่างของนับตะวันเสียหมดเลยส่วนไอ้ส่วนแย่ๆนะมาอยู่บนร่างของนับดาวเสียหมดจะมีอย่างเดียวเท่านั้นที่นับดาวมีมากกว่าคงจะเป็นความอดทนและความฉลาดที่นับตะวันไม่อาจมีเทียบสักเศษเสี้ยวของน้องสาวเอาเสียเลย อาจจะเป็นเพราะน่าตาน่ารักของนับตะวันที่มีแต่คนรักคนเอาใจจนไม่รู้จักความลำบากและเสียใจส่วนนับดาวนั้นเพราะน่าตาไม่น่ารักโตมาก็ยังไม่สะสวยอีกจึงไม่มีคนมาสนใจเอาอกเอาใจอยากได้อะไรก็ต้องหาเอาเองขนาดเงินไปโรงเรียนนับดาวยังต้องไปรับจ้างล้างตามร้านก๋วยเตี๋ยวเอาเองเลย
บทนำครึ่งหลัง
“ทำไม่ชอบไปลงกับเด็กมันนักพ่อไตร หนูดาวออกจะน่าสงสารไม่เคยรู้เรื่องรู้ราวก็ต้องมารับกรรมแทนพี่สาว”
คุณยายผกาบ่นหลานชายคนเดียวเบาๆ
“ช่วยไม่ได้นี่ครับยายผมเป็นคนดีแล้วได้อะไรบ้าง? แม้แต่ดวงตายังรักษาเอาไว้ไม่ได้...คนดีนะมันไม่ควรมีหรอกครับ...ตายไปตั้งแต่หกเดือนก่อนไปแล้วล่ะครับยายที่อยู่นี่คือนายไตรคนใหม่ที่จะไม่เก็บความดีไว้อีกแล้ว...”
ชายหนุ่มตอบเสียงแค้นใจ
“ไตรวางลงเถอะลูก...จะผูกกรรมไปทำไมอีก ความแค้นมันเป็นไฟนะลูกมันเผาใจเราเองนี่แหละให้ทุกข์”
คนอาบน้ำร้อนมากอ่นผ่านโลกมามากพยายามให้สติหลานรักตัวแทนเดียวที่เหลือไว้ดูต่างหน้าบุบรสาว...
“อย่าพูดเลยครับยาย...เอ่อ ไหนล่ะครับขนมช่อม่วงของผม?”
เมื่อคุณผกาค่อยๆจับจูงมือหนาร่างสูงใหญ่ให้นั่งลงที่ประโปรดของไตรภูมิเสร็จชายหนุ่มจึงพาเปลี่ยนเรื่องคุยเสีย
“นี่ไงละลูก วันนี้มีชาสมุนไพรด้วยนะลองชิมสิเห็นหนูดาวว่าจะไปขอจดสูตรแล้วก็ขอเลขที่อ.ย.เพื่อจะทำเป็นอะไรสักอย่างนี่แหละกิจๆยายก็ลืมชื่อลองชิมสิพ่อไตร”
คุณผกาจับแก้วชาที่ตนรินอุ่นๆมาใส่มือหนาอย่างนุ่มนวล
จริงแค่รู้ว่าใครคิดสูตรเขาก็แทบอยากปาทิ้งแล้วล่ะแต่เพราะน้ำเสียงตื่นเต้นกับกลิ่นหอมแปลกๆชวนผ่อนครายชายหนุ่มจึงกุ่มแก้วชาแล้วยกขึ้นสูดกลิ่นหอมช้าๆอื่ม...ถ้าตัดความไม่ชอบเจ้าของสูตรไปถือว่ากลิ่นถูกใจคอดื่มชาแบบเขามากเลยละ...ยามลิ้นรับรสที่เขาค่อยๆละเมียดชิม...หืม??? รสชาติดีมากทีเดียวจนชายหนุ่มอดใจไม่ได้ที่จะถามผู้เป็นยาย
“ชาอะไรครับยาย?”
“ดอกอันชันกับมะลิซ้อนในสวนเรานี่แหละลูก เห็นหนูดาวบอกว่ามะลินะคนไทยเรานิยมลอยน้ำทานกันเมื่อสมัยก่อนเพียงแต่เดียวนี้ชาวสวนเราใช้สารเคมีเยอะไปถึงพ่อค้าคนกลางก็ยังใช้สารแช่รักษาความสดอีกมันเลยอันตรายจนไม่มีใครกล้าทานแต่ของในสวนยายไม่ได้ฉีดอะไรเขาเลยลองเอามาทำดู นี่เห็นว่ามาเล็งๆแวนด้าของยายกับเจ้าช้างแดงอยู่ว่าสีสวยใช้ได้ว่างๆเขาจะลองทำสูตรใหม่เพิ่ม”
(ชื่อกล้วยไม้ชนิดหนึ่ง)
เสียงชื่นชมเอามากๆทำให้ชายหนุ่มนึกถึงเจ้าของสูตรขึ้นมาอย่างหมั่นใส่หน่อยๆ เท่าที่อยู่กันมาเธอนิ่งๆพูดน้อยแต่เสียงเรียบนุ่มเขาชอบฟังจึงชอบให้เธออ่านหนังสือให้ฟัง มือเล็กๆน่าจะเล็กกว่ายายเขาด้วยซ้ำแต่ออกจะหยามไปหากเทียบกับมือผู้หญิงที่เขาเคยสัมผัส ผมน่าจะยังเป็นบอ็บธรรมดาแบบนักเรียนม.ปลาย...คิดมาถึงตรงนี้ชายหนุ่มก็อดสะกิดใจตนเองไม่ได้...ใช่เธอแค่เด็กเพิ่งจบม.ปลาย...ผมยังไม่ทันยาวก็ต้องแต่งงาน ส่วนหน้าตาเขาเองไม่รู้เพราะเคยเห็นแฝดคนพี่เด็กสาวแค่แว็บๆรู้แค่พี่เธอใจแตกท้องก่อนเรียนจบแล้วแฟนหนุ่มและพ่อแม่ฝ่ายชายไม่รับจึงคิดสั้นเพียงเท่านั้นและเพราะความสิ้นคิดของเด็กใจแตกคนนั้นเขาจึงต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปตลอดกาล....