อนุวัช ธนานนท์
18ปี
คนเราเลือกที่จะเกิดเองไม่ได้หรอกสิ่งที่เลือกให้เราคือ กรรมและกุศลผลบุญที่แต่ล่ะดวงจิตรที่เคยสร้างมาในอดีตชาติต่างหาก (ความเชื่อตามศาสนาพุธเรา)
ดังเช่นเด็กหญิงตัวน้อยนาม อวัสดา ในวัย12ขวบปี เด็กน้อยไม่เคยเข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใดมารดาตนจึงไม่ เหมือนมารดาเพื่อนๆที่โรงเรียนบ้างเลยและเหตุใด ตนจึงไม่เคยได้รับทั้งความรักความใส่ใจรวมถึงอ้อมกอดอุ่นๆดังเช่นคนอื่นเขา วันแม่เด็กหญิงอวัสดาแทบไม่อยากไปโรงเรียนเพราะไม่มีแม่ให้เธอไหว้จะมีก็แค่ยายหรือครูประจำชั้น
วันพ่อก็เช่นกันหากไม่ใช่ตาก็เป็นคุณครูเหมือนเดิม ตั้งแต่เริ่มเรียนชั้นอนุบาลจนวันนี้ใกล้จบประถมศึกษาปีที่6ก็ยังคงเป็นดังเคยบ้างครั้งถูกเพื่อนล้อเลียนว่าลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่หรือเด็กถูกเก็บมาเลี้ยงปมนี้อยู่ในใจเด็กน้อยเรื่อยมา บ้างครั้งเธอเก็บความสงสัยนี้มาถามตาและยาย แต่คำตอบที่ได้ก็ยังคงเหมือนเดิม คือเมื่อใดเด็กน้อยโตขึ้นก็จะเข้าใจไปเอง....
“เจ้าพุดเอ๊ย ตั้งอกตั้งใจเรียนให้ดีๆก็พอนะลูกนะ อย่าได้สนใจคำพูดคนอื่นเลย เชื่อยายกับตาเถิดหนาเจ้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แม่ก็ยังคงเป็นแม่เจ้าอยู่วันยังค่ำ มันเปลี่ยนเป็นอื่นไปไม่ได้ดอกหนา เจ้าพุดน้อยของยาย”
ร่างของหญิงวัย56ปีกอดหลานตัวน้อยแนบอกน้ำตาแทบไหลรินยามหลานสาวสุดรักมาอ้อนถามคำถามที่นางบัวคำและกำนันสิงห์ ไม่สามาดอธิบายให้เด็กน้อยเข้าใจเหตุผลที่แสนจะร้ายแรงของที่มาในการถือกำเนิดของ อวัสดาได้ในยามที่เด็กน้อยยังเล็กนักเช่นนี้ได้ เพราะมันจะเป็นผลร้ายต่อเด็กหญิงมากกว่าที่ถูกเพื่อนๆล้อเลียนเสียอีก...
อีกฟากหนึ่งของเมืองนครสวรรค์
ณ คฤหาสน์ธนานนท์
เสียงผู้หญิงสาวถูกตบตีดังลั่น คฤหาสน์หลังงามราคาหลายร้อยล้าน สมกับเป็นคฤหาสน์ของคหบดีใหญ่คนหนึ่งของเมืองมังกร แต่บ้านที่สวยหรูกลับไร้ซึ่งความสุข ตรงข้ามกลับเต็มไปด้วยเพลิงร้อนร้ายที่ผู้เป็นใหญ่ในคฤหาสน์เป็นผู้นำมันเข้ามาเผาเรือนเสียเอง...
สวยงามแต่ไร้ซึ่งความสุขจะมีประโยชน์อันใด?
ตามจริงแล้วคฤหาสน์หลังงามนี้เป็นของขวัญวันวิวาห์ที่ผู้เป็นพ่อเจ้าสาวมอบให้เป็นเรือนหอเมื่อแรกแต่งงานแต่วันนี้...มันกลับกลายเป็นดังคุกนรกที่ขังไว้ซึ่งร่างกายผ่ายผอมของหญิงงามผู้ที่เคยเป็นเจ้าสาวที่ใครๆต่างก็อิจฉาในความโชคดีของเธอไปเสียแล้ว....ช่างหน้าเศร้าใจเป็นยิ่งนัก
อีกมุมหนึ่งของคฤหาสน์หลังงาม...
ร่างของเด็กหนุ่มวัย 16ปี ได้แค่เพียงแอบมองการกระทำของบิดาที่ตบตีทารุณมารดาของตน ด้วยดวงใจแสนร้าวราน มือที่เริ่มจะใหญ่ขึ้นตามวัย เขากำหมัดแน่น ริมฝีปากบางแดงระเรื่อดังคนมีเชื่อสายจีนกว่าครึ่งเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง
กลับมาจากบ้านนางเล็กๆพวกนั้นคราใดเป็นต้องหาเรื่องทุบตีมารดาตนอยู่ร่ำไป ใจเด็กหนุ่มมีแต่ความเคียดแค้นและเฝ้าชิงชังนางพวกผู้หญิงสารเลวพวกนั้นที่รู้ก็ทั้งรู้ว่าบิดาตนมีลูกมีเมียแล้วก็ยังเข้ามาหาบิดาตนและชอบมาเรียกร้องเอากับมารดาของเด็กหนุ่มครั้นผู้เป็นมารดานิ่งเฉยเพราะไม่ตอบโต้ด้วยความกลัวเสียชื่อเสียงวงษ์ตระกูล แต่พวกมันกลับไปฟ้องบิดาตนและเขาก็เชื่อนางสารเลวพวกนั้นมาทุบทำร้ายตบตีมารดาเขาแทบทุกวันก็ว่าได้! เกรียดมัน!!!นางพวกเมียน้อย พวกปลิงชั่วช้า! และในความเกรียดนั่นมันก็ห้ามไม่ได้ที่จะลามไปถึงบิดาแท้ๆของเขาอีกด้วยเพราะหากฝ่ายชายไม่ทอดสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กกล้าอย่างดีไปให้มีหรือ พวงปลิงร่านร้อนจะข้ามผ่านมาได้...ทั้งความโกรธที่มีต่อบิดานายบุญชัยและความเกรียดชังพวกเมียน้อยค่อยๆสะสมสุมพอกพูนอยู่ในหัวใจเด็กหนุ่มเงียบๆแต่หยั่งรากฝังลึกลงในจิตรใจทีละเล็กละน้อยตามวันเวลาที่เขาต้องเห็นมารดานางช่อผกาถูกกระทำอย่างแสนไร้ความเป็นธรรม!
เมื่อเงียบเสียงตบตีอาระวาดของเสี่ยบุญชัยและเสียงรถที่ถูกขับออกไปจากคฤหาสน์หรูไปด้วยความเร็วเด็กหนุ่มนามอนุวัชก็เดินเข้าไปดูมารดาด้วยฝีเท้าเบากริบรายรอบห้องรับแขกหรูมีแต่เศษซากจองแจกันและข้าวของอื่นๆแตกกระจัดกระจายเต็มพื้นห้องไปหมด ...
ส่วนร่างเล็กผอมบางของช่อผกานั่งพิงด้านหลังกับโซฟาหลุยส์ราคาเรือนแสนด้วยสภาพสะบักสบอมผมเผ้าที่เคยจัดทรงสวยงามตอนปกติยามนี้กระเซิงจนผิดจากเดิมไกลลิบใบหน้าที่สวยจัดจนเคยได้เป็นตัวแทนองค์จำลองพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมในช่วงงานตรุษจีนของชาวปากน้ำโพ หากยามนี้แตกยับมุมปากมีเลือดไหลซึมออกมารวมถึงหางคิ้วที่แตกเป็นรอยยาวจนน่าจะต้องเย็บอย่างน้อยๆก็สามถึงสี่เข็ม ทำให้คนสนิทที่ตามดูแลนายสาวมาตั้งแต่ยังเด็กและโตมาด้วยกันที่ก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมเห็นเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำๆมานานปีต้องรีบตรงไปโทรศัพท์บ้านแล้วต่อสายตรงถึงหมอที่เคยคุ้นกันดีมาดูแลรักษานายสาวอย่างเร่งรีบ
“แม่”
เสียงเริ่มแตกหนุ่มดังเบานุ่มนวลเช่นเดียวกับมือที่เริ่มใหญ่เก้งก้างแตะเบาๆตามรอยแผลบนใบหน้าที่เคยงดงาม...ร่างสูงโย่งนั่งคุกเขาช้าๆข้างกายมารดาแล้วค่อยๆโอบกอดมารดาอย่างรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่ตนไม่สามาดช่วยเหลือมารดามิได้เลยสักครั้ง ต้องอดทนดูท่านเจ็บซ้ำไปซ้ำมาตั้งแต่เด็กหนุ่มเริ่มรู้ความ หน้าฉากสวยหรูดูดีในวงสังคม แต่ภายในบ้านจริงๆกลับเน่าเฟะกว่าที่ใครจะคิดและนึกสภาพถึง...
ร่างของหญิงสาววัย36ปี เงยหน้ามองลูกชายที่ตัวโตขึ้นทุกวันมือเรียวเล็กยกขึ้นแตะแผ่วเบาไปบนใบหน้าขาวๆนั้นช้าๆ
“ดึกแล้วนะหมอก ทำไมยังไม่นอนอีก เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอกลูก”
หญิงสาวไม่ได้ร้องให้ตีโพยตีพายให้ลูกชายได้เห็นสักแอะ เดียวมีเพียงเสียงถามนุ่มนวลยามเอ่ยปากที่เจ็บจนแทบขยับพูดไม่ไหวกับลูกชายโทน...
“แม่เจ็บ...หมอกนอนไม่หลับหรอกครับ”
หนุ่มน้อยตอบมารดา “แม่ไม่เป็นอะไรมากหรอก หมอกไปนอนเถอะลูก น้านวลกำลังตามอาหมอมาแล้วละ”
หญิงสาวบอกบุตรชายซ้ำอีกครั้ง โดยไม่อยากให้เด็กหนุ่มต้องจดจำภาพที่ไม่ดีของบิดายามทำร้ายเธอ แต่มันคงช้าไปเสียแล้วในเมื่อภาพการกระทำของบิดามันฝังเข้าไปยังก้นบึ้งของสมองและหัวใจเรียบร้อยไปนานแล้วนั่นเอง...
อนุวัช ไม่เคยเข้าใจว่าเหตุใดบิดาที่เป็นผู้ชายร่างกายใหญ่โตแต่กลับมาลงไม้ลงมือกับมารดาตนที่เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆบอบบางแถมยังไม่เคยมีปากมีเสียงกับบิดาเลยด้วนซ้ำ มีแต่บรรดาผู้หญิงของบิดาต่างหากที่ค่อยแต่จะมาเรียกร้องสิทธิ์และเงินทองหรือก่อกวนมารดาตนเสียด้วยซ้ำไปเด็กหนุ่มไม่เคยเข้าใจการกระทำนี้ของบิดาเลยไม่รักหรือสงสารมารดาที่เป็นคู่ชีวิตกันมากว่า17ปีเลยหรือ?
หลายครั้งเขาก็ต้องเห็นมารดาใส่เสื้อผ้ามิดชิดเพื่อปกปิดรอยเขียวช้ำตามร่ากายที่บิดาได้ฝากรอยเอาไว้...
ลุงๆและยายชอบที่จะจิกด่าว่าตาของเขาที่ยอมให้มารดาเขาต้องมาแต่งงานกับผู้ชายแสนเจ้าชู้แบบคนเช่นบิดาเขา
ทุกอย่างทั้งลุงและยายของเขาโทษว่าเป็นเพราะตาคนเดียว....
ไม่เช่นนั้นมารดาตนคงได้แต่งงานอยู่กินกับคนที่รักท่านและท่านเองก็รักผู้ชายคนนั้น แต่เพราะเงินต่อเงินตาจึงเลือกบิดาของเขาแทนชายหนุ่มลูกชาวนาจนๆที่ในความคิดคนเป็นพ่อคือกลัวลูกสาวจะไปลำบาก...
แต่ทุกวันนี้มันยิ่งว่าลำบากเพราะมารดาเด็กหนุ่มเปรียบดังตกนรกทั้งเป็นก็ไม่ปาน
........................................................................................................................................