ระแวกถนนสายโลกีย์ ในช่วงค่ำคืนชั่งเต็มไปด้วยสีสัน ชีวิตชีวา ของแสง สี เสียงยิ่งนัก ถนนสายเก่าๆ นี้คลาคล่ำไปด้วย ผู้คนที่ต่างมา ก็เพื่อแสวงหาความสุข ปลดปล่อย อารมณ์ กับความทุกข์ ที่แบกรับมาไว้ทั้งวัน ในย่านนี้จึงคลาคล่ำไปด้วย กลุ่มคนทำงาน ชายหญิง ที่ทุกคนหวังจะมาหาความสุขเพื่อให้มันผ่านข้ามคืนนี้ไป ยังคงมี หลืบซอก ซอยเล็กๆที่อยู่ ในซอกเล็กๆของถนน สายนี้ ป้ายชื่อร้าน ไม่ใหญ่โตนักจึงไม่ค่อยเป็นที่สังเกต ของผู้คนผ่านไปมาเท่าไร นอกจากแขก หรือลูกค้าประจำเท่านั้น ที่รู้ว่าร้านนี้ ทางเข้าร้าน ที่ต่างจากร้านอื่นที่ทั่วไปส่วนมากจะเป็นกระจกใส มองจากด้านนอกเห็นถึงด้านใน มองจากด้านใน ก็เห็นถนน ผู้คนเดินขวักไขว่อยู่ด้านนอก แต่ร้านนี้หาใช่แบบนั้นไม่ ทางเข้าร้านเป็นเพียง ประตูเหล็ก บานไม่ใหญ่ไม่โต ด้านบน มีเพียง ช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ขนาดพองเห็นถึงด้านในได้ เหนือประตูด้านบนเป็น ชื่อร้าน Back Stage แสงไฟสลัวๆที่เสาไฟด้านนอก มีเพียงเก้าอี้ไม่กลางเก่ากลางใหม่วางตั้งอยู่ ใช่แล้ว ร้านนี้ไม่มีประตูหน้า มีเพียงประตูหลังด้านนี้เท่านั้นที่จะ พาแขก ขาจร ขาประจำ นำคนเหล่านั้นเข้าไปสู่อีกโลกนึง
"หัวหน้าครับๆๆ"
เสียงเรียกของเด็กหนุ่ม ทำให้ ชายหนุ่มที่นั่ง กดเครื่องคิดเลข คำนวณ รายรับรายจ่ายของร้าน ต้องวางมือลง
"เข้ามาสิ"
เสียงเอ่ยเชิญให้ ต้นเสียงด้านนอกเดินเข้าไปด้านใน มีอะไรหรอ หลูอี้ เมื่อยืนอยู่ในห้องแล้วเด็กหนุ่มจึงเอ่ยขึ้น
"หลุยส์ วีเซ็นต์ กับ อี้เจี้ยน ยังไม่มาเลยครับ วันนี้ไม่ใช่เวรหยุด ของพวกเขาด้วย ร้านจะเปิดอีก 1 ชั่วโมงข้างหน้าแล้ว ทำยังไงดีครับ"
"เธอโทรตาม พวกนั้นไม่ได้หรือ"
"ครับหัวหน้า ไม่มีใครรับสายของผมเลยซักคนเดียว"
"เอาหล่ะๆ ไปตามกัปตัน เฉินมาพบฉันทีซิ"
เด็กหนุ่มวิ่งกระหึดกระหอบมาที่ เคาร์เตอร์บาร์
"พี่ครับๆ หัวหน้าให้ฉันมาเรียกพี่ไปพบ"
"ฮ๊ะ!!!... มีเรื่องอะไรวะ หลูอี้"
"ไม่รู้เหมือนกัน ไปพบหัวหน้าก่อนเถอะพี่ ร้านใกล้จะเปิดแล้วพี่" เด็กหนุ่มเอ่ย
"ครับคุณเฟิ่งหัว" กับตันเฉิน ก้มหัวต่ำๆลงก่อนที่จะนั่งตามคำเชิญ
"นั่งก่อนสิกัปตัน"
ชายหนุ่มเอ่ยเชิญให้ กัปตันเฉินนั่ง ลงทีโซฟาตัวข้างๆ
"เด็ก3 คนนั่น เมื่อวานรับแขกรึเปล่าอาเฉิน"
เอ่อ... คือว่า.. ชายหนุ่มมีท่าทีลำบากใจ
"ตอบฉันมา ถ้ากัปตันปิดบังเรื่องนี้ คุณก็รู้ใช่ไหมว่า ระเบียบที่นี่คืออะไร"
"คือ.."
"เขาจ่ายให้อาเฉินเท่าไหร่ 3 คนนั่น บอกฉันมา"
กัปตันจำใจต้องบอกไปว่า หนุ่ม 3 คน ติดสินบนให้เงินเขาคนละ 500 เหรียญ แล้วเอ่ยว่า
"พี่อย่าบอกเรื่องนี้กับหัวหน้านะ ว่าเรารับแขกเอง"
"เห้ย...นี่ พวกนายก็รู้ ร้านเราไม่ให้ พนักงานรับแขกเอง"
"แหมม พี่ครับ ห้องรับรองในนี้เหม็นอับจะตาย แคบก็แคบ ลูกค้าแค่ชวนออกไปข้างนอกเอง นะพี่เฉิน ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับผมสักครั้ง นะครับ" เสียงหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยวิงวอน
"เห้อ...ไม่ได้หรอก หัวหน้ารู้ พี่ต้องตายแน่ ระเบียบกฎก็มี ตอนที่พวกนายเข้ามาในร้านใหม่ๆ ก็รู้ไม่ใช่หรือ ว่าต้องทำตามกฎที่ร้านวางไว้"
"แล้วจะให้เรารับแขกอยู่ในร้านเก่าๆ ห้องโทรมๆ แบบนี้หรอ ผมไม่เอาหรอก" ชายหนุ่มหุ่นสะโอดสะองค์ผิวขาวราวไข่มุก ดวงตากยาวรี จมูกโด่งคมเอ่ย
"หลุยส์ นายลำบากมากเลยสินะช่วงนี้ หรือ นายวิเซ็นต์ ต้องจ่ายค่าเทอมหรือไง ถึงได้หิวเงินนัก ลำพังเงินเดือนพวกนาย ไม่รวมทิปก็นับว่ามากกว่า พนักงานคนอื่นด้วยซ้ำนะ"
"ไอเด็กเสริฟพวกนั้น มันไม่ได้มาทำงานแบบเรานี่ พี่จะเอามาเปรียบเทียบกับเราไม่ได้หรอก"
"ใช่ๆ.." พวกเราต้องใช้ตัวเข้าแรก กับพวกลูกค้า บ้าตัณหา หื่นกามพวกนั้น จะไปเทียบกับพวกเด็กเสริฟ์ ที่ทั้งคืน เดินไปเดินมาได้อย่างไร" เสียงชายหนุ่มอีก สองคนเอ่ย
"เจิ้งหนาน นายก็อีกคน พวกนายถือว่าเป็น ตัวทำเงิน ตัวเรียกแขกแล้ว เลยเป็นแบบนี้สินะ ดี ฉันจะได้รายงานให้หัวหน้า หลิว ทราบ"
"เงินนั่นผมไม่ได้รับไว้หรอกครับหัวหน้า" อาเฉินล้วงเงินออกจากกรเป๋าที่ได้รับมา แล้ววางบนโต๊ะต่อหน้า เจ้าของร้าน
"เด็กพวกนั้น มันน่าจะ ให้ตำรวจับไปอยู่ในคุกซะตั้งแต่แรก เจี้ยนฮั๋วนะเจี้ยฮั๋ว ไม่น่ารับมาไว้ให้อยู่ที่นี่เลย ชั่งเถอะ ไม่มา ก็หักเงิน หายไป 3 คน เดี๊ยววันนี้ฉันจะออกไปรับแขก แทนให้"
"ห๊ะ .. หัวหน้าครับ"
อาเฉินตกใจ รู้มาว่าหัวหน้าไม่รับแขกมา 2 ปีแล้ว ตั้งแต่เปิดร้านมาได้ 5 ปี เขาเห็นหัวหน้ามักจะอ้างว่าอายุมากแล้ว ไม่อยากให้เด็กรุ่น น้องมองอย่างเหียดหยาม ว่าแก่แล้วไม่รู้จักเจียม แต่เท่าที่อาเฉิน ทำงานอยู่ที่นี่ ตั้งแต่ร้านเปิด หัวหน้าก็ยังไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ยังคงดู สวย หวาน นุ่มนวล น้ำเสียงชวนฝันอยู่เสมอ ยิ่งอยู่ในชุด จั๊มสูท รัดรูปสีเนื้อเช่นนี้ อ่า.. นี่เขาคิดอะไรอยู่กันนะ ชายหนุ่ม สะบัดศรีษะไล่นสิ่งที่คิดอยู่ให้หลุดออกไป
"เป็นอะไรไปหรอ" เฟิ่งหัว วางมือที่ขาวดังไข่ปอกและนิ้วมือที่เรียวงามบนเข่าของ อาเฉิน อ่า นิ้วมือหัวหน้าทั้งยาวเรียว ดั่งลำเทียน
ไ"ปทำงานเถอะ เดี๊ยวจะได้เวลาเปิดร้านแล้ว" อาเฉิน พยักหน้ารับ
"หัวหน้าจะรับแขกจริงหรือครับ" ชายหนุ่มตัดใจเอ่ยถาม
"ใช่สิ เธอว่าฉัน ยังพอไหวมั้ย"
เฟิ่งหัวส่งยิ้ม ละไมหวานหยดไปให้กัปตันหนุ่ม ริมฝีปากบางได้รูปดังกระจับ เผยอเล็กน้อย กัปตันเฉินก่อนตอบไปก็ถึงกับกลืนน้ำลายก้อนโต
ดะ ดะ ได้...ครับ
"วันนี้ ลดแสงลงหน่อยนะ เดี๋ยว แขกลูกค้าจะเห็นริ้วรอย แห่งกาลเวลาของฉัน"
อาเฉิน ลอบมอง เฟิ่งหัวอยู่หลายที ไม่เห็นจะจริงดั่งที่เธอกล่าวเลย ผมยาวสลวย สีน้ำตาลอ่อน ปกปิดเนินอก ทีต่อให้มีแสงน้อยก็ยังมองเห็นเนินอกที่ขาวอวบอิ่มเต่งตึงเด่นอยู่ตรงหน้า ไหนจะเรียวขาที่ยาวเรียว ที่นั่งอยู่ในท่าไขว่ห้างเช่นนั้น อ่า ชายกระโปรงมัน รั้งขึ้นไปจน โชว์ให้เห็นขาอ่อนของเธอ อาเฉินกลืนน้ำลายไปหลายก้อนลงคอ จนในที่สุด เสียงของคนตรงหน้าก็หยุดความคิดชั่วแล่นของเขาลง
"หาชุดสวยๆให้ฉันใส่ออกไปรับแขกด้วยนะ"
"อ่อ ได้ครับ คุณเฟิ่งหัว"
หลายวันผ่านไป
"กัปตันครับ เด็กใหม่ที่มาสมัครงานมารอแล้วครับ"
"อ้อ งั้นหรอ" อาเฉินเงยหน้าขึ้นจาก บัญชี เครื่องดืม ที่ต้องคอยตรวจเช็คทุกๆเดือน
"นายมาเช็คของแทนฉันนะ หลูอี้" พูดพลาง ส่งสมุดบัญชีให้กับเด็กรุ่นน้องรับไป
"นั่งก่อนสิ" อาเฉิน บอกให้เด็กหนุ่มตรงหน้า นั่งลง ชายหนุ่ม พิจารณาเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างช้าๆ มองเด็กหนุ่มพลางก้มดูใบสมัครในมือของเขาพลาง
"อืม.. อายุเท่าไหร่นะเรา "
"18 ปี ปีนี้พอดีครับ" เสียงนุ่มเอ่ยออกมาอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก
"แล้วเรา สูงเท่าไหร่"
"186 ซม.ครับ"
"แล้วนี่เธออาศัยอยู่นอกเมืองหรอกหรือ" อาเฉินก้มดูใบสมัคร ของ เด็กหนุ่มตรงหน้า
"นายเป็นลูกครึ่งหรอนี่" อาเฉิน ถามด้วยความสงสัยจ้องมอง เด็กหนุ่มเบื้องหน้า
"ครับผม เป็นลูกครึ่งจีนกับ ฝรั่งเศส คุณพ่อเป็นฝรั่งเศสครับ" เด็กหนุ่ม ตัดสินใจตอบคำถามออกไป พลางเม้มริมฝีปากแน่น ในใจก็คิดไปว่า จะถามอะไรที่เขาตอบไม่ได้อีกหรือไม่นะ อย่าถามอะไรผมอีกเลยครับ
อาเฉินรู้สึกได้ว่า เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว อายุกับรูปร่างหน้าตานี่ผ่าน แถมยังเป็นลูกครึ่งอีกด้วย ดีหล่ะ อย่างน้อยก็เอาไว้ รับรองลูกค้า พูดโต้ตอบได้ 2 3 ประโยคก็ดีมากแล้ว
"ชื่อนายเขียนแบบนี้หรือ ฉัน อ่านว่า Aron ถูกต้องมั้ย"
"ครับถูกต้องครับ ผมชื่อ อารอน"
"แล้วชื่อจีนของเธอหล่ะ เธอมีชื่อจีนไหม"
"อิ่นเจิ้ง ครับ ผมแซ่หาน หาน อิ่นเจิ้ง"
"อืม.. ชื่อเธอความหมายดีนะ"
อาเฉินดูจะพอใจเด็กหนุ่มคนนี้ เดิมทีต้องเป็นหน้าที่ของหัวหน้า แต่เพราะหลายวันที่ผ่านมา เธอต้องรับแขก อยู่จนเกือบ สายของทุกวัน ทุกคืน หน้าที่นี้เลยตกเป็นของอาเฉิน
"แล้วนี่เธอพร้อมจะมาทำงานได้เมื่อไหร่หล่ะ" อาเฉินเอ่ยถาม
"วันนี้เลยได้มั้ยครับ" คำตอบของเด็กหนุ่ม ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับ แปลกใจ
"ห๊ะ..วันนี้เลยหรอ นี่เธอจะเริ่มงานในวันนี้จริงๆหรอ" อาเฉินถึงกับตกใจ ทำไมต้องรีบร้อนแบบนั้นด้วยหล่ะ
"ผมมาจากนอกเมือง ไม่มีที่พักในเมืองเลยครับ เลยอยากเริ่มงานวันนี้ เพราะไม่อยากเสียเวลาต้องนั่งรถกกลับบ้านอีก"
"อ่อ อย่างนั้นเองหรอ" อาเฉินได้ยิน เด็กหนุ่มอธิบายดังนั้น ก็ให้คิดว่า เด็กหนุ่มนี่ ซื่อ และท่าทางขยันดี รับไว้เลยก็แล้วกัน
"เอาหล่ะๆ เริ่มวันนี้ก็วันนี้ เดี๋ยวตาม หลูอี้ไปนะ เขาจะพานายไปดูห้องพักน่ะ"
"ขอบคุณ หัวหน้ามากครับ ขอบคุณมากจริงๆ" เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจ ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้า ที่มองใบหน้าใสนวลขาวกระจ่าง ดวงตาทั้งคู่ เต็มเอ่อไปด้วยน้ำใสๆ
หลูอี้พาเด็กหนุ่ม ที่เขาแอบมองด้วยความอิจฉาตั้งแต่ตอนสัมภาษแล้วอันที่ จริงๆเขาน่าจะอายุน้อยที่สุดในร้านแล้ว ถ้าไม่มี อิ่นเจิ้งเข้ามาในตอนนี้ ยิ่งเห็นใบหน้าชัดๆ ยามต้องแสงไฟ ตัวเองก็แทบอยากกัดลิ้นตายอยู่ตรงนี้ นี่ถ้าจะเด็กหนุ่มคนนี้ได้ใส่วิกผม สวยๆ สวมชุดกระโปรง ใครๆก็คงไม่รู้หรอกว่านี่เป็นผู้ชาย ทำไมใบหน้าเขาถึงได้หวานละมุน รับกับดวงตายาวรี จมูกโด่งน้อยๆ ริมฝีปากกระจุ๋มกระจิ๋มเช่นนี้นะ
"โอ๊ยย!!!.." หลูอี้เดินสะดุดขอบประตู ทางเข้าหอพัก พนักงานในร้าน
"อ่ะ ถึงแล้ว ที่นี่แหล่ะที่พักของพนักงานในร้าน"
อิ่นเจิ้ง ประมาณจากสายตา ของระยะทางจากร้าน มาถึงที่พัก คงใช้เวลา 10 นาที ก็มายืนอยู่หน้าตึก 3 ชั้น กลางเก่ากลางใหม่
"ตามระเบียบของคนที่มาใหม่ต้องอยู่บน โน้น" หลูอี้ ทำปากยื่นส่ง ชั้น 3 "นายคงต้องเดินเหนื่อยหน่อยนะ" แฮ่กกๆๆ หลูอี้ หอบตัวโยน แต่กับ อินเจิ้งไม่ได้แสดงอาการเหนื่อยหอบ ออกมาให้เห็นเลย นอกจาก เม็ดเหงื่อ ที่ผุดอยู่ประปราย เดินมาจนสุดทาง
"นี่แหล่ะห้องของนาย อ่ะรับไปนี่ กุญแจห้องนาย"
หลูอี้ส่งพวกกุญแจให้เด็กหนุ่มก่อนจะ แนะนำเวลาการทำงานของร้าน
เ"ข้างาน 5โมงเย็น เลิกงาน 9 โมงเช้า มีข้าวให้กิน 2 มื้อ มาสายโดนตัด 10 เหรียญ อย่าลืมนะ" หลูอี้ก่อนออกจากห้อง กล่าวเตือน อิ่นเจิ้งมองไปทั่วห้อง แล้วตัดสินใจวางกระเป๋าใบเล็กๆลง
"แม่ครับ รอผมก่อนนะแม่ ผมได้งานทำแล้วครับ"
อาเฉิน เป็นกัปตันเพียงคนเดียวที่ คุมเด็กในร้าน ราว 15 คน ไม่รวมพ่อครัว อีก 2 เด็กล้างจาน อีก1 ทุกวันในแต่ละคืน นั้นเขาต้องเดินไปเดินมาผ่านห้องที่ให้บริการลูกค้า เป็นห้อง แคบๆ ประมาณกางเสื่อได้ 2 ผืน ที่หน้าประตูห้อง มีช่องเล็กๆอยู่ที่ประตู กับดวงไฟสีม่วงที่ติดอยู่หน้าห้อง ไฟติดแสดงว่าห้องนี้มีแขกหรือลูกค้าใช้อยู่
"เสี่ยวอี้ๆๆ" อาเฉินตะโกนเรียก
"ครับ กัปตัน" เด็กหนุ่มวิ่งออกมาจากห้องน้ำ จับชายเสื้อให้มันเข้าไปอยู่ในกางเกงอย่างเป็นระเบียบ แล้วก็มายืนตรงหน้ากัปตัน
"เห้อ... "ชายหนุ่มส่ายหน้าไปพลาง มือก็ติดกระดุมเสื้อให้เด็กหนุ่ม สายตาจึงเหลือเห็นรอยจ้ำที่เกิดขึ้น
"ผมติดเองดีกว่าครับกัปตัน" เด็กหนุ่ม ก้มหน้ก้มตา คงเพราะกระดากอายกับ รอยคิสมาส์ก ที่หัวหน้าเห็น
"อืม.."
อาเฉินถอยออกมา เพื่อจะหลีกทางให้แขก ที่เดินออกจากห้องน้ำ แขกรูปร่างอวบอ้วนคนนั้นไม่ลืมที่จะหันกลับมา กำธนบัตรยื่นยัดใส่ลงไปที่ขอบกางเกงของเด็กหนุ่มอย่างจาบจ้วงและไม่แคร์ สายตาของ กัปตันอย่างเขาเลย
หลูอี้กล่าวขอบคุณเสียงดัง จนอาเฉิน ถึงกับ สะดุ้ง ถึงจะคุ้นชินกับภาพเหล่านี้ แต่เอาเข้าจริง เขาก็ไม่เคยทำใจยอมรับมันได้เลย ยอมรับว่างานที่ทำอยู่ มันเป็นการขายความสุข ให้กับกลุ่มชายที่มีรสนิยมแบบนี้
"เอ่อ นายออกไปช่วย อินเจิ้งข้างนอกหน่อยไป"
พูดจบ เสียวอี้ก็รีบเดินไปทันที อาเฉินเดินกลับมาที่ เคาท์เตอร์ระหว่างทางก็ได้ยินเสียง คราง ต่ำๆ ในคอ อีกเสียง ที่ลอยมาก็เป็นเสียง
"ดีๆมาก ดีมากเลย แบบนั้น อ่า..แบบนั้นแหล่ะ" และที่ต้องหยุดยืน ก็เพราะห้องนี้เป็นห้องที่หัวหน้า อยู่กับแขกในห้อง เขายืนคิดอะไรในใจจน..ประตูห้องนั้นเปิดออกมา ลูกค้าหนุ่มคนนึง ก้าวออกมาก่อน ประตูเปิดอ้าไม่กว้างนัก ตามมารยาท อาเฉินด้วยหน้าที่ จำต้องปิดประตู แต่เขามองเห็นเงา
เอ๊ะ!! ยังมีใครอยู่ในห้องนะ อ่า เฟิ่งหัว ยังอยู่กับแขกอีกคนหรอเนี่ย..ลูกค้าในห้องเห็นก็ตะโกนบอกให้ปิดประตู อาเฉินสะดุ้ง พร้อมกับเอ่ยคำขอโทษ และปิดประตูทันที
"พี่ครับๆ" เสียงเด็กในร้านคนนึงเอ่ย "มีอะไร นายร้องไห้ทำไม บอกฉันสิ" เด็กในร้านกระซิบบอกว่า ลูกค้าของเขา วิตถาร จะใช้ของเล่นกับส่วนนั้นของเขา เขาสู่แรงฝรั่งตัวใหญ่ยักษ์นั่นไม่ไหวจึงวิ่งร้องไห้ออกจากห้องมา
"เจ็บมากรึเปล่า หึ๊..ซ่งฉี" เด็กหนุ่มพยักหน้า งึกๆ น้ำตาใส่ก็ไหลออกมาอาบสองแก้ม
"ไปๆ..นายไปพักในห้องพักก่อนเดี๋ยวพี่จะไปคุยกับแขกให้นายเอง"
"ไม่ต้องหรอกครับ แขกกลับไปแล้วครับพี่" ชายหนุ่มเห็นเด็กหนุ่ม กำคูปองของร้านปึกใหญ่จนแน่น ก็เข้าใจเด็กหนุ่มตรงหน้าทันที
"เห้อ...ซ่งฉีเอ๊ย".. เด็กหนุ่มเดินไปพร้อมกับมืออีกข้างจับที่ยังคงจับและลูบก้นของเขา
"นายคงเจ็บมากเลยสินะ " กัปตันมองแผ่นหลังเล็กๆที่เดินผ่านไป
"ส่งคุณตรงนี้นะคะ" เสียงหวานคุ้นหูลอยมา ทำให้อาเฉินต้องหันกลับไปดู
"อาเฉิน ส่งแขกให้ฉันที ดูแลเขาดีๆด้วยหล่ะ"
"ไม่ต้องๆ ฉันอยากให้เธอเดินไปส่งฉัน" แขกยังคงนัวเนียนอยู่กับเฟิ่งหัว จนนางเผลอครางกระเส่าออกมา "อ่า...อย่าสิคะคุณ ไม่งั้นคุณต้องต่อเวลานะ"
"ออกไปข้างนอกกับฉันไม่ได้หรอ ที่นี่ห้องมันแคบแล้วก็เล็กเหลือเกิน ออกไปหาความสขุกันข้างนอกนะ อาเฟิ่ง" หญิง งามเพียงร่างชาย ยิ้มยั่วยวน ก่อนตอบไป
"ไม่เอาหล่ะ คิดถึงฉันก็มาที่นี่สิ ไปเถอะ ฉันยังมีแขก รออีก 2 3 คน" พูดจบ เฟิ่งหัว ก็ใช้นิ้วมืออันเรียวยาว นวดคลึงไปที่ส่วนนั้น "อ่า..นะคะคิดถึงก็กลับมาหาฉันอีกนะ"
"ได้สิพรุ่งนี้เจอกัน ฉันจะเหมาเธอให้อยู่กับฉัน ยันเช้าเหมือนวันนั้นเลย.."
อิ่น เจิ้งทำงานที่นี่มาครบ 2 เดือนแล้ว เขาเริ่มปรับตัวให้ชินกับการใช้ชีวิต คนกลางคืนได้แล้ว วันนี้เงินเดือนออก เด็กหนุ่มคิดไว้ว่าจะโอนเงินกลับไปที่นอกเมือง ที่แม่รอเขาอยู่ แน่นอน แม่เขาไม่รู้ว่าอิ่นเจิ้งมาทำงานกลางคืนแบบนี้ เขาบอกเพียงแต่ทำงาน ร้านสะดวกซื้อเข้างานช่วง ดึก เสียวอี้บอก ธนาคารอยู่แถวๆนี้นี่นา ถึงเงินเดือนเขาจะไม่มาก แต่ก็พออยู่ได้กับ 2 คนแม่ลูก ที่พ่อต่างชาติหนีกลับประเทศไปตั้งแต่อินเจิ้ง ได้ 10 ขวบ
อย่างน้อยเขาก็พอพูดสื่อสาร กับชาวฝรั่งเศส ได้บ้าง เป็นผลมาจากที่พ่อของเขาสอน และนับเป็นความโชคดีอีกอย่างที่ อิ่นเจิ้ง ได้ความสูง ขาว และดวงตาสีฟ้าอ่อนจากพ่อมา ส่วนใบหน้า นั้นถอดพิมพ์ของแม่เขามาเกือบจะทั้งหมด ฝากเงินให้แม่แล้ว ว่าจะไปหาซื้อ เสื้อผ้าใหม่ ซัก 2 ชุด อิ่นเจิ้งคิด ซื้อขนมไปแบ่งกับเสี่ยวอี้ด้วย
เสี่ยวอี้ เนื่องจากไม่มีเพื่อนที่วัยใกล้เคียงเขาเลย เด็กหนุ่มเลยหันมาสนิทกับ อิ่นเจิ้ง ตังแต่เสี่ยวอี้ รับแขก พอมีได้ทริปเยอะ ก็จะซื้อขนมมาฝาก อิ่นเจิ้งเสมอ แต่ถึงจะเงินเดือนน้อย เพราะอิ่นเจิ้ง ไม่ได้รับแขก เด็กหนุ่มมาทำงานเป็นแคชเชียร์ และคอยเช็ค เหล้า เบียร์ เครื่องดื่มในร้าน แค่นี้ พอแล้ว มีที่พัก มีข้าวให้กิน มีเงินถึงจะไม่มาก ไหนจะมีทริปจากแขก ที่เอ็นดูเขาเสมอ อาเฉิน จะช่วยกันเขาจากลูกค้า แย่ๆด้วย หลายครั้งที่ อิ่นเจิ้งเกือบถูกลูกค้าฉุดเข้าไปในห้องด้วยความเมา แต่อาเฉินก็ปฏิเสธ ลูกค้า ออกรับแทน ว่า อิ่นเจิ้งไม่รับแขก เขาเป็นแค่เด็กเก็บเงิน ลูกค้า แขก บางคนก็ฟัง บางคนก็ไม่ฟัง จะลากอิ่นเจิ้งเข้าห้องให้ได้อย่างเดียว ด้วยเพราะที่ เขามีรูปหน้าที่งดงาม รับกับรูปทรง ที่สูงโปร่ง อิ่นเจิ้งจึงเป็นตัวเรียกแขก
ภายในเวลา 1 เดือน ลูกค้า ขาจร ขาประจำต่างก็แวะเวียนมาที่ เค้าท์เตอร์ เพื่อหวังจะเห็นหน้า เห็นรอยยิ้มของเด็กหนุ่ม ยังมีหนุ่ม อินโนเซ๊นต์ ไร้เดียงสา เวอร์จิ้นอยู่ในร้านนี้ด้วยหรือ ชั่งเป็นเรื่องที่น่าแปลก เฟิ่งหัวตอบลูกค้าบางคนว่า
"ไม่แปลกหรอก ร้านเราไม่ได้บังคับให้เด็ก ขายบริการ" ลูกค้า หลายคนเอ่ยว่า
"ไม่เชื่อ.. "เขาเอ่ยถึง 3 หนุ่มโบว์แดง ตัวเรียกแขกรุ่นก่อน 3คนนั่นทำไมจะไม่ขาย"
"ก็ร้านเราไม่ได้บังคับไงคะ กฎก็มี แต่เด็กพวกนั้น ทำเอง เราจะไปห้ามก็ไม่ได้ เพราะมันก็ทำให้พวกคุณมีความสุขไม่ใช่หรอ พวกคุณก็ชอบนี่ ฉันพูดถูกมั้ย ว่าแต่ เจอ 3 คนนั่นที่ไหนหรือคะ" เฟิ่งหัวเอ่ยถามแขก คนนึง
"อืม... เจอเมื่ออาทิตย์ก่อน เขาโทรมา ว่าอยากเจอพอดีผมว่าง ก็เลยไป"
"แล้ว...น้องเขาบริการคุณดีเหมือนก่อนไหม" เฟิ่งหัวทิ้งช่วง
ไ"ม่ดีเท่าเมื่อก่อนนะ ช่วงล่าง" แขกที่ว่าถึงกับส่ายศรีษะไปมา "ไม่ไหว ผมถามว่าคืนนึง รับกี่ประตู หลุยส์ ตอบ 5 6 ประตู" ลูกค้าหนุ่มเอ่ยพร้อม ขยี้มวนบุหรี่ลงที่เขี่ยอย่างไม่สบอารมณ์นัก ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องคราวนั้น
"ห๊ะ" เฟิ่งหัวถึงกับตาเบิกโพลง หมายความว่า "รับแขก 5 6 คนต่อคืนหรอ พระเจ้า ฉันไม่อยากจะคิดอะไรต่อจากนี้แล้วหล่ะค่ะ"
"คงจะอย่างนั้นมั้งครับ แต่รูปร่างหน้าตาก็ยังดูดีอยู่นะเสียแต่ประตูหลัง พังไปซะแระ.."สายตาที่แขกหนุ่มมอง อิ่นเจิ้ง ทำให้เฟิ่งหัว รู้ได้ทันที
"เด็กนั่น เป็นเด็กดีนะคะ อย่าไปยุ่งกับเขาเลย" แขกหนุ่มยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะเอ่ยออกไป
"เปิดบริสุทธิ์ เด็กคนนั้น คุณคิดเท่าไหร่"
อาเฉิน พาเด็กมาเสริฟน้ำได้ยินโดยบังเอิญ ถึงกับชักสีหน้าทันที ไม่พอใจทันที เขาได้แต่คิดอยู่ในใจ ว่าคนพวกนี้ มันตายอดตายอยากมาจากไหน อะไรกัน เด็กตัวแค่นั้น ก็ยังจะคิดอุบาทว์ ทำไมนับวัน อาเฉินถึงเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่รู้ หรือเพราะว่าทำงานมานาน จนมันอิ่ม และเอิือม กับสิ่งที่พบเจอ ก็บอกไม่ถูก
เห็นเด็กในร้านที่เขาดูแลอยู่ แต่ละคน ร้านปิด บ้างก็น้ำตาซึม บ้างก็ แทบไม่มีสติ บ้างก็เหม่อลอย บ้างตามเนื้อตัวก็มีร่องลอย ต้องทำกันถึงเพียงนี้เชียวหรอ เขาได้แต่คิด เด็กพวกนี้ มาที่นี่ก็เพื่อ ทำงานส่งเงินกลับบ้าน ทางบ้านถ้ารู้ ลูกหลานเขามาทำแบบนี้ จะรู้สึกยังไงคงไม่ต้องคิด แต่ ปากท้องมันย่อมสำคัญกว่า เจ็บตัวนิดหน่อย สติ เบลอ เพราะเมา ไปบ้าง แค่นี้ เขาทำได้ แต่จะทำจนเก็บเงินได้จนพอ แล้วก็จะกลับบ้าน หลายคนเคยพูดแบบนี้ แต่อีกหลายคน ก็ออกจากร้านไป รับแขก อย่างเต็มตัว
ทำไมพวกนายไม่เข้าใจหัวหน้า เฟิ่งหัวนะ ออกไปแบบนั้น ศักดิ์ศรีนายก็ไม่เหลือแล้ว แต่ถ้าอยู่ในนี้ ไม่มีใครรู้ หรือจำพวกนายได้หรอก อย่างน้อยเวลากลางวัน นายก็ยังใช้ชีวิตเหมือนคนปรกติได้ ที่ไม่ต้องถูกมอง และคนอื่นพากันดูถูกว่า เป็นชายขายบริการอิ่นเจิ้งเอ๊ย.. นายจะยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนเดียวที่เวอร์จิ้นอยุ่ในร้านนี้ อีกนานแค่ไหน..
"อิ่นเจิ้งๆๆ" ก๊อกๆๆ... เสียงเสี่ยวอี้ส่งเสียงเรียกที่หน้าประตู
"อ่า.." เพิ่งกลับจากปิดร้านมา ทำไมเสี่ยวอี้ มาเรียกนะเด็กหนุ่ม บิดกาย ไปมาพร้อมกับลุกไปเปิดประตู
"มีอะไรหรอเสี่ยวอี้" เด็กหนุ่มตรงหน้าไม่รอให้ อิ่นเจิ้งได้ถามอะไรต่อ ยื่นสมุดบัญชีส่งให้ทันที
"อ่ะนี่ สมุดบัญชี พี่เฉินให้นายเอาไปให้ เจ้าของร้านตรวจ"
"ห๊ะ.. เจ้าของร้าน" คำนี้ทำเอาสมองที่เพิ่งถูกปลูกให้ตื่นนั้นขาวโพลน
"อือ..ก็พี่เฉินไม่ว่าง กำลังคุมคนงาน ตกแต่งร้านอยู่"
"แล้วฉันต้องเอาไปให้เจ้าของร้านดูที่ไหนล่ะ " อิ่นเจิ้งก้มมองดูสมุดบัญชีเล่มใหญ่ตรงหน้า
"เดี๋ยวฉันพาไปเอง นายรีบๆอาบน้ำแต่งตัวเถอะ"
จนในที่สุดใช้เวลาเดินจาก หอพักมาไม่นานนัก เด็ก หนุ่มทั้งสองมาหยุดยืนอยู่ที่ บ้านเดี่ยวหลังเล็กๆ เดินมาไม่ไกลจากหอ และที่ร้านมากนัก เสี่ยวอี้กดออด ไม่นานประตูก็เปิด อ่า..บ้านน่าอยู่จัง หลังเล็กกะทัดรัด แต่ยังมีสวนสวย มีน้ำตกเล็ก และมีบ่อปลาอยู่ในบ้านด้วย
"ตามฉันมา" เสี่ยวอี้ สะกิดเด็กหนุ่มที่เอาแต่จ้องมองบรรยากาศในบ้าน
"นี่เสี่ยวอี้นายมาที่นี่ บ่อยๆหรอ" อิ่นเจิ้งถาม
"ก็ 2 3 เดือนมาครั้งนึง ช่วงนี้ เจ้าของร้าน ไปร้านไม่ได้ ก็เลยต้องเอาบัญชีมาส่ง อาเฉินตรวจ ที่นายทำแล้ว นี่ลายยเซ็นต์ของอาเฉิน เดี๊ยวนายต้องอยู่ที่นี่คอยตอบคำถามกับเจ้าของร้านนะ ส่วนฉันจะกลับก่อน"
"อ้าว..ทำไมหล่ะ ไม่กลับพร้อมกันหรอ"
"ฉันไม่ได้เป็นคนทำบัญชี นี่นา นายก็ต้องอยู่ตอบคำถาม เจ้าของร้านไปสิ"
"เสียงใครข้างนอก" ชายหนุ่มทั้งคู่ต่างก็ตกใจ.. แล้ว เสี่ยวอี้ ก็กลับไปก่อนโดยทิ้ง อิ่นเจิ้งไว้
"คือ หัวหน้าเฟิ่ง ผมเอาบัญชีร้านมาส่งครับ"
"งั้นหรอ" เฟิ่งหัว เดินโซเซตรงไปที่เคาท์เตอร์บาร์ แล้วเท บรั่นดีใส่แก้ว ยกดื่มสายตามองจับจ้องไปที่เด็กหนุ่ม ส่งยิ้มละไมให้กับเด็กน้อยตรงหน้า
อ่า..ไม่เคยเห็นหัวหน้าแบบนี้เลย นางปล่อยผมสยาย กับเสื้อคลุมที่ แทบจะกองที่พื้นถ้าไม่มีสายคาดเอวที่มัดไว้แบบหลวมๆ โชว์เนินอกอิ่มๆ กับรอย จ้ำๆ
"นั่น ทางโน้นเลย โน่นๆ คนตรวจบัญชีอยู่ในห้อง เข้าไปสิ" อิ่นเจิ้ง งง ยกมือเกาหัวแกรกๆ
"ไม่ใช่หัวหน้าหรือครับ" เฟิ่งหัว หัวเราะเสียงใส
"เธอคิดว่าฉันเป็นเจ้าของร้านหรอ" แล้วนางก็เดิน สะเปสะปะ ตรงมาที่เด็กหนุ่ม พร้อมกับเอื้อมมือไป ดึงแก้มน้อยๆ "มาอยู่ร้านกี่เดือนแล้วนะเธอ ฉันเพิ่งเคยเห็นเธอเต็มๆตาก็วันนี้แหล่ะ ตอนฟ้าแจ้งๆ น่ารักนะเรา"
"เด็กที่ร้านเอาบัญชีมาส่งรึยัง..." เสียงทุ้มหนักแน่นที่เอ่ยนั้นทำให้เฟิ่งหัวถึงกับ สงบเก็บอาการ กรุ้มกริ่มเธอลงทันที นางดันร่างอิ่นเจิ้งให้ไปทางประตูห้องเบื้องหน้า
"ไป..ไปซะ เจ้าของร้านรอเธออยู่ข้างใน"
อิ่นเจิ้งก้มหน้า ไม่กล้าเงยสบตากับ เจ้าของร้านที่นั่ง ตรวจรายงาน บัญชีอยู่ที่โต๊ะทำงาน เขาตอบคำถามอยู่ 2 3 คำ ยามที่เจ้าของร้านถาม แต่เด็กหนุ่มก็สังเกต เห็นความผิดปรกติ ถึงภายในห้องที่เขายืนอยู่ มีไม้เท้าที่วางพาดไว้ หลังประตูตอนที่เขาเดินเข้ามา แล้วยังจะรถเข็น วิลลแชร์นั่นอีก ที่อาเฉิน บอกเจ้าของร้านไม่สะดวกมาตรวจบัญชีที่ร้าน ก็เพราะแบบนี้หรอ แล้ว ความสัมพันธ์กับ หัวหน้าเฟิ่ง หล่ะ
"อ่ะ ตรงนี้.. ทำไมตัวเลขเป็นแบบนี้ล่ะ" ชายหนุ่มเลื่อนสมุดบัญชี ส่งให้เด็กหนุ่มตรวจดู
"ครับ..." อิ่นเจิ้งมองไปยัง จุดที่ ชายหนุ่มใช้ปลายปากกาชี้
"เข้ามาดูใกล้ๆสิ" อิ่นเจิ้ง ขยับตามไป ตรวจดูตัวเลข แล้วจึงตอบเจ้าของร้าน
"อ้อ วันนี้มีคนมาส่งของครับ แต่ อาเฉินไม่ว่าง เพราะคุมคนงาน ที่กำลังซ่อมแซมร้านอยู่ เลย ยังไม่ได้บันทึกบัญชีลงไป "
"อืม... คราวหน้า อย่าให้หลุด อีกนะ แล้วกุญแจห้องเก็บของ อยู่ที่ใคร"
"อยู่ที่ พี่เฉินครับ"
"เธอเป็นเด็กใหม่ ใช่มั้ย"
"ครับ.."
"อ่ะนี่ฉัน ฝากเงินจำนวนนี้ให้อาเฉินด้วย" ชายหนุ่มหันหน้าพร้อมกับส่งกุญแจให้เด็กหนุ่ม
อิ่นเจิ้ง เงยหน้าขึ้น ต้องแปลกใจ เมื่อ ใบหน้าของ เจ้าของร้าน เหมือนกับ หัวหน้าเฟิ่งเลย เด็กหนุ่มเลิกคิ้วน้อยๆ มอง เจี้ยนฮั๋ว ด้วยตาแป๋ว มีคำถามผุดขึ้นมากมายในหัวของเขา ทำไม อะไร ยังไง จน เสียงของชายหนุ่มทำให้เขารู้สึกตัว
"ชื่ออะไรนะเราหน่ะ" ชายหนุ่มเอ่ย พลางใช้นิ้วมือนวดครึงบริเวณ สันจมูก
"อิ่นเจิ้ง ครับ"
เจี้ยนฮั๋ว นั่งตรวจบัญชีอยู่นาน อยากขยับเปลี่ยนนั่งให้อยู่ท่า สบายๆแต่ก็ยากที่จะทำได้ อิ่นเจิ้งเห็นดังนั้นเลยเข้าไปประครองไว้
"ให้ผมช่วยนะคุณครับ" ชายหนุ่มมีสีหน้าตกใจหันมองเด็กหนุ่มที่ตรงเข้าประคองร่างเขา
"ไม่..ไม่ต้องนายไม่ต้อง ปล่อยฉัน ฉันทำเองได้" แต่แล้ว มือของเจี้ยนหัว นั้นจับพนักไม่มั่นพอ ทำให้พลาด ล้มตกจากเก้าอี้ โครม!!!.. เฟิ่งหัวได้ยินเสียงอีกห้องจึง วิ่งเข้ามาทันที
"พี่จะเอาอะไรทำไมไม่เรียกฉันหล่ะ..."เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดร่างบาง ย่อตัวลงทันที
"อิ่นเจิ้ง มานี่มาช่วยฉันทีซิ"
"ครับ คุณเฟิ่ง" เด็กหนุ่มตรงเข้าไปช่วยประคองชายหนุ่มให้ลุกขึ้นทันทีด้วยที่เฟิ่งหัว มีรูปร่างบางกว่าเจี้ยนฮั๋ว มาก จึงพยุงเขาเพียงลำพังคนเดียวไม่ไหว ต้องอาศัยรูปร่างสูงโปร่งและกำลังของเด็กหนุ่ม
"อ่ะ ดีๆ.."เจี้ยนฮั๋ว พยายามจะยกเท้าอีกข้างให้วางที่เตียง แต่ก็ยังต้องออกแรงอยู่นาน จนเฟิ่งหัวต้องจับเท้าวางบนเตียงให้
"เจ้านี่ ออกไปไป๊...เจี้ยนฮั๋ว ออกปากไล่คนร่างบาง เมื่อเห็นเฟิ่งหัว ก้มลงโดยที่ไม่สวมเสื้อชั้นใน หน้าอกหน้าใจน้อยๆของเฟิ่งหัวก็ โผล่แพลมออกมาทักทายชายหนุ่มตรงหน้าทั้งสองคน
"รีบออกไปสิ" เจี๊ยหัวตวาดลั่น
"รู้แล้วๆจะไปแล้ว" เฟิ่งหัวจับสาบเสื้อคลุมให้เข้าที่ พร้อมกับเดิน โซเซออกจากห้องไปทันที
"เธอเองก็กลับไปได้แล้ว"
"ครับ.. "ก่อนกลับ อิ่นเจิ้งไม่ลืมที่จะนำไม้เท้า กับรถเข็นมาไว้ใกล้ๆ ชายหนุ่ม เจี้ยฮั๋ว เหลือบมองทีนึง ก่อนที่เด็กหนุ่มจะออกจากห้องเขาไป ทำไมหัวใจเขาถึงได้เต้นแรงแบบนี้นะ ไม่ใช่คงเป็นเพราะเฟิ่งหัวทำนมหกต่อหน้าเขาหรอกนะ แต่เป็นเพราะเด็ก อิ่นเจิ้งนั่นต่างหาก
ค่ำวันนั้นก่อนร้านเปิด อิ่นเจิ้งมีคำถามมากมาย ที่จะถามหาความจริงจากเสี่ยวอื้ เพื่อนวัยเดียวกับเขา
"ฉันไม่เคยเห็นหน้าเจ้าของร้านหรอก ต้องพี่เฉิน แต่ก็รู้มาว่าเจ้าของร้านสุขภาพไม่ค่อยดี ส่วนเรื่องหน้าตาที่เหมือนกับหัวหน้าเฟิ่ง ก็แน่สิ เขาพี่น้องกันนี่ คุณเจี้ยฮั๋ว เป็นพี่ หัวหน้าเฟิ่งเป็นน้อง หน้าเมือนกันมากเลยหรอ อิ่นเจิ้ง งั้นคง รูปหล่อมากเลยหล่ะ ใช่มั้ย" เสี่ยวอี้ พูดพลาง มือก็เช็ดถู ถ้วยแก้ว จานชามตรงหน้าไปพลาง
"อืมม.. หน้าตาเหมือนกันเลย เพียงแต่หัวหน้าเฟิ่งจะ ผอมบางและเพรียวกว่า"
แล้วอิ่นเจิ้งก็รู้จากปากอาเฉินมาอีก ว่าพี่น้องทั้งคู่น้ำ กำพร้า มีพ่อแม่เป็นชาวต่างชาติ มาท่องเที่ยว แล้วพอคลอดออกมาไม่นาน ก็ทิ้งแฝดไว้ที่นี่ ตำรวจไปพบก็เลยพาไปส่งที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้านะ เพราะเหตุที่ถูกทิ้งไว้นาน ทำให้เจี้ยนหัว สุขภาพเลยไม่ค่อยดี ส่วนเฟิ่งหัวเองก็ร่างกาย แกร็นบางอย่างที่เห็น
ค่ำนั้นหลังร้านปิด อิ่นเจิ้งรู้สึกหดหู่ เมื่อถูกเฟิ่งหัวเรียกเข้าไปพบ แล้วบอกกับเขาว่า ต่อไปนี้ไม่ต้องมาทำงานที่ร้านแล้ว อิ่นเจิ้งตกใจ จนหน้าซีด เขาถามหัวหน้าว่าเพราะอะไร เขาทำงานผิดพลาดตรงไหน ทำอะไรไม่ดี ให้หัวหน้าเฟิ่ง หรือ อาเฉินไม่พอใจรึเปล่า ทำไมถึงไม่ให้เขาทำงานที่ร้าน
"เด็กน้อย..ฟังฉันให้จบก่อน"
น้ำตารื้นขึ้นที่หน่วยตา ไม่ได้นะ แม่ยังต้องใช้เงินรักษาตัวอยู่ เขาได้แต่คิดอยู่ในใจ
"อาเฉินลากลับบ้าน เมื่อไหร่จะกลับมาฉันก็ยังไม่รู้ ฉันเองก็ต้องนอนเฝ้าอยู่ที่นี่ ทำหน้าที่เก็บเงิน ส่วนเธอ ไปช่วย เจ้าของร้านที่บ้านก่อนก็แล้วกัน อาเฉินไปแบบ ปุบปับกะทันหัน บัญชีเลยไม่เรียบร้อยอยู่หลายจุด" เมื่อได้ยินดังนี้ อิ่นเจิ้งรีบปาดน้ำตาทิ้งทันที
"ถ้าอีก 2 อาทิตย์แล้ว อาเฉินยังไม่มา ค่อยมาว่ากันอีกทีนึง เข้าใจรึเปล่า" อิ่นเจิ้นพยักหน้า รับ
จริงๆแล้วไม่ได้ถูกต้องทั้งหมดที่เฟิ่งหัวพูดออกไป เฟิ่งหัวตัองการให้อิ่นเจิ้งไม่อยู่ที่ร้าน เพื่อจะได้บอกแขก ลูกค้าคนอื่นไปว่า อิ่นเจิ้งลาออกไปแล้ว เพราะเฟิ่งหัวคิดว่า ขืนอิ่นเจิ้ง ยังทำงานที่นี่ต่อ อีกหน่อยก็คงไม่ต่างกับ หลูอี้ และเด็กคนอื่นๆ ที่ถูก กาม ราคะ เงินทองครอบงำ
อาเฉินเคยบอกก่อนที่จะกลับบ้านไปว่า อิ่นเจิ้งเป็นเด็กฉลาด มีความรู้อยู่บ้าง ซื่อสตัย์ ประหยัด ไว้ใจได้ ดูจาการที่เจ้าของร้านฝากเงินจำนวนมากๆ มากับอิ่นเจิ้ง นั่นก็พอจะรู้แล้ว ว่าเด็กคนนี้ ไม่เหมาะกับสถานที่นี้ เฟิ่งหัวไม่อยากเห็นเด็กคนไหน ที่ต้องทำงาน ขายบริการเอาตัวเขาแลก ที่เปิดร้านนี้ ก็เพื่อให้ความสุขกับ แขก ลูกค้าเท่านั้น
ถ้าฉลาดก็จะเก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำ ถ้าโง่ ก็ต้องตกต่ำ เหมือนคุณชาย 3 โบว์แดง ที่ตอนนี้ คนนึงสภาพร่างกายย่ำแย่ อีกคนติดโรค อีกคนติดยา น่าอนาจใจนัก เขาสู่อุตส่าห์ สั่งสอน ให้ดูเขาเป็นเยี่ยงแต่อย่างเอาอย่าง การรับแขก ของเฟิ่งหัวเป็นอย่างไร ทำยังไงถึงไม่ต้องเสียตัว รับแขกอย่างไรถึงไม่ต้องเจ็บตัว พูดแบบไหนถึงจะเรียกเงินออกจากกระเป๋าลูกค้า พร่ำสอนจนปากเปียกปากแฉะ แต่ก็ไร้ผล เห้อ...อิ่นเจิ้ง ก็แล้วแต่เธอแล้วนะ ฉันช่วยเธอได้แค่นี้ ดึงลากเธอออกไปให้พ้นทางนี้ แต่ทางที่เธอจะไปนั่นเป็นยังไง ก็แล้วแต่ เจี้ยนฮั๋วเถอะ
1เดือนผ่านมา
หลังจากตรวจบัญชีที่ เฟิ่งหัวทำมาส่ง แบบไม่น่าให้อภัย ผิดอยู่หลายจุด แล้วก็ผิดจุดเดิมซ้ำๆ จนอิ้นเจิ้ง ทำการแก้ไขให้แล้ว ก็พาเจี้ยนฮั๋วลุกกลับไปนอนที่เตียง เด็กหนุ่มประคองชายหนุ่มลุกขึ้น
กลิ่นอะไร เปลี่ยนน้ำหอมรึ เจี้ยนหัวชักสีหน้า ชายหนุ่มสูดเอากลิ่นกายของเด็กหนุ่มเข้าไปเหมือนเคยแต่ครั้งนี้กลิ่นกายของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไป อิ่นเจิ้งพอวางเจ้านายบนเตียงแล้ว เด็หนุ่มเอ่ย
"ผมไปธนาคารนะครับ จะรีบกลับมาให้ทันมื้อเที่ยง ครับ" เด็กหนุ่มออกจากห้องไปพร้อมกับเงินจำนวนนึง
ทุกครั้งหลังจากที่ อิ้นเจิ้งออกจากห้องไป เจี้ยนฮั๋วเองก็พยายาม ที่จะขยับขาของเขา เขาอยากเดินตามเด็กหนุ่มไป หลายวันมานี่ กลิ่นน้ำหอมที่ อิ่นเจิ้งใช้ก็เปลี่ยนไปด้วย ถึงแม้เขาจะสั่งให้เฟิ่งหัว ส่งอิ่นเจิ้งมาทำงานที่บ้าน แต่เด็กหนุ่มก็ยังกลับไปนอนที่ หอพนักงานของร้านอยู่ทุกวัน หลูอี้ ที่มา ทำความสะอาดมักจะพูดคุยกับเด็กที่ร้านเกี่ยวกับ อิ่นเจิ้งว่า มีทายาท เจ้าของร้านจิวเวอร์ลี่ร้านใหญ่ มาตามติด พัน อิ่นเจิ้งอยู่
"คนนี้ไงที่บอกว่าจะซื้อความบริสุทธิ์ของ อิ่นเจิ้ง หัวหน้าเฟิ่ง เคยพูดออกไปตอนที่เธอเมาว่า ค่าเปิดบริสุทธิ์ อิ่นเจิ้ง 40000 เหรียญเชียวนะ"
โหว..ตั้งไปขนาดนั้น เชียวหรอ เด็กหนุ่มอีกคนเอ่ย
"เป็นนายคง เฉารู ตายไปแล้วสิ่" เสี่ยวอี้เอ่ย
"ไอบ้า แค่ หมื่นเหรียญ ฉันก็ขายแล้วหว่ะ หัวหน้าเฟิ่งตั้งไปแบบพลั้งปากตอนเมา แต่ลูกค้าคนนี้ก็บอกตกลง 40000 เหรียญ จ่ายเป็นเช็คนะ หัวหน้าเฟิ่งหน้าเปลี่ยนสีเลย"
เพราะแบบนี้ใช่มั้ย อิ่นเจิ้งถึงได้มาช่วยงานที่บ้านของ เจ้าของร้าน
เจี้ยนฮั๋วได้ฟัง แทบอยากเห็นหนังหน้าของชายผู้นั้น 40000 เหรียญ กับพ่อแก สิ ชายหนุ่มทั้งทุบ ทั้งขยำกระหน่ำลงขาตัวเอง เขาอยากกลับมาเดินได้อีกครั้ง อยากตามอิ่นเจิ้งไป ดูสิ ว่าคล้อยหลังเขาแล้ว อิ่นเจิ้งไป ทำอะไรอยู่ที่ไหนกับใครอีก หลังๆ มานี่ อิ่นเจิ้ง เปลี่ยนไป พูดไม่เป็นคำพูด ให้เขารอ อยู่นาน จนบางวัน อารมณ์ เจี้ยนฮั๋วไม่ดี ก็อาละวาด ไล่เด็กที่บ้านตะเหลิด จนหลายคนต้องวิ่งมาบอก หัวหน้าเฟิ่ง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่า พี่ชายเขาเป็นอะไร อิ่นเจิ้ง เด็กนั่น ฉันมองเธอผิดไปหรือนี่
คืนนั้น หยางเมิ่งขับรถมาส่ง เด็กหนุ่มหลังจากที่พาไปทานข้าวแล้ว และซื้อของอีกเล็กน้อย
"ผมส่งคุณตรงนี้นะ ครับ" อิ่นเจิ้งส่งยิ้ม ละลายหัวใจให้กับ ชายหนุ่มไป
"เดี๋ยวก่อนสิคุณ ลืมอะไรรึเปล่า" หยางเมิ่งไม่รอช้า โน้มคออิ้นเจิ้งมาทันที ชายหนุ่มประทับริมฝีปาก จูบที่แก้มอิ่นเจิ้ง เบาๆ
"ไปนะครับ" ชายหนุ่มเอ่ยก่อนลงจากรถยังคว้ามือ อิ่นเจิ้งมาจูบส่งท้ายอีกด้วย
พอหลายวันเข้า การที่ อิ่นเจิ้งเปลี่ยนแปลงไปก็ทำให้ เจี้ยนฮั๋วไม่เป็นตัวของตัวเอง หงุดหงิดโมโหและอารมณ์ร้ายไร้เหตุผล อาละวาด ไล่ด่าคนในบ้านบ่อยๆ ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน อิ่นเจิ้ง ด้วยที่ช่วงกลางคืนก็ไม่ได้นอนเต็มที่นัก เช้าก็ต้องรีบตื่นมาทำงาน บางวันเขาก็เผลอ หลับ เบลอ ทำรายงานผิดจนถูก เจี้ยนฮั๋วตำหนิอยู่บ่อยๆ
เหมือนมันเริ่มสะสมจนเป็น ไตตะกอนไปแล้ว เขาเร่งๆที่จะทำงานให้เสร็จๆเร็วเพื่อจะได้กลับบ้านเสียที อิ่นเจิ้ง ประคองชายหนุ่มไปที่เตียงเหมือนทุกวัน แต่วันนี้ เจี้ยนฮั๋วก็แทบระงับอารมณ์ที่พุ่งพล่านไว้ไม่อยู่ เมื่อเขาเห็นรอยจ้ำ ช้ำเลือดที่ต้นคอของเด็กหนุ่ม
อะไรกัน นี่นาย... เจี้ยนฮั๋ว จ้องมองรอยนั้น เหมือนมีก้อนไตแข็งค้างอยู่ที่คอ เมื่ออิ่นเจิ้งวาง เจี้ยนฮั๋วลงที่เตียง ก่อนจะพูดว่า
"ผมไปธนาคารนะครับ บ่ายๆจะกลับ"
"ไม่ต้องไปแล้ว" เจี้ยฮั๋วเตัดสินใจ เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเย็นเยียบ เด็กหนุ่ม ยืนนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะรู้สึกตัว
"แก้รายงานที่ทำผิดให้เสร็จก่อน ธนาคารยังไม่ต้องไป แก้ไม่เสร็จ ทำผิดมาอีก เธอก็ไม่ต้องกลับบ้านนะ"
"ผมก็แก้ตามที่ คุณบอกแล้วนี่ครับ"
เ"ธอเอาไปดูใหม่สิ มันยังผิดอยู่" อิ่นเจิ้งได้แต่ ถอนหายใจ เขาจำต้องกลับไปนั่งที่โต๊ะแล่ะ นั่งแก้รายงาน
ทำไงหล่ะ นัดหยางเมิ่งไว้ด้วยสิ
จนไม่นานเจี้ยนหัวงีบหลับไป อิ่นเจิ้งพอเห็นว่าเจ้านายเขาหลับแล้วก็ออกไป คล้อยบ่ายจนไปถึงเย็น เจี้ยนหัวที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ไม่เจอเด็กหนุ่ม ก็โมโหเดือดดาลขึ้นทันที ที่เด็กหนุ่มไม่อยู่ให้เขาเห็นหน้า
นายๆ.. ไม่ทำตามที่ฉันสั่งหรอ เขาเหลือบมองสมุดบัญชีที่เปิดกางไว้ โกรธที่ เด็กหนุ่มหนีเขาไป ชายหนุ่มได้ยิน อิ่นเจิ้ง คุยโทรศัพท์ บอกกลับชายหนุ่มที่นัดแนะไว้ว่า จะไปสายหน่อยให้รอเขาด้วย เจี้ยนหัวพยายาม ใช้กำลังแรงที่เขามี พยายาม ตะเกียกตะกาย ลุกนั่ง เมื่อนั่งได้ก็พยายามจะลุกยืน ขาที่อ่อนแรงไม่ได้ใช้งานอยู่เป็นเวลานาน เมื่อต้องรับน้ำหนักกับร่างที่สูงโปร่งไม่ไหวนั้นจึงทำให้ชายหนุ่มล้มลง
"โธ่เว้ย!!!!!..."น้ำตาลูกผู้ชาย ไหลเปื้อสองแก้ม "ต้องได้สิ มันต้องได้"
"อะไรน่ะพี่.." เสียงของเฟิ่งหัว เอ่ยเมื่อเปิดประตูมาเห็นพี่ชาย ล้มลง ผู้เป็นน้องพยายามจะเข้ามาประคอง แต่กลับถูกพี่ชายตวาดใส่ซะลั่นบ้าน
"ออกไป..ไปให้พัน" เขาเอามือปัดป่ายที่เฟิ่งหัวพยายามยกตัวเขาขึ้น แต่แรงเฟิ่งหัวมีไม่พอ ไหนจะทำงานที่ร้านในช่วงกลางคืน แทบไม่ได้นอน กลางวันก็ต้องวิ่งไปมาระหว่างร้านกับบ้าน เลยทำให้คนทั้งคู่ล้มลง
"เจ็บไหมพี่.. ฮึ เจ็บมากไหม พี่.."น้ำตาเฟิงหัวนองเต็มใบหน้างดงามของเขา
"มาฉันจะช่วยพี่เอง" เจี้ยนฮั๋วเห็น น้องชายร่างเล็กบางที่บัดนี้เกือบจะกลายเป็นน้องสาวไปแล้ว พยายามจะพยุงร่างใหญ่ของเขาให้ลุกยืน ร่างเล็กๆพยายามยกตัวเขาขึ้น เห็นน้องพยายามกัดฟันทั้งที่ตัวเองเรี่ยวแรงก็แทบไม่มีเขาก็อดสมเพชตัวเองและสงสารน้องชายไม่ได้
"หยุดเถอะ พอเถอะ... พอได้แล้ว เฟิ่งหัว" เสียงชายหนุ่ม เอ่ยอย่างสั่นเครื่อ ฝ่ามือหนา จับหัวไหล่บางไว้
"ไม่ ไม่ฉันไม่หยุด.. ลุกขึ้นสิ พี่ ลุกขึ้น พี่ต้องทำได้"
"เฟิ่งหัว พอเถอะ.." ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมจ้องมองใบหน้าสวยที่ตอนนี้เครื่องสำอางค์เปรอะเปื้อนไปเพราะน้ำตา
"ทำไม ทำไมถึงเป็นแบบนี้"
เฟิ่งหัวเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนแรง ล้มลงนั่งข้างๆพี่ชาย เขาเองก็มีเรื่องราวที่ต้องรับผิดชอบมากมาย หลายเดือนที่ผ่านมา ปัญหาต่างๆเขามักจะเก็บไว้เลือกที่จะไม่ให้พี่ชายรู้ เรื่องร้าน ที่ตอนนี้ อาเฉินไม่อยู่ เขาก็แทบรับมือกับแขกไม่ไหว แล้วยังจะต้องมาดูแลพี่ ที่คุ้มดีคุ้มร้ายอีก เพราะเด็กนั่น