เสียงโทรศัพท์มือถือกรีดร้องไม่หยุด มุกดาถึงกับทำหน้าเบื่อโลก นี่มันเป็นวันหยุดของเธอแท้ ๆ ยิ่งหาเวลาเจอคนรักยากอยู่ด้วย ยังจะมีมารผจญอีก มุกดากดรับสายคุยไม่กี่คำก็วาง ก่อนจะปิดเครื่องไม่อยากให้ใครรบกวนความสุข เธอทิ้งตัวลงนอนซุกอกภวินท์เหมือนเดิม
ร่างสูงใหญ่ค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ยกมือขึ้นเสยผมลวก ๆ ไล่ความง่วง ภวินท์ชะโงกหน้าเข้าไปมองคนหลับ ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มอ่อนโยน เธอไม่ต่างจากลูกแมวขี้อ้อนในความคิดของเขา
“มุกครับ” เสียงทุ้มน่าฟังกระซิบข้างหู ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดต้นคอระหงอย่างช่วยไม่ได้
“อืมวิณณ์ มุกยังง่วงอยู่เลยขอนอนต่ออีกนิดนะ” ริมฝีปากบางขยับปากพูด ทว่าดวงตายังคงปิดสนิท
“ตื่นได้แล้ว เที่ยงแล้วนะ มุกไม่หิวเหรอ” ภวินท์ยังวนเวียนอยู่กับเรือนร่างงดงามไม่ห่าง
“ขออีกสิบห้านาทีนะคะวิณณ์” ร่างบอบบางมุดศีรษะหายเข้าไปในผ้าห่มผืนหนาอย่างขี้เกียจตื่น
“ไม่ตื่นใช่ไหม” ภวินท์กระตุกยิ้มมุกปาก ก่อนจะกระชากผ้าห่มที่เป็นที่ซ่อนของเธอออก
“ว้าย…วิณณ์เล่นอะไรก็ไม่รู้” มุกดาร้องเอะอะโวยวาย รีบคว้าผ้าห่มมาคลุมเรือนร่างที่ปราศจากอาภรณ์
“ก็วิธีปลุกคนขี้เซาให้ลุกขึ้นอาบน้ำไงครับ” ภวินท์ตอบแบบกวน ๆ
แพรพิไลนั่งดื่มคนเดียวแก้วแล้วเล่า ยอมรับว่าตัวเองอกหักรักคุด ไม่คิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะต้องมานั่งเสียใจอยู่คนเดียว ทั้งที่ความจริงแล้วเธอเองก็มีหนุ่ม ๆ หลายคนเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา ฐานะทางบ้านล้วนแล้วร่ำรวยไม่แพ้ภวินท์ ติดที่เธอไม่ชอบผู้ชายเหล่านั้น
“น้องขอเหล้าแรง ๆ ให้พี่หนึ่งแก้ว วันนี้พี่อยากเมา” เด็กเสิร์ฟจัดให้ตามคำขอ ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับเหล้าที่เธอต้องการ
แพรพิไลนั่งดื่มเหล้าคนเดียวจนดึกดื่น แววตาคู่สวยแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปหลายแก้วติดต่อกัน สภาพเธอตอนนี้ดูไม่ได้ ไม่สมกับเป็นลูกสาวเจ้าของร้านเพชร บิดาเป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ แล้วดูเธอตอนนี้สิดูได้ที่ไหน