ชีวิตที่เรียบง่ายและสงบสุขเรื่อยมาอยู่ดีๆ ...ก็ต้องเปลี่ยนไปเพราะ 'เขา'
ผมไม่คิดเลยว่าแค่เพียงรับปากช่วยเพื่อนสนิท จะทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปขนาดนี้ เป็นเพราะคนใจร้ายคนนั้น
'จางเฉียวฟาน'
บทนำ
ร้านกาแฟ Caffè fortunato
"กานต์!!!!!!!!"
"เป็นอะไรเนี่ยข้าวปั้น วิ่งหน้าตื่นยังกับโดนเจ้าหนี้ทวงเงินงั้นแหละ" คนร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นและหยุดมือที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมของสำหรับเปิดร้านในเช้าวันอาทิตย์แล้วหันไปมองหน้าคนคุ้นตาที่ผลักประตูกระจกใสของร้านก่อนจะวิ่งพุ่งพรวดเข้ามายังกับจรวด ดีนะที่วันนี้ยังไม่มีลูกค้า ไม่งั้นคงได้แตกตื่นกันเป็นแถบแน่เพราะการมาแบบสายฟ้าแลบของเจ้าเพื่อนตัวแสบนี่แหละ
"เรื่องนี้เรื่องใหญ่กว่าโดนทวงหนี้อีก" ข้าวปั้นบอกเสียงสั่น คนตัวเล็กหอบหายใจถี่ขณะที่เอาศอกทั้งสองข้างมาเท้ากับเคาน์เตอร์เอาไว้ดวงตาคมกริบจากการกรีดอายไลเนอร์จ้องเขม็งมาที่เพื่อนสุดซี้เจ้าของร้านกาแฟสุดสบายข้างมหาวิทยาลัย
"เรื่องอะไรล่ะ" กานต์ ถามต่อ แต่ดูเหมือนว่าสีหน้าที่ยังดูระรื่นไม่ทุกข์ร้อนของเขาจะยิ่งทำให้ใบหน้าของข้าวปั้นตึงเครียดมากยิ่งขึ้น
"พี่ซอว์กำลังจะมา!! "
"หืม? ใครอ่ะ ซอว์ไหน" กานต์ทำหน้างง จำไม่ได้ว่าตัวเองไปรู้จักคนชื่อแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
"โธ่กานต์ ก็ที่ฉันเคยเล่าให้ฟังไง พี่ซอว์ หรือ จางเฉียวฟาน 'คู่หมั้น' ของฉันอ่ะ"
"อ้าว ไม่ดีเหรอ คู่หมั้นอุตส่าห์มาหาถึงที่นี่" กานต์ขมวดคิ้วสงสัยอีกครั้ง แม้จะรู้สึกแปลกใจไม่น้อยกับ 'คู่หมั้น' ของข้าวปั้น ก็ชื่อ 'ซอว์' น่ะจะฟังยังไงก็ไม่เห็นจะเข้าเค้าชื่อผู้หญิงเลยสักนิด แบบนี้ก็หมายความว่าคู่หมั้นของข้าวปั้นเป็น 'ผู้ชาย' อย่างนั้นเหรอ?
จำได้ว่าก่อนหน้านี้ข้าวปั้นก็เคยเล่าให้ฟังอยู่เหมือนกันแต่ตอนนั้นเขามัวแต่ให้ความสนใจกับการทำกาแฟรสใหม่เลยไม่ได้ใส่ใจฟังมากนัก
"ไม่ดี! ฉันอุตส่าห์หนีพี่เขามาอยู่ที่นี่ เห็นไปอยู่แคนาดาตั้งนานทำไมต้องกลับมาตอนนี้ด้วยวะ"
"ไม่รู้พี่เขาสิ"
"กานต์ นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ ได้โปรดอย่ากวนตีนตอนนี้ได้ป่ะ" คนถูกว่าหน้างอ เขาไปกวนตอนไหนกัน แค่พูดตามที่คิดมันผิดตรงไหนอ่ะ
"โอเคๆ งั้นนายบอกมาซิว่านายจะเดือดร้อนทำไมถ้าพี่เขาจะมาหา"
"หนึ่ง ฉันไม่ได้รักพี่ซอว์ สองพี่ซอว์โหดมาก สามพี่ซอว์โคตรหึงโหด สี่ฉันไม่อยากเจอหน้าเขา ห้า.."
"ช้าก่อนเพื่อนรัก ถ้านายไม่ได้รักพี่เขาแล้วนายจะไปหมั้นกับพี่เขาทำไม? " กานต์รีบเบรกเพื่อนตัวเองไว้ก่อน เท่าที่ฟังมาดูท่าทางเพื่อนเขาไม่ได้มีใจให้พี่ซอว์อะไรนั่นเลยสักนิด
"ก็พี่ซอว์นั่นแหละที่โมเมเอาเอง ตอนเด็กๆ ที่ฉันย้ายไปอยู่จีนก็มีเพื่อนบ้านเป็นบ้านพี่ซอว์นั่นแหละขอบอกว่าบ้านพี่เขาใหญ่มาก ตระกูลมาเฟียจีนเลยอ่ะ ที่พ่อกับแม่ฉันไปตั้งตัวที่โน่นได้ก็เพราะได้ครอบครัวพี่เขา นั่นแหละมาช่วย ตอนเด็กๆ ก็เป็นเพื่อนเล่นกันดีอยู่หรอกแต่พอเริ่มโตพี่ซอว์เริ่มทำตัวเป็นเจ้าของฉันเรื่อยๆ ไปไหนมาไหนก็ต้องรายงาน จะหลีสาวก็ไม่ได้ แล้วตอนฉันอายุสิบเจ็ดพี่ซอว์ก็มาสารภาพรัก ไปสู่ขอฉันถึงที่บ้าน ตอนแรกพ่อแม่ฉันก็ตกใจอ่ะนะที่มีผู้ชายมาขอลูกชายตัวเองหมั้น แต่พอเห็นว่าเป็นพี่ซอว์เท่านั้นแหละแทบจะประเคนฉันให้ ทางบ้านก็ตกลงกันเรียบร้อยโดยไม่ถามความเห็นฉันสักคำ ฮึ่ย! พูดแล้วหงุดหงิด"
"เอ่อ...แล้วไงต่อ" ที่จริงกานต์รู้สึกอึ้งไม่น้อยกับสิ่งที่ข้าวปั้นเล่าให้ฟัง เพราะคนตัวเล็กไม่เคยเล่าอะไรให้เขาฟังเลยนอกจากพูดคุยเล่นๆ ตามประสาเพื่อนสนิทกันเท่านั้น แต่เรื่องในอดีตของข้าวปั้นน่ะไม่เจ้าตัวเผลอพูดออกมาเองก็ตอนเมานี่แหละที่ทำให้กานต์ให้รับรู้อะไรเกี่ยวกับเพื่อนคนนี้บ้าง
เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับข้าวปั้นนั้นดูจะลึกลับและเต็มไปด้วยความลับไปเสียหมด กานต์ได้รู้จักกับข้าวปั้นตอนที่ตัวเองเรียนอยู่ม.ปลายปีสุดท้าย ข้าวปั้นย้ายเข้ามาเรียนในโรงเรียนที่กานต์เรียนอยู่และได้อยู่ห้องเดียวกันกับกานต์ ตอนแรกทะเลาะกันห้องแทบแตกเพราะนิสัยกวนอวัยวะเบื้องล่างด้วยกันทั้งคู่แต่กลับกลายเป็นเพื่อนสนิทกันได้อย่างไรก็ไม่อาจทราบได้
ส่วนข้อมูลของข้าวปั้นนั้น กานต์รู้แค่ว่าข้าวปั้นเป็นคนร่าเริง อารมณ์ดี กวนเล็กน้อย ย้ายมาจากจีนคนเดียวที่บ้านมีฐานะค่อนข้างร่ำรวยจนสามารถซื้อบ้านสองชั้นขนาดกลางอยู่ได้สบายๆ ส่วนพ่อกับแม่ก็ยังอาศัยอยู่ประเทศจีนที่เดิม ข้าวปั้นไม่เคยบอกเหตุผลที่ย้ายมา มีติดต่อกับพ่อแม่บ้างบางครั้งเท่านั้น
ที่กานต์รู้ก็มีเพียงเท่านี้
"ฉันก็โวยวายบ้านแตกเลยน่ะสิ ทางโน้นเลยให้ข้อตกลงมาว่าถ้าหากฉันเจอคนที่รักฉันจริงๆ และเหมาะสมกับฉันเมื่อไหร่จะมีการพิจารณาให้ยกเลิกการหมั้น แต่ว่าหากพี่ซอว์เรียนจบเมื่อไหร่แล้วฉันยังหาคนที่ใช่จริงๆ ไม่ได้พวกเขาจะจัดพิธีหมั้นอย่างเป็นทางการทันที พอหลังจากนั้นไม่นานพี่ซอว์ก็ไปเรียนมหาลัยต่อที่แคนาดาฉันเลยถือโอกาสชิ่งหนีมาอยู่ประเทศไทยซะเลย"
"อ้าว แล้วเขาไม่โกรธเหรอที่นายหนีเขามาถึงที่นี่"กานต์เลิกคิ้วถาม ถ้าเป็นกานต์เอง กานต์คงโกรธไปแล้วที่อยู่ๆ คู่หมั้นดันหนีมาแบบนี้
"ก็โกรธน่ะสิ! ฉันถึงได้เครียดอยู่นี่ไงตอนแรกฉันก็กำชับกับพ่อแม่แล้วนะว่าห้ามบอกครอบครัวเป็นอันขาดว่าฉันย้ายมาอยู่ที่นี่ให้บอกว่าฉันหนีออกจากบ้าน หายสาบสูญ อะไรก็ว่าไป ไม่รู้ว่าครอบครัวพี่ซอว์สืบมาได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่"
อื้อฮือ ข้าวปั้น...ถ้านายจะลงทุนขนาดนี้
"ว่าแต่นายรู้ได้ไงว่าพี่ซอว์ของนายกำลังจะมาหา"
"ไม่ใช่ของฉันเฟ้ย!" ข้าวปั้นปฏิเสธทันควันแล้วพูดต่อ "ก็เพราะว่าพี่ซอว์โทรมาหาฉันเมื่อไม่กี่นาทีมานี้น่ะสิ แล้วบอกว่าอีกสามสิบนาทีจะมาหา ไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ไหนก็จะตามไปจนเจอ คิดดูสิรู้แล้วกระทั่งเบอร์โทรศัพท์ฉันอ่ะ" โอ้โห! คนอะไรจะเทพปานนั้นเนี่ย!
"แล้วประเด็นที่นายกำลังเดือดร้อนอยู่นี่ก็คือ...? "
"ตอนนี้พี่ซอว์เรียนจบแล้ว" ข้าวปั้นตอบเสียงเครียด
"ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า... "
"ใช่ ที่พี่ซอว์มาหาถึงที่นี่ก็เพื่อมาลากคอฉันไปเข้าพิธีหมั้นยังไงล่ะ เผลอๆ จะจับฉันแต่งงานทีเดียวไปเลยด้วย"
"เฮ้ย งี้นายก็แย่อ่ะดิ" กานต์เริ่มเครียดไปกับเพื่อนสนิทบ้าง นี่มันเรื่องใหญ่แล้วนะเนี่ย
"ใช่มั้ยล่ะ!" ข้าวปั้นตบเคาน์เตอร์เสียงดังปังแล้วเดินดุ่มๆ อ้อมเคาน์เตอร์ตรงมาที่กานต์ก่อนจะเอื้อมมือมาจับไหล่ของคนตัวสูงไว้มั่น "นายเข้าใจฉันแล้วใช่มั้ยกานต์"
"อะ อื้มๆ " คนที่อยู่ๆ ก็โดนบุกรุกอาณาเขต (?) ในระยะประชิดพยักหน้างงๆ
"นายช่างเป็นเพื่อนที่ดีเลิศประเสริฐศรีจริงๆ " ว่าแล้วก็คว้าร่างโปร่งเข้ามากอดหมับทำเอากานต์ถึงกับหน้าเหวอ ไม่นานร่างเล็กก็ผละตัวออกไป
"เอ่อ นายคงไม่ได้มาถึงที่นี่เพื่อระบายกับฉันเฉยๆ ใช่มั้ยข้าวปั้น"กานต์หรี่ตามองข้าวปั้นอย่างจับผิด คนตัวเล็กจึงหันมาฉีกยิ้มเผล่ให้
"สมแล้วที่เป็นเพื่อนรักกันมานาน"
ทำไมกานต์เริ่มรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีนะ?
หมับ!
สองมือเล็กคว้าหมับที่ไหล่ทั้งสองข้างของกานต์ที่เริ่มมีเหงื่อซึม
"กานต์ ต่อไปนี้นายจะเป็นแฟนของฉันตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป จนกว่าพี่ซอว์จะยอมรามือกลับไปนอนตีพุงที่ปักกิ่งบ้านเกิดซะ! สัญญาเสร็จสิ้น"
หา O[]O!!!!!!!!!!!!!!!!!