อำนาจแห่งแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ ขึ้น 15ค่ำ เดือน 11 วันออกพรรษา
ลำนำ ดนตรี อันไพเราะ แว่วหวานผ่านสายลม จากเมืองมนุษย์ ดังกึกก้องไปถึงเมืองบาดาล
ในขณะที่พญานาคหลายตนจำศีลในถ้ำ หรือ ตามตำนานเรียกกันว่า
"ถ้ำ แก้วธานีศรีนาคา"
พญาปู่นาคา ได้มีรับสั่งห้ามพญานาค บริวารตนใด ใช้เวทมนต์คาถา หรือฆ่าสัตว์ ในวันเพ็ญ ขึ้น15ค่ำเดือน11 ถ้ามีการฝืนกฎ จะถูกทำโทษ และเรียกวิชา มนต์คาถา นาคราชคืน และจะถูกเนรเทศไปอยู่คุ้งน้ำที่อื่น ตัดขาดจากการได้อยู่ใน
"ถ้ำ แก้วธานีศรีนาคา" ทันที
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและหลงใหลในเสียงเพลง ของเมืองมนุษย์
เป็นเหตุให้
"แสงขรรค์"
พญานาคหนุ่มที่กำลังคึกคะนอง ได้แหกกฎของพญาปู่นาคา แอบแปลงกายเป็นมนุษย์ ขึ้นมาเดินชมงานรื่นเริง ฉลองงานไหลเรือไฟ วันออกพรรษา
แสงขรรค์มีคำถามอยู่ในใจเสมอ ว่าเมืองมนุษย์เปลี่ยนไปแค่ไหน ในช่วงเวลา100ปีที่ผ่านมา จึงหาวิธี ที่จะได้ดูเป็นบุญตาสักครั้ง เคยได้ยินแต่เรื่องเล่า มิเคยได้เห็น จึงมีแรงบันดาลใจ ฝ่าฝืนกฎของเมืองบาดาล แค่เพียงคิดว่าไปดูไม่นานก็จะกลับ ก่อนที่พญานาคทั้งหลาย จะออกจากถ้ำ แต่อาจจะเป็นชะตา ฟ้าลิขิต ทำให้แสงขรรค์กลับลงเมืองบาดาลไม่ทันเวลา เรื่องราวของตำนานลิขิตรักนาคราช จึงเริ่มต้นขึ้น
เมื่อแสงขรรค์แปลงกายเป็นมนุษย์ครั้งแรก เขากลายเป็นชายที่ไม่เคยยิ้ม เขาพยายาม ลอกเลียนแบบ กิริยา ท่าทางของมนุษย์ ต้องเริ่มเรียนรู้ ที่จะเข้าใจภาษาที่มนุษย์พูดกัน
ในวันออกพรรษา วันนั้น ทำให้เขาพบกับ แพรวา นักจัดรายการทีวี ซึ่งกำลังบันทึกรายการ เรื่องเล่าจากชาวบัวแดง ทีมงาน ทำการถ่ายทำริมแม่น้ำ กล้องจับไปที่แม่น้ำเห็นแสงประหลาดพุ่งขึ้นมา แล้วลอยไปริมฝั่ง
ทุกคนในทีมงานวิ่งตามไปดู เห็นเพียงกองไม้เก่าๆ อยู่ริมแม่น้ำ ดวงไฟลอยไปรอบๆ แล้วดับลง เงียบ รายการบันทึกได้แค่นั้น ทุกคนหันหลังกลับ เริ่มทยอยกลับไปที่พัก มีเพียงแพรวา เธอเดินทอดน่อง ฝ่ากลุ่มคนที่กำลังยืนมุง รอดูขบวนไหลเรือไฟที่เริดหรูอลังการของงานวันออกพรรษาปีนี้ เธอเดินช้าๆ สูดหายใจลึกๆ พลางคิดอะไรเพลินๆ อากาศเริ่มเย็นลง
"โอ้ย! บ้า ไม่เห็นคนรึไง ไม่รู้จักหลบ"
แพรวา ร้องตกใจเสียงดัง พร้อมทั้งหันขวับไปมองชายแปลกหน้าที่เดินชนเธอ
แสงขรรค์ หันมองหน้าเรียวงามของหญิงสาว ผมดำขลับ แต่งกายเสื้อกันหนาวสีเข้มตัวหนาและยาวถึงเข่า เธอสวมรองเท้าผ้าใบสีดำ เขาไม่เข้าใจที่เธอพูด และเขาก็พูดไม่ได้ ได้แต่ส่ายหน้าไปมา
แพรวา นิ่งไปครู่หนึ่ง นึกแปลกใจกับการแต่งกายของชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาแต่งตัวโบราณมาก เสื้อผ้าไหมสีอ่อน แขนยาว นุ่งผ้าพื้นเมืองสีเข้ม คล้ายโสร่ง พม่า มีผ้าไหมผืนเล็กคาดหัว ดวงตาของเขาเป็นประกาย เหมือนมีพลังบางอย่าง จมูกโด่ง รับกับปากได้รูปคล้ายกระจับ ผิวพรรณขาวเหลือง ผ่องมีราศีจับ ปานดารา หญิงสาวตกอยู่ในภวังค์ เสียงดนตรีเปิดงานไหลเรือไฟ ดังขึ้น เธอรีบดึงตัวเองจากห้วงรำลึก
"เป็นใบ้รึเปล่า ยืนบื้อ อยู่ได้ ชนคนแล้ว ก็ยืนเฉย ขอโทษสักคำก็ไม่มี"
แพรวา กระชากเสียงใส่ นึกหมั่นไส้ แสงขรรค์ตกใจ เขาไม่เข้าใจความหมายของมนุษย์
ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงโผเขาไปรวบรัดตัวแพรวาไว้แน่น ด้วยอ้อมแขนของเขา ตามสัญชาตญาณของพญานาค ถ้าทำผิดคือจะเอาตัวไปเลื้อยพัน เบาๆเป็นการขอโทษ
แพรวา ดิ้นสุดกำลัง รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกชายแปลกหน้าลวนลาม คนเดินไปมาหันมามองแล้วยิ้ม คิดว่าหนุ่มสาวทะเลาะกัน
"ปล่อย ฉันนะ ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต แกจะทำอะไรฉัน ปล่อย"
ยิ่งดิ้น ก็ยิ่งรัดแน่น
เพลี๊ยะ!
แพรวา รวบรวมกำลัง ผลักแสงขรรค์ออก แล้วตบเข้าที่หน้าเขา ฉาดใหญ่ เต็มเหนี่ยว แสงขรรค์หัน เซ ถลาไปตามแรง เขาลูบหน้าตัวเองเบาๆ อย่างไม่คุ้น นี่แก้มของเขา ปากมีเลือดสีแดงๆไหลออกมาช้าๆ รสชาติเค็มๆ รู้สึกเจ็บ เขามองหน้าเธอแล้วรีบวิ่ง หามุมมืดหลบซ่อนตัว ใจเต้นเป็นกลองศึก
แพรวามองตามด้วยความแค้น ฉุนเต็มที่ เขาวิ่ง หายตัวไปในกลุ่มคนเร็วมาก เธออธิบายความรู้สึกตอนนี้ไม่ถูก กะว่าจะเก็บเป็นความลับไม่บอกใคร
เดี๋ยวมาลง ตอนที่1 เร็วๆนี้นะคะ