“ไม่คิดจะบอกอะไรพี่หน่อยเหรอ?”
“กุลไม่มีอะไรจะพูดกับคุณสินค่ะ” บอกเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบทั้งที่จริงแล้วกำลังประหม่าขั้นสุด แต่กระนั้นก็ยังแสร้งทำเป็นนิ่งเพื่อข่มความรู้สึกตื่นกลัวเอาไว้
“มีสิ กุลต้องมีเรื่องที่อยากพูดกับพี่” ไม่มีเรื่องที่จะพูดกับเขาได้อย่างไร หนีมาทั้งที่ท้องแบบนี้ ใช้ได้ที่ไหน “ทำไมถึงหนีมาอยู่ที่นี่?”
กุลนิดายังคงทำนิ่ง สินธรคงไม่ได้ตาบอด ถึงไม่เห็นว่าตอนนี้ร่างกายของเธอมีความเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
“กุลอย่าเงียบ พี่ไม่ชอบ”
“คุณสินก็เห็นแล้วนี่คะว่ากุลท้อง” เหลียวหน้าไปหาสินธรเนิบช้า คนอย่างเขาไม่มีทางที่จะเดินทางหลายร้อยกิโลฯเพื่อมาฟังความจริงจากปากเธอแน่
สินธรต้องรู้แล้วว่าเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างเธอกับเขา
“แล้วทำไมไม่บอกพี่ ทำไมถึงต้องหนี?” เขาอยากฟังเหตุผลจากปากของกุลนิดาว่าเพราะอะไรถึงได้ตัดสินใจโดยพละการ แทนที่จะปรึกษาเขาเป็นคนแรก แต่ดันคิดตื้นหนีปัญหา
“กุลจะอยู่ได้ยังไงล่ะคะ กุลท้องนะ คุณสินลืมไปแล้วเหรอคะว่าคุณสินห้ามอะไรกุลไว้” ขอบตาทั้งสองข้างของกุลนิดาร้อนผ่าว สินธรถามมาได้อย่างไร เขาควรต้องรู้สิว่าข้อห้ามในการเป็นเด็กในปกครองของเขาคือเธอห้ามท้องโดยเด็ดขาด “คุณสินปล่อยกุลกับลูกไปเถอะนะคะ กุลสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณสินเดือดร้อน กุลจะเลี้ยงลูกของกุลเอง กุลจะไม่ให้ใครรู้ว่าคุณสินเป็นพ่อของเด็ก”
“แต่เพื่อนกุลก็รู้แล้วว่าพี่เป็นพ่อเด็ก”