เมื่อหนุ่มเมืองกรุงตั้งใจลาพักร้อนหนีไปพักผ่อนไกลถึงกลางหุบเขา หากแต่ใครเล่าจะรู้ว่า นอกจากเขาจะไม่ได้พักผ่อนร่างกายแล้ว ที่นี่ยังมีเจ้าตัววุ่นวายที่ทำให้หัวใจของเขาเพลียแล้ว เพลียอีก....
“เอาละ ผมจะไหว้พระ คุณอย่ารบกวนสมาธิผมนะ” นิ้วเล็กขีดไฟแช็กสองสามทีแล้วจุดไฟลงไปยังปลายก้านธูป
“อืม”
“นะโม นะโม นะโม.....” เสียงเล็กท่องบทสวดอะไรออกมา กลบความเงียบของวัดสงบ
“นายท่องอะไร” แม้ผมจะไม่ใช่สายมู และไม่ใช่คนธรรมะธัมโม แต่ก็พอจะสวดมนต์บทง่าย ๆ ได้
“ท่องนะโมสามจบไง นี่เห็นไหม เขาเขียนไว้ตรงป้าย...ท่องนะโม สามจบ แล้วอธิษฐานขอสิ่งที่ปรารถนา”
“นะโมสามจบ!....โอ๊ยกูจะบ้า” ผมยกมือขึ้นมาขยี้หัวตัวเองแล้วปล่อยให้ไอ้คนที่มันมีความปรารถนาบ้าบอขอในสิ่งที่ต้องการต่อไป
“คุณเอาไม้ไปสอยมะละกอลูกแดง ๆ บนต้นนั้นมาให้
ผมหน่อยสิ เดี๋ยวผมจะเอามาสับให้ไก่กิน” นิ้วสั้นชี้ไปยังไม้ไผ่ลำยาวที่วางพิงเอาไว้ใกล้กับต้นมะละกอสูง ส่วนตัวเองเดินไปแบกบันไดไม้ไผ่แล้วเอาไปพาดปีนขึ้นไปบนหลังคาโรงเรือนสำหรับเลี้ยงไก่ ก่อนจะหยิบไข่สามสี่ฟองในรางน้ำฝนออกมา
“นี่นายใช้ให้ฉันไปเก็บมะละกอมาให้ไก่ อย่างนั้นเหรอ”
“อืม ถ้าเจออะไรที่ไก่มันกินได้ก็เก็บมาด้วยนะ” เจ้าตัววุ่นวาย ยืนเท้าเอวชี้นิ้วสั่งเสียอย่างกับผมเป็นลูกจ้างในฟาร์ม ขาข้างหนึ่งยังคงกางยกเหยียบอยู่บนบันไดไม้ไผ่ ซึ่งปลายข้างหนึ่งพาดสูงขึ้นไปบนหลังคาโรงเลี้ยงไก่ไข่
“แล้วนายล่ะ ทำอะไร”
“ผมจะไปเก็บไข่ไง” ปากเล็กบุ้ยใบ้ลงไปยังตะกร้าหวายซึ่งแขวนอยู่ใกล้เล้าไก่
“ก่อนจะไปเก็บไข่ไก่ นายช่วยเก็บไข่นายเอาไปให้มันพ้นลูกตาฉันก่อนได้มั้ย ถามจริง ๆ เถอะ ที่บ้านไม่มีกางเกงในใส่หรือไง?”