การรับเลี้ยงดู‘เจน’ไม่ใช่เพียงจากจุดประสงค์ที่ปกติทั่วไป เพราะพ่อเลี้ยงของเธอต้องการให้เฮตอบแทนค่าเลี้ยงดูของเขาด้วยการตั้งครรภ์ทายาทของเขาและหน้าที่นั้นเธอต้องทำเช่นเดียวกันกับฝาแฝดของเขาอีกคน!

 

 

 

อุ้มสวาท พ่อเลี้ยงแฝด 

 

เจน + พ่อนาวา +พ่อนาวิน 

 

‘การรับเลี้ยงดู ‘เจน’ ไม่ใช่เพียงจากจุดประสงค์ที่ปกติทั่วไป 

เพราะพ่อเลี้ยงของเธอต้องการให้เฮตอบแทนค่าเลี้ยงดูของเขาด้วยการตั้งครรภ์ทายาทของเขา 

และหน้าที่นั้นเธอต้องทำเช่นเดียวกันกับฝาแฝดของเขาอีกคนหนี่งด้วย’ 

 

--------------------------------------------------------- 

 

‘ชีวิตของ เจน เด็กสาววัยกำลังเจริญพันธ์นั้นแตกต่างไปจากเดิมหลังจากได้รับการอุปการะจากชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง 

เขาไม่มีภรรยาและพันธะอะไรเลย 

สิ่งเดียวที่ทำให้ชีวิติเขาบรรลุเป้าหมายมากที่สุดก็คือการมีลูกมาสืบสกุล 

และดูเหมือนเขาจะเลือกให้เธอมาทำหน้าที่นั้น! 

แถมยังไม่ใช่แค่กับเขาแต่รวมไปถึงฝาแฝดอายุเท่ากันกับเขาอีกคนหนึ่ง!’ 

 

------------------------------------------------------------------ 

 

 

เธอจำได้ว่าวันแรกที่พบหน้าผู้ปกครองคนใหม่ที่จะรับเลี้ยงดูและส่งเสียเธอไปจนเรียนจบหรืออาจจะตลอดชีวิตนั้น เธอยังอายุเพียงไม่เท่าไหร่ เด็กและไร้เดียงสา ไม่แปลกใจเลยสักนิดว่าทำไมผู้ปกครองที่เลือกเธอยังดูดีและมีอายุไม่มากเท่าไหร่ แถมเขายังไม่มีภรรยาเป็นของตัวเองอีก เขาพาเธอเข้าบ้าน แนะนำทุกอย่างรวมถึงฝาแฝดที่อายุเท่ากันของเขาอีกคนหนึ่งด้วย 

 

“ต่อไปต้องเรียกว่าพ่อ เข้าใจใช่ไหม?” เธอพยักหน้า แล้วเรียกชื่อตามที่เขาสั่ง คนที่ไปรับเธอจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อว่า พ่อนาวา ส่วนอีกคนฝาแฝดของเขาชื่อว่า พ่อนาวี ตอนรับเธอมาอยู่ด้วยกันอายุพวกเขาน่าจะสามสิบต้น ๆ ตอนนี้ก็ผ่านมาสิบปีเห็นจะได้ อายุพ่อบุญธรรมทั้งสองก็คงจะประมาณสี่สิบกว่าปี แต่ยังดูดีอยู่ทุกช่วงเวลาอาจเพราะพวกเขาสองคนชอบออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ 

 

หนึ่งเด็กสาว และสองชายวัยกลางคนอาศัยอยู่ในบ้านร่วมกัน เธอไม่รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด ออกไปทางสบายใจมากด้วยซ้ำ พวกเขาไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกว่าต้องกลัวหรือต้องเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่เสมอ เลี้ยงเหมือนลูกสาวที่สนิทกับพ่อทั้งสองคนหนึ่ง 

 

ยิ่งผ่านไปหลายปีความสนิทของพวกเราก็ยิ่งเพิ่มขึ้นทวีคูณจนสามารถพูดอย่างเปิดอกกันได้แทบทุกเรื่อง แม้กระทั่งเรื่องอย่างว่า...พวกเขาสอนว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ เธอเองก็กำลังโตและไม่ควรอายที่จะบอกเล่าให้พวกเขาฟัง 

 

มีวันหนึ่งเธอในถูกเพื่อนชายจูบที่ปากอย่างไม่ทันตั้งตัว แม้จะเป็นเพียงแค่นั้นแต่เธอก็เลือกที่จะบอกกับพวกเขาออกไป พ่อเลี้ยงทั้งสองไม่แม้แต่จะดูหรือต่อว่า พวกเขาอธิบายไม่ก็ถามอย่างใจเย็นถึงรายละเอียด 

 

“แล้วมันได้ทำอะไรเราอีกนอกจากจูบหรือเปล่า?” ตอนแรกคิดว่าจะส่ายหน้าตอบ แต่พอนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ ผู้ชายคนนั้นก็เหมือนจะขยับตัวเข้ามาใกล้ ใบหน้าซุกอยู่ตรงซอกคอขาวของเธอ แถมยังขยับไปมา ได้ยินเสียงสูดดมกลิ่นหอมชัดเจนเต็มสองหู มือเขาเลื่อนจากไหลลงมาด้านหน้า กอบกุมเนื้อนุ่มผ่านชุดเครื่องแบบสีขาว ก่อนที่จะได้เลยเถิดไปมากกว่านั้นเธอก็ผลักเขาออกไป 

 

“แค่ที่เราเล่าใช่ไหม ไม่เกินเลยไปมากกว่านี่แน่นะ” เธอพยักหน้า เล่าให้เขาฟังจนหมดเปลือกแล้ว ไม่มีความลับเลยสักนิดเดียว เธอเห็นพ่อนาวาถอนหายใจ เหมือนเขาโล่งอก ส่วนพ่อนาวีก็ทำแค่จ้องมองเธอนิ่ง ก่อนจะหันหันไปมองพี่ชายที่เกิดก่อนแค่ไม่กี่นาที แล้วพูดอะไรบางอย่างที่พวกเขาสองคนเข้าใจกัน ส่วนเธอได้แต่นั่งงง 

 

“ผมว่าคงถึงเวลาที่ต้องสอนเจนแล้วล่ะ ปล่อยให้ไม่รู้ประสีประสาแบบนี้ถูกคนหลอกเอาง่าย ๆ กันพอดี” จ้องหน้าพี่ชายตัวเองตลอดแม้กระทั่งตอนถามจบ มีแค่พ่อนาวาที่หันมามองเธอไม่ใช่น้องชายของเขา คิ้วเข้มขมวด กำลังคิดหนัก แต่ใจก็เอนเอียงเห็นด้วยกับสิ่งที่น้องชายตัวเองพูดเหมือนกัน 

 

“เราไม่มีเวลามากหรอกนะ ถ้าพี่ยังไม่กล้าทำอยู่แบบนี้ คนที่จะถูกเอาเปรียบก็คือเจน” พ่อนาวีย้ำ “เรื่องนี้พี่ก็รู้ว่าเจนจะได้ประโยชน์เต็ม ๆ แถมยังไงเสียทำกับพวกเราก็ปลอดภัยกว่าอยู่แล้วยกเว้นว่าพี่จะ...” เธอเองก็อยากรู้สิ่งที่เขาสงวนปิดปากเอาไว้ ยกเว้นว่าอะไรพ่อนาวีไม่พูดต่อ รอแล้วรอเล่าก็ได้แต่ความเงียบ ยังคงมีแค่พวกเขาสองคนที่รู้เรื่องกันเองอีกแล้ว 

 

“ก็ได้” รอนานเกือบสิบนาที พ่อนาวาก็ตอบตกลง เรียกรอยยิ้มประดับใบหน้าน้องชายฝาแฝดได้เป็นอย่างดี ก่อนที่อีกฝ่ายจะยิ้มกว้างมากเกินไป เขาก็เอ่ยประโยคที่ทำเอาอีกฝ่ายลดระดับการดีใจลงไปครึ่งหนึ่งเลย “แต่เรื่องนั้นยังไม่ใช่ตอนนี้ รอให้เจนเรียนจบแล้วค่อยคิดอีกที” 

 

“แล้วพี่จะปล่อยให้หมามันคาบไปกินก่อนหน้าหรือไง” พ่อนาวีเริ่มหัวเสีย เขามองพี่ชายตัวเองตาขวาง “ผมรอไม่ไหวหรอกนะ อีกตั้งห้าปี แล้วพี่คิดว่ามันจะเหลือรอดมาถึงมือพวกเราเหรอ เหมือนเลี้ยงมาตั้งนานแล้วไม่ได้กำไรอะไรเลยสักอย่าง” 

 

บรรยากาศมันตึงเครียด เจนมองพ่อเลี้ยงสองคนของเธอสลับกันไปมา สองมือกุมแล้วบีบอยู่ตรงหน้าตักเล็ก จะถามถึงสิ่งที่พวกเขาพูด อยากให้อธิบายให้เธอเข้าใจก็กลัวจะถูกหาว่าสอดรู้ อยากจะลุกหนีไปที่อื่นที่บรรยากาศมันลื่นล้มก็กลัวเขาจะว่าเธอว่าไร้มารยาท อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นผู้มีพระคุณ เธอไม่กลัวเขา แต่เธอเกร็งใจ... 

 

“แล้วใครบอกแกว่าฉันจะรอ” พ่อนาวาพูดขึ้น “ฉันบอกว่ารอให้เรียนจบคือหมายถึงเรื่องสืบทายาท ส่วนเรื่องอย่างว่า...” เขาเงียบครู่หนึ่ง วินาทีนั้นดวงตาเข้มสีน้ำหมึกก็จ้องตรงมายังเธอ มันเป็นประกายและสื่อความหมายอย่างลึกซึ้ง 

 

เหมือนกับหมาป่าที่จ้องจะเขมือบเหยื่อ เจนขนลุกชันจนต้องถูแขนตัวเอง อีกฝ่ายก็เห็นปฏิกิริยาของเธอ เขาเพียงแค่กระตุกยิ้ม แล้วเอ่ยกับน้องชายฝาแฝดต่อ “ตอนนี้คงถึงเวลาแล้ว คงต้องสอนบทเรียนในแบบที่โรงเรียนสอนได้ไม่ครบให้เจนบ้างแล้วล่ะ เธอจะได้รู้ว่าควรป้องกันตัวจากผู้ชายคนอื่นนอกจาก ‘เรา’ ยังไง” 

 

“อ่า...” พ่อนาวีหันมามองเธออีกครั้ง คราวนี้ดวงตาของเขาพราวระยิบระยับและดูเจ้าเล่ห์กว่าของพี่ชายตัวเองเสียอีก เดาะลิ้นเล่นแล้วเดินเข้ามาหาเธอ ยกมือวางที่หัวเล็กลูบมันเบา ๆ ก่อนจะเชยคางของเธอยกขึ้น 

 

“นั้นสิ สอนเอาไว้ก็ดี ว่าแต่พวกเราจะสอนเธอตอนนี้เลยดีไหม” ใบหน้าเขาขยับเข้ามาใกล้ช้า ๆ เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นใบหน้าของพ่อเลี้ยงใกล้ขนาดนี้ คนวัยใกล้สี่สิบยังหล่อได้เหลือร้ายขนาดนี้เลยเหรอ เธอเผลอกลืนน้ำลายลงคอไปหลายอึกเลย แต่ยิ่งกลืนก็ยิ่งรู้สึกกระหายน้ำไม่ยอมเลิก 

 

“อืม..” อีกฝ่ายตอบรับ “เริ่มเลยก็แล้วกัน” ก่อนจะตามมาด้วยเสียงปลดเข็มขัด เจนกะพริบตาถี่ ๆ งุนงง เปลือกตากะพริบปริบ ๆ เอาแต่มองร่างของตัวเองที่ถูกฝ่ามือหนาค่อย ๆ กดมันจนเอนราบไปบนโซฟา ในห้องรับแขกแสนใหญ่ พอถูกร่างสูงของพ่อนาวีขึ้นมาขนาดบนโซฟาตัวเดียวกัน มันกลับดูเล็กลงถนัดตา 

 

“จ...จะทำอะไร” เธอถามเขา มือเล็กพยายามดันร่างกายสูงใหญ่ของพ่อเลี้ยงคนเล็กออกห่างจากตัวเธอ แต่ด้วยน้ำหนักมวลกายที่แสนจะมากกว่าเธอถึงเท่าหนึ่ง มันทำได้ยากกว่าที่ใจคิด แรงผลักไม่ต่างจากแรงกระตุ้นให้อีกฝ่ายหลุดเสียงพึงพอใจออกมาเลยทีเดียว 

 

“ไม่เห็นต้องถามเลย เราไม่ได้ใสซื่อถึงขนาดที่จะไม่รู้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นมันคืออะไร” ใช่...เธอรู้...แต่แค่ยังไม่เคยลองของจริงเท่านั้น และก็ไม่สนใจอยู่แล้วว่าต้องมีเหมือนเพื่อนคนอื่นหรือเปล่า เธอไม่ได้โหยหาความรักอะไรขนาดนั้น แค่ได้จากพ่อเลี้ยงฝาแฝดก็มากล้นจนเกิดพอแล้ว...แต่ถ้าหากผู้มีพระคุณทั้งสองต้องการ เธอก็คงจะไม่ต่อต้านเช่นกัน 

 

“ใช่แล้ว เรื่องธรรมชาติสุด ๆ เลยเจน” พ่อนาวาย่อตัวลงมานั่งที่ด้านข้าง นิ้วโป้งเกลี่ยไปตามแก้มขาวนวลบางเบา “พ่อแค่จะสอนเราว่ามันเป็นแบบไหน และต้องทำยังไงเวลาที่ถูกอีกฝ่ายเข้ามาฉกฉวยโอกาสจากเราโดยไม่ทันตั้งตัวเหมือนกับที่เราเล่าให้พ่อฟัง ถ้าไม่ชอบหรือไม่อยากทำเราก็ต้องพูดปฏิเสธนะเข้าใจไหม?” 

 

“แค่ปฏิเสธก็ได้แล้วเหรอคะ? ...อื้อ!” เธอถาม สองมือผวาจับไหล่ของพ่อนาวีที่แทบจะทาบทับลงมาติดกับไหล่เล็กของเธอ ใบหน้าคุมซุกไซร้สูดเอาความหอมตามซอกคอขาวไป ไม่พูดอะไรกับเธอเลย เขาสารวนอยู่แค่ตรงนั้น มีบางครั้งก็ขบกัดเบา ๆ จนเธอสะดุ้ง แต่ถึงอย่างนั้นเธอไม่ละสายตาไปจากคนที่กำลังคุยด้วย 

 

“ใช่ เหมือนตอนนี้ถ้าเราไม่อยากให้ทำก็แค่ปฏิเสธมันออกมา” เจนกะพริบตา ครุ่นคิดตัดสินใจ เธออยากจะปฏิเสธหรือเปล่า เธอไม่รู้ ใจหนึ่งคิดว่ามันไม่ควร แม้เราไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน แต่สถานะก็คือพ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยง แต่อีกใจก็อยากให้มันไปต่อ อยากรู้ว่าเขาจะสอนเธอได้ลึกมากแค่ไหนกัน และเหมือนมันเอนเอียงไปอย่างหลังมากเสียด้วย อาจเพราะกระแสความสยิวที่เกิดบริเวณลำคอในตอนนี้ 

 

“ว่าไง…ไม่มีใครบังคับเราได้นอกจากตัวเอง” พ่อนาวาย้ำ “เจน เราต้องเลือก อยากให้มันไปต่อหรือหยุดอยู่แค่นี้” 

 

“ด...ได้เหรอ” ไม่นานนักเสียงหวานก็หลุดออกมา มันบางเบาและเหมือนจะสั่นสะท้านมากขึ้น เมื่อไม่สามารถต้านทานความหวามไหวที่เกิดขึ้นพับพ่อเลี้ยงแฝดคนน้องได้เลย แถมมันยังลุกลามอย่างรวดเร็วเมื่ออีกฝ่ายไล่ระดับปลายจมูกคมลงต่ำกว่าซอกคอเธอแล้วด้วย 

 

“พ...พวกเราจะทำเรื่องแบบนี้กันได้จริง ๆ ...อะ...อื้อ...ใช่ไหมคะ...อ่าห์...” เขายิ้มตอบ ใบหน้าก้มลงมาหา ก่อนจะประทับรอยจูบที่เรียกความสยิวซ่านได้ไม่ต่างจากผู้เป็นน้องชายเลยแม้แต่นิดเดียว เจนอดยอมรับไม่ได้เลยว่าพวกเขาสองจนช่างเก่งกาจในเรื่องแบบนี้เสียจริง 

 

“ได้สิ ก็บอกแล้วไงว่ามันอยู่ที่การตัดสินใจของเรา” ฝ่ามือหนาไม่ว่างลงบนหัวเธออีกแล้ว มันเลื่อนเข้ามาข้างในร่มผ้าเหมือนกับงูที่กำลังเลื้อย ภายในมวลเหมือนมีผีเสื้อนับพันกำลังวิงวอนวนไปมาราวกับมันหาทางออกไม่ได้ เธอแทบหยุดหายใจยามเขาหมุนวนฝ่ามือนั้นไปตามหน้าท้องเนียนราบ 

 

“ว่าไง...อยากให้มันไปต่อหรือจะให้มันหยุดแค่นี้” เธอจ้องหน้าเขา ก่อนจะหันมามองพ่อนาวีที่เขาเลิกยุ่งกับเรือนร่างหอมหวาน แล้วมองเธออยู่เหมือนกัน เด็กสาวกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยการตัดสินใจเสียงเบาราวกับเธอกำลังกระซิบ อาจเป็นเพราะสถานการณ์ตอนนี้มันชวนน่าอายและวูบวาบดีเหลือเกิน 

 

“น...หนูอยากให้ต...ต่อ” เธอกะพริบตา รู้สึกว่าแค่คำพูดง่าย ๆ มันก็ช่างพูดได้ยากมาเหลือเกิน “ต...แต่หนูเคยได้ยินว่าครั้งแรกมันจะเจ็บ” แอบหลบสายตากรุ้มกริ่มด้วยการหันใบหน้าไปอีกทาง “พ....เพราะงั้นช่...ช่วยทำบ...เบา ๆ หน่อยนะคะ” 

 

“ได้สิ รับรองเลยว่าพวกเราจะทำให้เขามือที่สุด” 

 

------------------------------------------------------------------ 

 

!!คำเตือน!! 

/ เเนว NTR / การจงใจทำให้เกิดสัมพันธ์ต้องห้าม / พ่อเลี้ยง ลูกเลี้ยง / 

/ PWP / นิยายเรื่องสั้น / สามพี /  

/ การล่อลวงให้อีกฝ่ายทำตามที่ต้องการจากวัยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ /  

 

นิยายเรื่องนี้มีการบรรยายถึงฉากการมีเพศสัมพันธ์อย่างโจ่งแจ้ง 

ตัวละคร สถานที่ และการกระทำทุกอย่างไม่มีอยู่จริงเป็นเพียงสิ่งที่นักเขียนจินตนาการขึ้นมาเท่านั้น 

นิยายเรื่องนี้เป็นผลงานการเขียนของ 

Blue Hestia 

ห้ามคัดลอก ดัดแปลง และแก้ไข หรือนำบางส่วนในนิยาย 

ออกไปเผยแพร่ไม่ว่าจะด้วยกรณีใดใดทั้งสิ้นโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากเจ้าของผลงาน 

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ พ.ศ.2558 

หากฝ่าฝืนมีโทษตามที่บัญญัติไว้สูงสุดตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ 2558 

เน้น PWP เป็นหลัก  

Enjoy Reading Kah 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว