“สรวิชญ์ขับรถมาเกือบถึงหอพัก ทันมอเตอร์ไชด์ของมินตราที่กำลังจะเลี้ยวเข้าหอด้วยความทุลักทุเล เพราะห่าฝนที่เทกระหน้ำลงมาอย่างหนัก เขาเอารถมาจอดข้าง ๆ มอเตอร์ไชด์ของหญิงสาว เห็นเธอเปียกโชกไปทั้งตัว
“นี่คุณเปียกไปหมดแล้ว ทำไมไม่รีบเข้าห้อง เดี๋ยวก็ได้เป็นหวัดหรอก”
“คือว่า กุญแจห้องฉันหาย ไม่รู้ตอนที่เปลี่ยนชุดไปลืมไว้ที่ไหน”
“งั้นเอางี้ครับคุณมารอที่ห้องผมก่อน เดี๋ยวไม่สบาย แล้วคุณค่อยลองหาดูอีกทีนะ
“เออ..”
“ไม่เป็นไรคุณ มาเหอะ ยืนเปียกดึก ๆ แบบนี้อันตรายนะ แล้วชุดคุณก็เปียกหมดแล้วด้วย”
“ค่ะ ๆ”
หลังจากนั้นพอนายวิชญ์เปิดห้อง ก็ยื่นผ้าเช็ดตัวของเขาให้
“เช็ดผมคุณก่อน เดี๋ยวจะเป็นหวัด”
“ขอบคุณคะ” หลังจากที่มินตรานั่งเช็ดผมไปสักพัก
“คุณผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ คุณลองหากุญแจไปพลาง ๆ ก่อน ถ้าไม่เจอคุณค่อยไปปลุกน้ารัตน์
“ไม่เอาฉันเกรงใจ มันดึกแล้ว เดี๋ยวลองหาดู ดี ๆ อีกทีก่อนนะ”
หลังจากนั้นนายวิชญ์ก็ไปอาบน้ำ มินตราควานหากุญแจอยู่พักใหญ่ก็ไม่พบ เป็นกังวลว่าอาจจะต้องขอใช้ห้องร่วมกับชายหนุ่มคนนี้ ใจก็เต้นแรง ไม่นานนักก็มีเล่นเข้ามาจอดที่ห้องข้าง ๆ มินตรารีบเปิดผ้าม่านดู เห็นชายหญิงสองคน นัวเนียกันลงรถ
ไม่นานนักก็มีเสียงเพลงบรรเลงเพลงรักที่เร่าร้อน แถมมีเสียงดังครวญครางส่งมาเป็นระยะ
ไม่นานนักนายวิชญ์ก็ออกจากห้องน้ำมาด้วยผ้าเช็ดผืนเดียวโชว์มันกล้ามเป็นลอน เล่นเอามินตราวาบหวิวไปหมด ใจก็เต้นแรงกลัวเขาได้ยิน จึงรีบบอกให้เขาเปิดทีวีเพื่อว่าเสียงจะได้ดังกลบเสียงครางดังกล่าวไป
ยังไม่ทันที่เสียงครางจะหยุด ระหว่างที่นายวิชญ์จะกดรีโมตก็มีเสียงครางแบบเร่าร้อนดังขึ้น มาคราวนี้ดังกว่าเดิมหลายเท่านัก
“อื้มม!! อ๊าาาาาาห์ อุ่ววห์” พั่บ พั่บ พั่บ
“อ๊าาาส์ ซิ๊ดด อื้ม”
“อะ อ๊า อ๊า อึ อื้อ อื้อ อ๊าาาส์”
มินตราขยับตัวลุกขึ้นจากห้องด้วยท่าทางหงุดหงิด ก่อนจะเดินไปที่ระเบียงหน้าห้องพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกที่สุดเท่าที่จะทําได้
เธอกำลังจะยกมือขึ้นเพื่อเคาะห้องที่มีเสียงดังออกมา แต่บังเอิญว่ามีมือหนา มาคว้าข้อมือบางของหญิงสาวเอาไว้เสียก่อน
“คุณจะทำอะไร”
“ก็จะเคาะไปบอกเขาไง”
“อย่าเลย”
“เราไม่รู้เลยว่า อะไรเป็นอะไร”
“แล้วนายไม่ได้ยินเสียงหรือไง”
“ก็ได้ยินอยู่ เกิดเขากำลังทำแผล อะไรแบบนั้นล่ะ มันอาจจะไม่ใส่สิ่งที่คุณคิดก็ได้”
“เออ..แล้วคุณหากุญแจพบหรือยัง”
“ยัง..แต่คุณไม่ต้องกลัวหรอกเดี๋ยวฉันไปหาโรงแรมแถวนี้นอนก็ได้
“ผมยังไม่ได้ไล่คุณสักหน่อย..ไปเหอะกลับห้อง”
สรวิชญ์ลาก มินตรา มาที่ห้องของตัวเอง
“เดี๋ยวคุณไปอาบน้ำนะ แล้วนี่ ชุดผม เสื้ออาจจะตัวใหญ่ไปหน่อย ส่วนนี่ก็กางเกง ถ้ามันหลวมคุณก็ผูกเชือกเอา
มินตรา รับชุดและผ้าเช็ดตัวมาจากสรวิชญ์แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ไม่นานนัก เธอก็ออกมาจากห้องน้ำ นั่งเช็ดผมอยู่
“นายจะนอนก่อนก็ได้นะ ผมชั้นยังไม่แห้ง”
“อ๋อ ไม่เป็นไรผม นอนดึกหน่ะคุณ”
“นายนี่ชอบดูวอลเล่ย์บอลด้วยเหรอ”
“อืมห์..ครับ ผมชอบเชียร์นักตบไทย”
“เหมือนกัน งั้นชั้นขอดูให้จบก่อนนะ”
ไม่นานนักวอลเล่ย์บอลก็จบลงที่ทีมชาติไทยชนะ ทำคู่เชียร์จนลืมตัวเองกันไปเลย
“เออ เรานอนกันมั้ย แต่ว่าคุณนอนบนฟูกก็ได้นะ ผมนะนอนบนเสื่อน้ำมันเอง”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเกรงใจนาย ฉัน..ฉันนอนไหนก็ได้”
แต่ฝั่งโน้นน้ำรั่วนะคุณ สงสัยตอนสร้างเขาทำไม่ดี ฝนตกมาน้ำเลยรั่ว นี่ขนาดเพิ่งสร้างเองนะ
“คุณรู้ได้ไงว่าเขาเพิ่งสร้าง”
“เออ!! ก็ผมถามน้ารัตน์ไง”
“คุณไม่มีหมอนข้างเหรอ”
“อืมห์ ..ไม่มีอะ ผมลืมเอามา ขี้เกียจขนมาเยอะครับ
“งั้นฉันนอนติดผนัง นายอะนอนฝั่งข้างนอกนะ”
“แล้วมีผ้าห่มอีกผืนมั้ย”
“ผมมีมาผืนเดียวครับ ผมยกให้คุณ”
“ขอบใจนะ”
มินตรา รีบดึงผ้าห่มไปคลุมโปงเสร็จก็หันหน้าเข้าผนังเพื่อหลับ
“คุณ ๆ เดี๋ยวสิ คุณหลับง่ายแบบปิดสวิตแบบนี้เลยหรอ”
“ก็งานฉันมันต้องทำแบบนี้ ถ้าไม่นอนพรุ่งนี้จะเอาแรงไหนไปร้องเพลงละ”
ไม่นานนักพอปิดไฟ เสียงครางอันเร่าร้อนก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง และครั้งนี้เหมือนจะไม่ใช่แค่เพียงสอง แต่เป็นหลายเสียงรวมกัน
“คุณ อย่าคลุมโปงสิ เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกกันพอดี”
“อะไรอีกฉันจะนอน เขยิบไปหน่อยสิ”
“คุณ ผมหนาวแบ่งผ้าห่มมาหน่อยได้มั้ย ฝนตกหนัก มันหนาว สรวิชญ์ ไม่สนใจถือวิสาสะเข้าไปล้วงเอวคอดกิ่วมากอด
“นี่นายทำอะไร”
“ก็ผมหนาว ผ้าห่มมีผืนเดียว คุณให้ความอบอุ่นผมไม่ได้เหรอ”
“แต่นายกำลังกอดฉันนะ”
“อืมห์ ก็ไม่เห็นเสียหายตรงไหนนี่ครับ แค่กอดเอง”