เพราะต้องการใช้ตระกูลฟางคานอำนาจ ฮ่องเต้จึงพระราชทานสมรสให้บุตรีสกุลฟาง ตำแหน่งพระชายาอันสูงส่งจึงหล่นลงบนศีรษะฟางสือฮวา กลายเป็นชนวนเหตุให้มารดาและน้องสาวถูกโจรฉุดคร่า คนหนึ่งวิกลจริต อีกคนฝั่งร่างในสุสานตระกูล
ดอกเหมยขาวพิสุทธิ์ถูกไฟแค้นอาบชโลมเป็นสีชาด สาดซัดหนี้เลือดคืนกลับอย่างสาสม!
**************
"คุณหนูคิดว่าเป็นฝีมือผู้ใดหรือเจ้าค่ะ?" เอ่ยเนิบช้า แผ่วเบาเพราะไม่อยากให้เรื่องนี้แพร่งพราย ดวงตาสงบนิ่งของสือฮวาปรายมองคนถามครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันมาให้ความสนใจกับรูปวาดตรงหน้า
"ผู้ใดที่เจ้าสงสัยย่อมเป็นผู้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการกำจัดข้า" น้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อนของเจ้านายทำเสี่ยวเว่ยเลื่อมใส ถูกผู้อื่นหมายหัวยังสงบนิ่งดั่งขุนเขา
"บ่าวนึกไม่ออกจริงๆ ปกติคุณหนูอยู่แต่ในจวนจะเผลอไปล่วงเกินใครได้อีกเล่า?" คำตอบเสี่ยวเว่ยเรียกแววตาเอ็นดูจากสือฮวา
"เด็กน้อย..ถึงเจ้าหยึดหลักคุณธรรม ประพฤติตนอยู่เหนือกิเลสจนกลายเป็นเซียน หากวันหนึ่งมีคนมองว่าเจ้าขวางผลประโยชน์ พวกนั้นย่อมพยายามวางอุบายกำจัดเจ้าทุกวิถีทาง"
เสียงหวานเอ่ยเนิบช้าระหว่างนั้นก็ใช้ปลายพู่กันแต้มสีชาดลงบนกวางที่กำลังโดนเหล่าพยัคฆ์และจิ้งจอกรุมทึ้ง เลือดสาดกระเซ็นไหลนองบนพื้น สือฮวาพินิจมองฝีมือตนอีกครั้ง เมื่อองค์ประกอบโดยรวมส่งเสริมกัน ไม่ขาด ไม่เกินจึงหยุดมือ
เวลานี้คนผู้นั้นอยู่ในที่มืด นางไม่อาจคาดเดาสิ่งใดจึงทำเพียงกำชับเสี่ยวเว่ยให้ดูแลเรือนด้วยความรอบคอบ เฝ้าสังเกตความผิดปกติแล้วรีบรายงานทันที มั่นใจว่าผู้ลงมือต้องเป็นคนในจวนเพราะมิเช่นนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่าสำรับไหนเป็นของใครเพราะบุตรสาวของท่านพ่อไม่ได้มีนางคนเดียว หากนับที่เกิดจากอนุภรรยามีเกือบสิบ มีเรือนพักแยกจากเรือนหลักแต่ไม่ไกลกันนัก นอกจากที่กล่าวมาท่านพ่อยังสั่งทหารมือดีผลัดเปลี่ยนเฝ้าเวร หากผู้ลงมือเป็นคนนอกลำพังแค่ลอบเข้าจวนยังทำยาก คงไม่ทันสืบเสาะหาเรือนของนางก็ไม่รอดพ้นทหารยาม
ดวงตานิ่งสงบมองภาพเบื้องหน้าอีกครั้ง สถานการณ์ยามนี้นางคงเป็นดั่งกวางที่กำลังโดนรุมล้อมโดยสัตว์ล่าเนื้อ ยากหลีกหนี…