ภรรยาหน้าไร่
“คนเมืองกรุงเขาจะทำอะไรเป็น ถ้าไม่นับเรื่องหน้าตาดี ก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรดีพอที่จะมาเป็นนายหญิงได้หรือเปล่า ของแบบนี้ต้องดูกันไปนานๆ ว่าไหมคะพี่พล”
“เอาหัวโหม่งทุเรียน เอาตีนเดาะมันได้เหมือนลูกตะกร้อ แค่นี้คงดีมากพอที่นายหัวของเธอจะเอาฉันมาเป็นเมียก็แล้วกัน”
“แต่นงค์ไม่ได้พูดถึงคุณผิงเลยนะคะ” น้ำเสียงหวานเอื่อย ขัดกับสำเนียงใต้ที่เจ้าหล่อนเปล่งออกมา พร้อมกับส่งสายตาใสซื่อส่งให้นายหญิงของไร่ ช่างขัดกับนิสัยที่แท้จริงเสียนี่
“ฉันไม่ใช่นางเอกละครถึงจะไม่รู้ว่าเธอพูดถึงใคร มีหน้าที่ทำอะไรก็ทำไปสิ ไม่ใช่แต่ละวันเที่ยวเสี้ยมสอนให้คนงานเกลียดฉัน”
มีหรือคนอย่างพรรณิษาจะยอมให้คนมากล่าวแซะ แม้ก่อนนั้นคนพูดจะเมินหน้าไปทางอื่น แต่เหตุใดเล่าจะไม่รู้ว่าหล่อนกำลังพาดพิงถึงเธออยู่ เพราะสาวเมืองกรุงที่สวยที่สุดและกำลังนั่งขายทุเรียนอยู่หน้าไร่ตอนนี้ก็มีแค่เธอเท่านั้น
โชคชะตาที่พลิกแล้วพลิกอีก...
จากนักศึกษาสาวพราวเสน่ห์ สู่...เด็กเลี้ยงของคุณป๋า ผู้ซึ่งทำธุรกิจส่งออกผลไม้
จากสาวเมืองกรุง สู่...ภรรยานายหัวสวนทุเรียน
อย่างแรกพรรณิษาเป็นคนตั้งใจก้าวเท้าเข้าไปอยู่ในความสัมพันธ์ที่มีแค่เงินเป็นตัวเหนี่ยวรั้งเธอไวกับชายแปลกหน้า
อย่างที่สอง ในห้วงความคิดเธอไม่มีแม้สักครั้งที่จะจินตนาการถึงเรื่องนั้น เพราะเธอเกลียดกลิ่นทุเรียน และเกลียดการคลุมถุงชน แต่ด้วยความจำเป็น หญิงสาวจำต้องแต่งงานกับคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
ทว่าโชคชะตาที่พลิกแล้วพลิกอีก กลับทำให้เธอ กับ คุณป๋าผู้ส่งเสียเลี้ยงดูได้โคจรมาพบกันอีกครั้งในพิธีวิวาห์... ความไม่เชื่อใจกันจึงบังเกิดขึ้นตั้งแต่วันนั้น
‘นอกจากฉันคุณเลี้ยงใครไว้อีกบ้างก็ไม่รู้ ผู้ชายอย่างนี้นะหรือที่ฉันจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต ไม่มีทาง’
‘นังหนูเลี้ยงไม่เชื่อง เธอเอาเงินฉันไปเลี้ยงดูผู้ชายคนอื่นงั้นหรือ หาความจริงใจไม่ได้’
มนต์ทัช เขียน
*คำเตือน โปรดเตรียมทิชชูไว้เช็ดน้ำตา โปรดหัวเราะเบาๆ กับบางฉาก และโปรดข้ามฉากร่วมรักที่เร่าร้อนของพระนางหากท่านไม่ต้องการอ่านเนื้อหาเหล่านั้น และมีการบรรยายถึงฉากล่วงละเมิดทางเพศ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน