“ฮึก! … ฮึก! …เฮือก!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างพร้อมกับหอบหายใจราวกับว่าเธอเพิ่งออกกำลังกายมาอย่างหนัก
มันคือความฝัน … ใช่มันคือความฝันนี่คือประโยคที่ฉันพร่ำบอกตัวเองแทบจะทุกคืนในช่วงนี้ ฝัน … ที่ตัวฉันเองแยกแทบไม่ออกว่ามันคือความฝันหรือความจริง เหตุการณ์เมื่อครู่ราวกับฉันกำลังเผชิญกับมันอยู่ เม็ดเหงื่อไหลซึมตามขมับทั้งสองข้าง ฉันใช้มือเช็ดออกอย่างลวก ๆ พร้อมกับปัดปอยผมที่ตกระมาตามใบหน้าก่อนจะขยับตัวลุกขึ้น
ฉันหลับตาลงช้า ๆ พร้อมกับถอนหายใจออกมาก่อนจะเอนตัวพิงหัวเตียงราวกับคนหมดแรง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันฝัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อตอนฉันเรียนอยู่ปีหนึ่ง และดูเหมือนว่าความฝันนี้จะถี่ขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้ฉันเรียนจบและทำงานแล้ว มันก็ยังเป็นความฝันที่รบกวนจิตใจฉันแทบจะตลอดเวลา หากเป็นเพียงแค่ความฝัน ไฉนเลยเหตุการณ์มันถึงได้เหมือนกันทุกครั้ง รายละเอียดไม่ได้ตกหล่นไปจากที่เคยฝันในครั้งแรกเลยแม้แต่นิดเดียว
มันช่างเหมือนจริงเหลือเกิน ผู้หญิงคนนั้นกับฉัน ราวกับเราเป็นคน ๆ เดียวกัน เหมือนกันแม้กระทั่งเสียงพูด รูปร่างหน้าตาหรือแม้แต่ความรู้สึกนึกคิด ทำไมในความฝันฉันถึงรู้สึกว่ามันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน ทำไมฉันถึงรู้สึกทรมานเหลือเกิน ความทรมานที่เกิดจากการพลัดพราก ความเสียใจที่เกิดจากการไม่สมปรารถนาและการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก คำสัญญาที่พร่ำบอก ยังคงดังกึกก้องอยู่ในโสตประสาทของฉัน ก่อนที่เสียงเคาะประตูห้องจะดึงให้ฉันออกมาจากภวังค์ความคิดตามมาด้วยเสียงอันแสนคุ้นหู
“เอิงตื่นรึยังลูก” เสียงของคุณย่า ทำให้ฉันต้องรีบลุกไปเปิดประตู
“ค่ะคุณย่า” ขานรับพร้อมกับบานประตูที่เปิดออก
“น้อมเตรียมของไว้ให้แล้วเรียบร้อย รีบอาบน้ำแต่งตัวเดี๋ยวย่าลงไปรอข้างล่างนะลูก” คุณย่าบอกพร้อมรอยยิ้ม วันนี้เป็นวันครบรอบการจากไปของคุณแม่ และฉัน คุณพ่อและคุณย่ามักจะไปทำบุญทุกปีเพียงแต่ปีนี้คุณพ่อติดธุระที่ฮ่องกงเลยบินกลับมาไม่ทัน
“ค่ะ รอเอิงแป๊บนึงนะคะ” ฉันบอกพร้อมรอยยิ้มก่อนจะรีบกลับเข้าไปจัดการอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว
“เวลาคือตัวกำหนด กรรมคือการกระทำ เมื่อถึงห้วงเวลาที่เหมาะสมเขาจะกลับมาตามคำสัญญานะโยม” คำพูดของหลวงตาทำเอาขนคอฉันลุกชัน ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองสบตาท่าน “ความฝันนั้นคงรบกวนโยมสินะ” เอ่ยถามพร้อมกับสายตาอ่อนโยน
“ค่ะ หลวงตา” ฉันตอบออกไปตามตรง ทำไมหลวงตารู้
“เมื่อเจอกัน แล้วทุกอย่างจะดีเอง” หลวงตาบอก ทำเอาฉันขมวดคิ้วทันที เจอกัน หมายถึงฉันต้องเจอกับใคร คนหรือผี! เอาดี ๆ จะได้เตรียมตัวเตรียมใจอย่างน้อยก็จะได้แขวนพระ ถึงแม้จะไม่รู้ว่ามันจะช่วยได้ไหมก็เถอะ
“เมื่อเจอกัน …”
“ภพชาติ มีห้วงเวลา พลัดพรากกันมาหลายภพหลายชาติ จนมาถึงภพชาตินี้เพราะเวลาเป็นตัวกำหนดนะโยม ไม่อยากเจอก็ต้องเจอบุญกรรมทำร่วมกันมา ได้พบได้เจอกันในชาตินี้” คำพูดของหลวงตายังคงวนเวียนอยู่ในห้วงความคิดของฉัน
“อย่าไปคิดมากเลยลูก เมื่อถึงเวลาทุกอย่างก็จะปรากฏ กฏแห่งกรรมใครก็ไม่อาจฝืนได้” เสียงของคุณย่าสำทับขึ้นมาอีกระลอก พร้อมกับฝ่ามืออุ่นที่ลูบลงมาที่ศีรษะด้วยความเอ็นดู แล้วที่ปรากฏในความฝันนั่นล่ะคืออะไร
“เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ทุกอย่างจะปรากฎ” คำพูดทิ้งท้ายของหลวงตาก่อนที่ฉันกับคุณย่าจะลากลับ นี่คงเป็นที่มาของประโยคที่ว่า ‘การเจอกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญสินะ’
.
.
ฝากติดตามด้วยน๊าาาาาา