จู่ๆ บุรุษผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นในยามที่สุนัขฟ้ากำลังกลืนตะวันและช่วยชีวิตอี้หรงไว้ นางจึงต้องทำทุกอย่างตามที่เขาสั่ง และแม้จะปฏิเสธได้แต่เมื่อได้รู้ว่าเขาคือท่านแม่ทัพเฉินเจียนลู่ หรือแม่ทัพปีศาจผู้โหดเหี้ยมน่าเกรงกลัว หัวใจและร่างกายของนางก็สั่นเป็นเจ้าเข้าเสียแล้ว นางจะกล้าหนีบุรุษผู้น่ากลัวผู้นี้ได้อย่างไรกัน
เฮือก! นางสูดลมหายใจเข้าก่อนจะเหลือบตามองชายที่นั่งบนเตียง บัดนี้เขาเหลือเพียงกางเกงปิดบังท่อนล่าง ส่วนท่อนบนนั้น... นอกจากบาดแผลน่ากลัวก็ยังนึกได้เต็มอกว่าน่ามองส่วนสัดมัดกล้ามแค่ไหน
“รีรออะไรอยู่อี้หรง”
อี้หรงยิ้มแห้งๆ เทน้ำอุ่นในกาที่ฉางจี่เตรียมไว้ให้ใส่อ่างใบเล็กที่มีผ้าอยู่ในนั้น ร่างบางเดินไปหาท่านแม่ทัพพร้อมกับภาวนาอย่าให้เขารู้ว่านางประหม่าแค่ไหน
ทว่าอี้หรงคงลืมไปสิ่งที่นางภาวนานั้นไม่เป็นผลเลยสักนิด เพราะแก้มแดงๆ ของนางมันฟ้องความคิดความอ่านให้อีกฝ่ายรับรู้แทบกระจ่าง
“ก่อนจะใส่ยา เจ้าต้องชำระล้างบาดแผลให้สะอาดก่อนมิใช่หรือ แล้วไยเจ้าถึงได้ยังยืนแก้มแดงไม่สบตาข้าเช่นนี้”
“ข้าเปล่าแก้มแดงเสียหน่อย ท่านจะรู้ดีไปกว่าใจข้าได้เยี่ยงไร”
“ก็สีหน้าเจ้ามันฟ้องว่าเจ้า... กำลังคิดไม่ซื่อกับร่างกายของข้า”
ยิ่งหยอกเย้าแก้มนวลก็ยิ่งแดงเป็นลูกตำลึงสุก เฉินเจียนลู่กระตุกยิ้มเมื่ออี้หรงขยับกายเข้ามาใกล้วางอ่างน้ำลง และบิดผ้าสะอาดที่แช่ในน้ำอุ่น มือบางเล็กค่อยๆ ซับผ้าไปรอบๆ บาดแผล นางทำอย่างระวังกลัวเขาจะเจ็บ แต่แล้วมือใหญ่ก็ฉวยข้อมือเล็กดึงให้นางยืดตัวขึ้นใบหน้าห่างกันแค่คืบจนรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆ
“ถ้าเจ้ายังไม่ตั้งใจมากกว่านี้ ข้าจะสอนเจ้าก่อน”