ท้องฟ้าที่มืดมิด ไร้ซึ่งแสงสว่างใดทั้งดวงจันทราและหมู่มวลดาราที่เคยพร่างพราว แม้แต่มวลเมฆเมฆาสีทึมเทาก็ไม่มีลอยให้เห็น
ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใดที่เคยโบยบินอยู่ฟากฟ้า ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดก็ตามที่เคยดังอยู่รอบข้าง ไม่มีใคร...ไม่มีผู้ใดให้เอ่ยถาม สองตาก็เหม่อมองไปไกลเพื่อควานหาอะไรก็ตามที่สามารถให้คำตอบได้ สองหูสดับฟังอะไรก็ตามที่พอจะเอ่ยถามถึงคำตอบที่ตามหา ทว่าแม้จะพยายามมองค้นหาและเงี่ยหูฟังสักเพียงใด แต่ผมก็ไม่สามารถให้คำตอบกับตัวเองได้เลยว่า...
ผมคือใคร?
Prologue
ผมคือใคร?
คำถามที่ลอยวนอยู่ในสมองที่ด้านชา จนไม่สามารถให้คำตอบกับมันได้ ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน และกำลังจะไปที่ใดอยู่ บรรยากาศรอบข้างรายล้อมไปด้วยความมืดมิด ผมมองไม่เห็นอะไรเลยแม้กระทั่งฝ่ามือของตน แต่ถึงจะไม่รู้จุดหมาย ผมก็ยังคงวิ่งต่อไปอยู่อย่างนั้น แม้จะล้มลุกคลุกคลานสักกี่ครั้ง แต่สองเท้าก็ยังคงวิ่งต่อไปเท่าที่เรี่ยวแรงจะนำพาร่างของตนไปได้ กระทั่งความหิวกระหายก็ได้คืบคลานเข้ามา
หิว ช่างหิวเสียเหลือเกิน หิวจนรู้สึกแสบท้องไปหมด อาหาร...อาหารอยู่ที่ไหนกัน?
แกรก...แกรก!
แต่แล้วเสียงอะไรบางอย่างก็ดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิด ผมจึงหันไปตามที่มาของเสียงนั้นก็พบกับอะไรบางอย่างที่มาพร้อมกับมัน
...แสงสว่าง
แสงสว่างจ้าสีขาวนวลได้เรียกความสนใจให้ผมเดินเข้าไปหา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่สัญชาตญาณก็นำพาให้ผมเดินไปหามันแล้ว จนในที่สุดผมก็ได้ออกมาพบกับแสงสว่างสีขาวดวงนั้น
"...แสง" ผมพูดอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเดินเข้าไปหาเจ้าแสงสว่างดวงนั้นอย่างเชื่องช้า แต่ทว่า...
ปัง...ปัง!
ทันใดนั้น! เสียงปืนก็ดังขึ้นติดต่อกันถึงสองนัด พร้อมกับร่างของผมที่ร่วงลงกับพื้นอย่างเชื่องช้า ไร้ซึ่งความเจ็บปวด ไร้ซึ่งความรู้สึกใด แต่เลือดในร่างกายก็ได้ไหลทะลักทะลายออกมาจนอาบไปทั่วทั้งตัวและเจิ่งนองไปทั่วบริเวณ
ผมมองเจ้าแสงสว่างดวงนั้นด้วยความไม่เข้าใจ เพราะอะไรมันจึงทำร้ายผม แต่ในความสงสัยมันก็ได้เลือนหายไป กลายเป็นความว่างเปล่าเข้ามาในสมองแทน นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่? แล้วไอ้เจ้าแสงสว่างสีขาวนวลนี้คืออะไร แล้วผมเป็นใครกำลังทำอะไรอยู่ที่นี่ แต่ทว่าใครบางคนก็ได้โผล่เข้ามาพร้อมกับแสงสว่างดวงนั้นแล้ว
...ชายในชุดกาวน์สีขาว
"หึ! ในที่สุดก็หยุดได้ซะทีนะ" โสตประสาทที่เลือนรางของผมได้ยินเสียงผู้ชายคนนั้นพูด แม้ผมจะพยายามแหงนหน้าขึ้นไปมอง แต่ด้วยแสงสว่างจ้าที่ที่ส่องแยงตา ก็ทำให้ผมไม่สามารถเห็นใบหน้าของเขาได้เลย
"ดร.เพชรนรินทร์เป็นคนฉลาดนะ แต่ก็ไม่ฉลาดพอที่จะคว้าโอกาสดีๆ เอาไว้ในมือ หึๆ โง่แบบนั้นก็สมควรตายแล้วล่ะ" ชายคนนั้นพูดพร้อมกับเดินเข้ามาแล้วย่อตัวลงพร้อมกับสายตาที่เบิกโพลงขึ้นเล็กน้อย
"หืม...ตัวมึงซีดลงผิดปกตินะ แถมผิวหนังของมึงก็บางลงจนเห็นเส้นเลือดด้วย นี่อย่าบอกนะว่าดร.เพชรนรินทร์ฉีดยาตัวนั้นให้มึงแล้วน่ะ?" แม้สองหูจะได้ยินในสิ่งที่เขาพูดอย่างชัดเจน แต่ผมก็ไม่ได้เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดเลย เขา...กำลังพูดถึงเรื่องอะไร มันช่างเต็มไปด้วยคำถามจนยากที่สมองของผมจะหาคำตอบได้เลย
"ฉลาดใช่เล่นที่เอายาทั้งหมดฉีดใส่ตัวแล้วให้มึงหนีไปน่ะ แต่สุดท้ายมึงก็โดนกูจับได้อยู่ดี" พลันผมก็สัมผัสได้ว่าชายคนนั้นเอามือมาจับที่แก้มของผม
"ไม่ต้องห่วง นับจากนี้ไปกูจะเป็นคนดูแลมึงเอง หึๆ ได้หนูทดลองตัวเก่งแบบนี้ รับรองว่าต่อจากนี้มึงจะทำกำไรมหาศาลให้กับกูแน่"
ปัง! ปัง!
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นพร้อมกับยิงผมซ้ำอีกสองนัด ตอนนี้สติของผมกำลังจะเลือนรางลงเต็มทีแล้ว แต่อะไรบางอย่างมันก็ได้โผล่เข้ามาในสมองแทน
หิว! ช่างหิวเหลือเกิน หิวจนร่างกายมันร้อนรุ่ม อาหาร...ผมต้องการอาหาร อาหารอยู่ไหน?
"!?" แต่แล้วดวงตาของผมก็เหลือบไปเห็นผู้ชายคนนั้นเข้า ชายในชุดกาวน์สีขาวผู้ที่ยิงผม
...อาหาร
พลันด้วยความหิวกระหายใคร่อยาก บวกด้วยสัญชาตญาณอะไรบางอย่างที่ตื่นขึ้นมา ก็ทำให้ผมลุกขึ้นมาจากกองเลือดของตนอย่างเชื่องช้า จากนั้นผมก็ได้พุ่งเข้าไปหาชายคนนั้นอย่างไวพร้อมกับฝังคมเขี้ยวลงบนแขนของเขา
"ดร.วิญญูถึงศูนย์ใหญ่ ตอนนี้ผม...อ๊าก!" แม้เขาจะร้องลั่นและพยายามสะบัดผมออก แต่ด้วยหยดเลือดที่ไหลเข้าปาก ก็ทำให้ความอยากอาหารมันไหลทะลักทะลายออกมายิ่งกว่าเดิม
"อ๊าก! ปล่อยกู ปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะ"
ปัง ปัง ปัง!
ผมยังคงกัดแขนของผู้ชายคนนั้น ฉีกเอาเนื้อหนังมังสาของเขาออกมา ทั้งขบเคี้ยวและกลืนกิน ถึงผู้ชายคนนั้นจะทุบตีและเอาปืนยิงผมอีกหลายต่อหลายนัด แต่ความเจ็บปวดก็ไม่อาจทำให้ความกระหายลดลงไปเลยแม้แต่น้อย
...ยิ่งเจ็บปวดยิ่งกัดกิน ยิ่งถูกยิงผมยิ่งอยากกินเขามากกว่านี้ ผมได้กระชากแขนของเขาออกมาจนขาดวิ่นก่อนกัดกินอย่างเอร็ดอร่อย เนื้อหนังของมนุษย์นี่ก็ช่างหวานหอมจนอดใจไม่อยู่แล้ว
"อ๊าก! แขนกู...แขนกู!"
"อือ..."
แม้ชายคนนั้นจะพยายามกระเสือกกระสนวิ่งหนีเอาตัวรอด แต่ผมก็ไม่ปล่อยให้เหยื่ออันโอชะของผมหลุดรอดไปได้ ผมวิ่งไล่ตามชายคนนั้นไปอย่างไว ก่อนจะกระโดดกัดเข้าที่คอของเขาจนล้มลง
ผมไม่ปล่อยให้เขาทรมานก่อนตาย ผมกัดกระชากเอาลูกกระเดือกเขาออกมาแล้วกลืนลงท้องด้วยความหิวกระหายเป็นที่สุด สองมือก็ควักลูกตาออกมาเคี้ยวเล่นแล้วตะกรุยท้องจนอวัยวะภายในกระจายออก แม้จะตกใจที่ตนเป็นแบบนั้น แต่ผมเองก็หยุดความหิวกระหายนี่ไม่ได้แล้ว ทุกอย่างมันช่างน่ากินไปหมด น่ากิน...น่ากินจนหยุดไม่อยู่แล้ว
...อา! อร่อย...อร่อยจังเลย
กร้วมๆ!
เสียงเคี้ยวเนื้อหนังมังสาที่ดังอยู่เป็นระยะ บ่งบอกได้ว่าเจ้าของเสียงเคี้ยวเนื้อนั้นกำลังมีความสุขกับการกินมากเพียงใด ทุกสัดส่วนในร่างกายของชายร่างท้วมในวัยกลางคน แม้มันจะเหนียวไปบ้าง แต่คมเขี้ยวของเด็กหนุ่มก็บดขยี้จนมันแหลกละเอียดแล้วกลืนลงท้องไปอย่างง่ายดาย
"อึก! อ...อา!"
แต่ทันใดนั้นเอง! ร่างที่กำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารของตนก็ต้องหยุดชะงัก เด็กหนุ่มได้เอามือกุมท้องและล้มนอนตัวงอลงกับพื้นดินด้วยความเจ็บปวด ผิวหนังสีขาวซีดของเขาได้เปล่งแสงออกมาเป็นลวดลายไปตามเส้นเลือดที่อยู่ภายใต้ชั้นผิวหนัง ไอร้อนเริ่มเดือดพล่านจนบังเกิดควันพวยพุ่งจากทุกอณูรูขุมขน จนกระทั่งในที่สุดไฟสีน้ำเงินก็ได้ลุกพรึ่บ! ขึ้นมา
"อั้ก! อา...อา อ...อา!"
เจ้าของร่างบิดกายไปมาด้วยความทุกข์ทม มันช่างร้อนรุ่มและเจ็บปวด คล้ายว่าร่างกายของเขากำลังจะหลอมเหลวด้วยไฟบรรลัยกัลป์เลย กระทั่งเปลวเพลิงที่ลุกท่วมร่างก็ได้หายไป กลายเป็นของเหลวแสนเหนอะหนะที่ไหลทะลักออกมาห่อหุ้มร่างเอาไว้แทน
ของเหลวได้ห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้คล้ายกับรังไหมที่ห่อหุ้มร่างของตัวหนอน เสียงแห่งความทรมานได้หายไปพร้อมกับรอบข้างกายที่กลับมาเงียบสงัดดังเดิม เงียบงันและแผ่วเบา ทุกอย่างช่างว่างเปล่าและวังเวงอยู่นานจนกระทั่งในที่สุด...
เปรียะ! แกรก...แกรก!
พลันรังไหมที่แข็งกระด้างก็ได้ปริแตกออกพร้อมกับมือสีขาวซีดได้โผล่พ้นออกมา เล็บสีดำยาวเกือบหนึ่งนิ้ว ได้ตะกรุยเอาเปลือกหนาๆ ที่ห่อหุ้มตัวออก เผยให้เห็นร่างของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งได้ไหลออกมา
ร่างที่โผล่จากรังไหมพร้อมกับคราบเมือกที่เจิ่งนองไปทั่ว มันพยายามจะยันกายของตนให้ลุกขึ้น จากร่างกายที่เคยบอบบางของเด็กน้อย บัดนี้ก็ได้กลายเป็นร่างของอะไรบางอย่างที่คล้ายกับมนุษย์
ถึงกระนั้น...แม้จะมีหูตาจมูกปากและสัดส่วนอื่นๆ ไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ธรรมดา แต่เจ้าตัวประหลาดกลับมีสีผิวขาวซีดคล้ายกับขี้เถ้าและเป็นเนื้อหนังหนา ๆ มาแทนที่ อีกทั้งดวงตาของมนุษย์ซึ่งตอนนี้ก็ได้แปรเปลี่ยนไป กลายเป็นดวงตาสีดำสนิทเต็มดวงไม่ต่างอะไรกับดวงตาของฉลามนักล่าเลยสักนิด
“อือ...”
เจ้าตัวประหลาดได้ครวญครางออกมาเล็กน้อย มือไม้และแขนขาในตอนนี้มันช่างอ่อนปวกเปียกจนแม้แต่การยันกายของตนให้ลุกขึ้นก็ยังเป็นไปได้ยาก ถึงแม้มันจะมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน และรับรู้ได้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นกับตน แต่ความหิวกระหายที่เคยมีมาก็ไม่ได้ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย
เจ้าตัวประหลาดจึงได้ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดของตนยันกายให้ลุกขึ้นอีกครั้ง มันโผเข้าไปจัดการชิ้นส่วนที่เหลือของชายร่างท้วมนั้นต่อ จนทุกส่วนในร่างกายของชายคนนั้นก็ไม่เหลืออะไรนอกจากกองกระดูกอาบเลือดเพียงไม่กี่ชิ้น
ถึงกระนั้น...แม้จะสวาปามเนื้อหนังมังสาของชายคนนั้นไปแล้ว แต่มันก็ไม่ทำให้เจ้าตัวประหลาดรู้สึกอิ่มท้องขึ้นมาแต่อย่างใด สองตาสีดำสนิทยังคงกวาดหาอะไรก็ตามที่พอกินได้ สองหูก็สดับรับฟังอะไรก็ตามที่จะกลายเป็นเหยื่อของมัน กระทั่งประสาทการดมกลิ่นของมันก็รับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างที่ลอยตามลมมา กลิ่นของสิ่งมีชีวิตที่มันปรารถนา กลิ่นของเหยื่ออันโอชะที่เป็นอาหารจานแรกของมัน…
...กลิ่นของมนุษย์
"อยู่ตรงนั้น!"
ทันใดนั้นก็ได้มีแสงสว่างจ้าหลายดวงพร้อมกับเสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากที่เดินเข้ามา กลุ่มคนในชุดสีดำอันเต็มไปด้วยอาวุธปืนครบมือ และด้วยแสงสว่างจ้าดวงนั้นเอง มันก็ทำให้เจ้าตัวประหลาดได้แต่เอามือมาป้องตาของตนเอาไว้ เนื่องด้วยสายตาของมันยังไม่ชินต่อแสงสว่างสาดส่องเข้ามามากนัก
"นั่นมันตัวอะไรวะ" แม้จะตกใจต่อสิ่งที่เห็นตรงหน้า แต่หนึ่งในนั้นกลับตัดสินใจยิงปืนเข้าใส่ และนั่นเองที่ทำให้คนที่เหลือสาดกระสุนปืนใส่มัน ราวกับห่าฝนกระสุนปืนที่กำลังตกหนักก็ไม่ปาน
ปัง! ปัง! ปัง!
แม้กระสุนปืนจะเจาะเข้าผิวหนัง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เจ้าตัวประหลาดรู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด ตรงกันข้ามมันกลับทำให้เจ้าของร่างรู้สึกรำคาญขึ้นมาแทน
และเมื่อความเหนื่อยหน่ายที่เป็นฝ่ายถูกรุกราน กอปรกับความหิวกระหายที่ไม่อาจถูกเติมเต็ม ในเมื่อมีบุฟเฟต์เนื้อมนุษย์ให้มันเลือกกินอยู่ตรงหน้านี้ล่ะก็ มันจึงได้แยกเขี้ยวยิงฟันออก พร้อมกับกรงเล็บสีดำยาวที่ถูกกางออกมาอย่างเต็มที่ บ่งบอกได้ว่าการสังหารหมู่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
“อา...หาร...”
"อ๊ากกกกก!"
#อ้ายเก้ง present...
“My demon รักของผมถูกละเลงด้วยเลือด”
(นิยายวายเลือดสาด 18+)
To be continued
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
นิยายเรื่องนี้ไม่มีการเม้น "ต่อ" นะครับ