กุหลาบช่อใหญ่ทำให้มองไม่เห็นใบหน้าของคนที่ถืออยู่ แต่จินตนาลักษณ์รู้ดีว่าคนที่ยืนเอากุหลาบปิดหน้าตัวเองไว้เป็นใคร
“พี่ปริญญ์ มาทำไมคะ”
“เอากุหลาบมาให้” เขาคิดได้ยังไงกับกุหลาบช่อเบ้อเร่อและท่าทางหนักอึ้ง จนคนใช้ในบ้านต้องวิ่งออกมาช่วยกันถือ “เอามาให้ใคร” เธอถามออกไป หงุดหงิดสิ้นดี
“คือว่าอย่างนี้นะ หน้าปากซอยมีคุณตาคุณยายแก่ๆ ขายดอกไม้ พี่เห็นใจก็เลยซื้อแต่ว่าถ้าแบกกลับไปบ้านน่ะคงไม่ไหวไกลเกินอีกอย่างหนึ่งบ้านพี่ ดอกไม้เยอะแล้ว น้ำเชื่อมก็เยอะตอนนี้มดเต็มบ้าน”
“คะ?”
“ก็เจ้าศินต์กับเมียไง หวานยังกะน้ำผึ้งเดือนห้า” คำบอกเล่าของเขาทำให้คนฟังหน้าชาและเข้าใจในความหมายนั้นทันที เพียงแต่มันทำให้เธอเจ็บในยามที่ได้ยินอีกฝ่ายมีความสุข
“แล้วไงคะ ซื้อแล้วไม่เอากลับบ้านจะหอบมาที่นี่ทำไม”
“ก็ฝากไว้ก่อนสิ เอาไปใส่แจกันไว้ เนี่ยสวยๆ ทั้งนั้น” เขาบอกพร้อมทั้งยื่นดอกไม้ส่งไปให้กับคนงานที่ยืนสองสามคน และต่างก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เพราะนึกขบขันกับคนปากแข็งจีบสาวที่ไม่ยอมบอกตรงๆ ว่าเอาดอกไม้มาให้คุณหนูของบ้าน
ชายหนุ่มจับเอากุหลาบสีแดงสดถือไว้ในมือหนึ่งดอก แล้วมองตามกุหลาบช่อใหญ่จนลับตาไปโดยคนงานในบ้านของท่านผู้พิพากษา
“จะเอาสักดอกไหม”
“ไอ้หมอทุเรศ!”
คุณหมอปากดีหัวเราะหึชอบใจ เพราะรู้ว่าที่พูดไปนั้นมันฟังทะแม่งๆ “ก็อย่าคิดลึกสิ เอ้าพี่ให้”
“ไม่เอาค่ะ แล้วพี่มาทำไม”
“ก็บอกแล้วไงว่าเอาดอกไม้มาฝาก นี่ความจำเสื่อมหรือไง เพิ่งบอกไปแป๊บๆ” เขาใช้กุหลาบตีไปยังศีรษะของคนที่สูงเท่าอกของเขา เธอค้อนให้เขาอย่างหมั่นไส้จริงๆ
“โอเคค่ะ เอามาฝากแล้ว งั้นก็กลับได้แล้วใช่ไหมคะ”
“นี่พี่อุตส่าห์เอาดอกไม้มาให้ประดับบ้านช่อเท่าหัวช้างขนาดนั้น เราจะใจร้ายไล่พี่กลับบ้านจริงๆ น่ะเหรอ”
“แล้วจะให้ก้อยทำยังไงล่ะคะ ดอกไม้ก็รับฝากแล้ว” หรือความจริงถูกมัดมืดชกให้รับมากกว่า “หรือว่าพี่มีอะไรจะฝากอีก” คำถามยียวนกลับไปทำให้นายแพทย์หน้าเข้มถึงกับยิ้มขึ้นมา “วันนี้พี่ขอฝากท้องด้วยนะครับ”