ถ้าใครเคยผ่านช่วงชีวิตเด็กมัธยมปลายมา ก็คงรู้ดีว่ามันช่างแสนสดใส สนุก และมีความสุขมากแค่ไหน มีทั้งเพื่อน ๆที่น่ารัก ทั้งการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทั้งเตรียมตัวไปงานพรอม ทุกอย่างรอบตัวดูมีชีวิตชีวาไปหมด นี่ยังไม่นับถ้าคุณเป็นหนึ่งในกลุ่มสาวฮอตที่ผู้ชายทั้งโรงเรียนจ้องอยากจะได้ใจจะขาดอีกนะ ยิ่งพอปีสุดท้ายพวกผู้ชายยิ่งมารุมล้อมกันอย่างกับแมลงวันตอมอุนจิยังไงอย่างงั้น เห้อ~~ เห็นแล้วมันก็น่ารำคราญชะมัดเลย ไม่รู้ว่าชอบยัยพวกนี้กันเข้าไปได้ยังไง วัน ๆไม่ทำอะไร นอกจากเติมแป้ง เติมลิป นัดกันออกไปทำเล็บ ที่พูดนี่ก็ไม่ใช่ว่าอิจฉาอะไรหรอกนะ แต่มันน่า! รำ! คราญ!
สำหรับฉันเรื่องงานพรอมหรือไอ้เรื่องผู้ชายอะไรนี่ฉันไม่ค่อยสนใจเท่าไรหรอก มัธยมปลายปีสุดท้าย ฉันจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐให้ติดสักที่ จะได้ออกจากขุมนรกที่หลาย ๆคนมองว่ามันเป็นสวรรค์อย่างที่นี่กันสักที ถ้าใครไม่ลองมาเป็นฉันคงไม่มีวันเข้าใจหรอก เด็กผู้หญิงหน้าตาธรรมดา ที่มีระดับการเรียนเป็นอันดับต้น ๆ อย่างฉัน แทนที่ทุกคนจะให้ความสนใจ กลับเป็นได้แค่เจ้าของต้นฉบับการบ้านทั้งหลาย โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม ถ้าไม่สวยก็ไม่มีตัวตนเลยสินะ
“นั่งคิดอะไรคนเดียวอีกแล้วยูมิ”
กาล หญิงสาวหน้าสวยคม คิ้วโก่ง จมูกโด่ง ปากเป็นกระจับ กับแก้มป่อง ๆ น่าบีบเล่น เพื่อนสนิทหนึ่งเดียวคนนี้ของฉันถามขึ้น บางทีฉันก็ไม่เข้าใจเลยนะ กาลที่ทั้งสวยทั้งนิสัยดี หนุ่ม ๆก็มีมาตามติดอยู่เรื่อย ๆ ดันโดนเทพเจ้าที่ไหนกลั่นแกล้งให้มาซี้กับฉันได้
ส่วนคนที่เธอเรียกว่ายูมิ นั่นก็คือ ฉันเอง ฉันไม่ได้เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น ไม่ได้เป็นลูกเสี้ยว และไม่มีญาติพี่น้องเป็นคนญี่ปุ่นเลยโดยสิ้นเชิง แต่เป็นชื่อที่พ่อกับแม่ตั้งให้ ด้วยเหตุผลที่ว่า มันดูอินเตอร์ดี แต่ฉันบอกตรงนี้เลยว่าไอ้ชื่อยูมิเนี่ยทำคนหมันไส้ฉันมานักต่อนักแล้วจริง ๆ
“ก็ไม่ได้คิดอะไร ว่าแต่วันนี้หลังเลิกเรียนเราไปกินไอติมร้านประจำกันไหม ฉันอยากกิน” ฉันถามพร้อมเกาะแขนกาลเขย่าเหมือนเด็กอยากได้ของเล่น ตอนนี้เรานั่งอยู่ในห้องเรียนรออาจารย์มา home room วันแรกของมัธยมปลายปีสุดท้าย ฉันได้ข่าวมาจากแก๊งอุนจิที่ตอนนี้นั่งเมาท์กันอยู่หลังห้องว่า อาจารย์ประจำชั้นคนใหม่ของห้องเรา เป็นอาจารย์ชายที่พึ่งเรียนจบมาใหม่หมาดๆ
“วันนี้น่าจะไม่ได้วะยู ฉันมีนัดแล้วอะ” กาลตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่อยู่ห่างกัน 100 เมตรก็ดูรู้ว่าเขินสุด ๆ
“โอ้ยลำไย นัดกับผู้คนไหนอีกละแก” ใจก็อยากจะด่าเพื่อนว่าแรดอยู่หรอกนะ แต่ให้ทำไงในเมื่อมันก็สวยจริง ๆ แถมยังนิสัยดีน่ารักน่าถะนุถนอม ไม่เหมือนยัยพวกอุนจิโดนแมลงวันตอมที่วัน ๆไม่ทำอะไร
“รู้นะว่าแกคิดว่าฉันแรดอะ” กาลมองมา ทำหน้าจับผิดฉันอีกแล้ว จะฉลาดไปไหนคะแม่คุณ
“เออ คิด แต่แกแรดมีคุณภาพฉันให้อภัย”
กาลมองหน้าฉันแล้วยิ้ม เพื่อนฉันนี่มันจะสวย รวย เก่ง ครบครันอะไรขนาดนี้เนี่ย ถึงตรงนี่หลายคนคงคิดว่าฉันหน้าตาทุเรศทุรังมากเลยสิท่า จริง ๆหน้าตาฉันก็พอไปวัดไปวา คือมันก็ไม่ได้แย่หรอก การันตีด้วยรางวัลนางสงกรานต์ 3 ปีซ้อน สมัยมัธยมต้นเลยนะ แต่พอย้ายโรงเรียน ฉันก็ได้รู้ว่าโลกแห่งความเป็นจริง การแข่งขันมันสูงมาก ดอกแรกก็เพื่อนผู้ชายที่ฉันเคยแอบชอบสมัยมัธยมต้น พอย้ายมามันก็เลิกเป็นเพื่อนกับฉันแล้วหันไปจับกลุ่มตอมอุนจิ เรื่องนี้ทำฉันเคืองมากเลยละ เพราะงั้น คนหน้าตาบ้าน ๆ อย่างฉัน เรื่องที่พอจะมีตัวตนกับเขาก็เรื่องเรียนนี่ละ ฉันเลยหันมาเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี่ จนในที่สุดฉันก็ติด Top 5 นักเรียนดีเด่น และปีนี้ ฉันก็ตั้งใจว่าจะขึ้นมาเป็นที่หนึ่งของรุ่นให้ได้ ว่าแล้วก็ไปขอยืมหนังสือที่ห้องสมุดมาอ่านดีกว่า
“กาลฉันจะไปห้องสมุด ไปด้วยกันไหม”
“ยังอะ เล่มที่แล้วยืมมาฉันยังอ่านไม่จบเลย เลยกำหนดคืนมาแล้วด้วย เดี๋ยวอาจารย์เห็นหน้าฉันแกทวงยิกแน่”
“โอเค งั้นเดี๋ยวฉันมานะ”
ตุ๊บ!
“อ๊ะ! โอ้ย!” ฉันล้มขมัม ยังไม่ทันเดินพ้นประตูก็ซวยซะแล้ว วันนี้มันวันอะไรเนี่ย
“เป็นอะไรหรือเปล่านักเรียน”
สิ้นเสียงอาจารย์ ฉันที่พึ่งรวบรวมสติได้ เลยรีบพยุงตัวลุกขึ้น ว่าแต่ว่า ทำไมเสียงอาจารย์คนใหม่นี่คุ้นจังวะ
“ไม่เป็นไร....ค่ะ” ฉันตอบหลังจากพาตัวเองลุกขึ้นมายืนได้เรียบร้อย แล้วฉันก็ต้องตกใจเป็นรอบที่สองเมื่อเห็นหน้าอาจารย์คนใหม่
“....”
“พี่ปาย....”
“😊”
ดูเหมือนชีวิตมัธยมปลายปีสุดท้ายของฉันจะไม่ราบรื่นอย่างที่ฉันคิดแล้วละสิ