พอลยืนนิ่งอยู่ในห้องรับแขกหลังจากแขกคนสุดท้ายลากลับไป บรรยากาศภายในบ้านใหญ่โอ่โถงตกแต่งหรูหราดูอ้างว้างเศร้าหมองไปทันตาเพราะเจ้าของบ้านซึ่งเป็นพ่อของเขาเพิ่งเสียชีวิตไปได้ไม่นานนัก พิธีศพจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายตามประสงค์ของผู้ตาย เขาไม่ได้ติดต่อกับพ่อนานถึงแปดปี วันสุดท้ายที่เจอกันคือวันที่ฝังศพแม่ เขาจำได้ดีถึงวันที่ได้รับข่าวร้ายเกี่ยวกับอุบัติเหตุรถชนซึ่งพ่อเป็นคนขับและมีแม่นั่งอยู่ด้วย ทั้งสองมีอาการสาหัสแต่อาการของแม่อยู่ในขั้นวิกฤตซึ่งหมอได้บอกให้เขาเตรียมใจไว้ล่วงหน้าตั้งแต่แรก แม่อยู่ในห้องไอซียูเกือบสัปดาห์ ตอนที่เขาเข้าไปเยี่ยมแม่ครั้งสุดท้ายก่อนตายแม่บอกเขาด้วยเสียงแผ่วเบาว่าพ่อนอกใจทำให้แม่เสียใจมากตอนที่พ่อขอหย่าขณะที่กำลังขับรถกลับจากงานเลี้ยง ทั้งสองมีปากเสียงกันรุนแรงทำให้แม่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่จึงเกิดอุบัติเหตุขึ้น แม่เป็นคนสวยแต่น่าเสียดายที่มีสุขภาพอ่อนแอและมีโรคประจำตัวตั้งแต่ยังเด็กจึงทำให้มีลูกยาก พอลจึงเป็นลูกคนเดียวที่เป็นแก้วตาดวงใจของพ่อและแม่ทำให้เขาสนิทกับทั้งสองมาก ตอนที่แม่รู้ว่าเขาตัดสินใจเลือกเรียนคณะวิศวกรรมของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดที่แคลิฟอร์เนียทำให้แม่เป็นกังวลอย่างมาก เพราะนั่นหมายถึงเขาจะอยู่ไกลจากบ้านในรัฐจอร์เจียและอาจจะกลับมาเยี่ยมบ้านน้อยลงกว่าเดิม ช่วงปีแรกที่เรียนเขาจึงต้องกลับบ้านบ่อยครั้งเพื่อให้แม่สบายใจ แต่ช่วงหลังเขาเริ่มออกเดทกับสาวๆ ตามประสาวัยรุ่นจึงกลับบ้านน้อยลงกว่าเดิม ต่อมาเมื่อกลับมาเยี่ยมบ้านเขาเริ่มรู้สึกถึงการระหองระแหงของทั้งสองในบางครั้ง แต่ไม่นึกว่าจะมีเรื่องของมือที่สามเกิดขึ้น เพราะรู้ว่าทั้งสองรักกันมาก ทั้งสองแต่งงานทันทีหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยและช่วยกันก่อร่างสร้างตัวเริ่มจากเงินเก็บเพียงน้อยนิดจนมีฐานะมั่งคั่งจากการเล่นหุ้นและลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีจนถึงช่วงที่เขาเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีที่สองพ่อได้จ้างพยาบาลประจำชื่อเจนมาช่วยดูแลแม่ ถึงแม้ว่าจะมีแม่บ้านช่วยดูแลบ้านแบบเช้าไปเย็นกลับแต่ก็ไม่เพียงพอเพราะอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงของแม่เริ่มแย่ลง พ่อให้เจนพักอยู่บ้านพักรับรองซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านใหญ่แต่เป็นสัดส่วน เขาไม่ค่อยได้คุยกับเจนมากนักนอกจากการพูดคุยตามมารยาทเกี่ยวกับการดูแลของแม่เป็นครั้งคราว เจนเป็นคนเงียบแต่อัธยาศัยดีทำให้เป็นที่เกรงใจของคนในบ้าน หลังจากที่เจนทำงานไม่นานก็พาหลานสาวอายุสิบสองขวบมาอยู่ด้วยชื่อ อลิซซึ่งเป็นลูกของน้องชายที่เพิ่งเสียชีวิตไป อลิซอายุน้อยกว่าเขาเจ็ดปี ตอนนั้นเธอยังดูเด็กมากใส่แว่นหนาเตอะรูปร่างผอมแบบบาง แต่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูต่างจากเด็กทั่วไป เด็กในวัยนั้นส่วนมากชอบทำตัวแก่แดดเกินวัยแต่อลิซยังดูเด็กไร้เดียงสามากเมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน ซึ่งอาจเป็นเพราะเธอตัวเล็กและเรียนโรงเรียนคาทอลิกที่เข้มงวดมากกว่าปรกติก็เป็นได้
ช่วงคริสต์มาสปีเดียวกันนั้นเขากลับมาเยี่ยมบ้านเพราะมหาวิทยาลัยปิดช่วงเทศกาล เย็นวันหนึ่งขณะที่เขากำลังจะออกไปงานปาร์ตี้บ้านเพื่อน เขาเห็นอลิซนั่งหน้าเศร้าอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่นขณะที่เจนกำลังดูแลแม่ของเขาในห้องนอน
“เกิดอะไรขึ้นจ๊ะสาวน้อย กำลังร้องไห้อยู่หรือเปล่า ตาแดงเชียว โดนคุณป้าดุมาหรือไงจ๊ะ” พอลเดินเข้าไปใกล้
“พี่เคยโดนเพื่อนล้อเรื่องหน้าตาและรูปร่างบ้างไหมคะ” อลิซเงยหน้ามองชายหนุ่มหน้าตาคมคายตรงหน้า “แต่หนูคิดว่าพี่คงไม่เคยโดนล้อเหมือนหนูแน่ๆ เพราะพี่หล่อเหมือนเทพบุตรแบบนี้ ใครจะกล้าล้อพี่ล่ะคะ”
“หล่อแบบเทพบุตรขนาดนั้นเชียวเหรอ สงสัยว่าจะหล่อเกินไปล่ะมั้ง” พอลหัวเราะ นั่งลงข้างๆ “เกิดอะไรขึ้นเหรอจ๊ะ โดนเพื่อนล้อที่โรงเรียนหรือไง” อลิซเรียกพอลว่าพี่ตั้งแต่เจอกันครั้งแรก เธอให้เหตุผลว่าเธอเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่ชายซึ่งเขาก็ไม่ขัดข้อง
“พี่หล่อมากนะคะ พี่ไม่รู้ตัวเหรอไง ผิดกับหนู หน้าตาขี้เหร่ตัวเตี้ยสายตาสั้นต้องใส่แว่นหนาขนาดนี้ หนูคงดูน่าเกลียดมากเลยนะคะถึงไม่ค่อยมีใครอยากเป็นเพื่อนกับหนูเลย”
“อย่าคิดมากสิจ๊ะ ถ้าคนเราคบกันที่หน้าตาก็แสดงว่าเป็นการคบกันแบบผิวเผิน ไม่ใช่เพื่อนแท้นะจ๊ะ ถ้าหนูเป็นเด็กดีอีกหน่อยเพื่อนๆ ก็จะยอมรับไปเอง ตอนนี้หนูเพิ่งย้ายโรงเรียนมาใหม่ เพื่อนๆ อาจจะยังไม่คุ้นเคยกับหนูก็ได้นะ ต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย แต่พี่เชื่อว่าเพื่อนๆ จะยอมรับหนูในที่สุด”
“จริงเหรอคะ ขอบคุณนะคะที่ให้กำลังใจ หนูจะเป็นเด็กดี จะได้มีเพื่อนเยอะๆ แบบพี่ไงคะ” อลิซยิ้มแก้มปลิ มองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างชื่นชม “ใครได้พี่เป็นแฟนคงจะโชคดีมากเลยนะคะ”