ทริน่ารู้สึกเคว้งคว้างเมื่อรู้ว่าลุงแซมจะมีชีวิตรอดอีกไม่เกินสัปดาห์นี้ ถึงแม้จะเตรียมใจไว้ก่อน แต่เธอก็ไม่คิดว่าจะเร็วเพียงนี้ หมอบอกว่าลุงแซมเป็นมะเร็งเมื่อเดือนที่แล้ว และอาจอยู่ได้ไม่เกินห้าเดือน เพราะมะเร็งได้ลุกลามไปทั่วร่างกายเมื่อค้นพบ นี่เพิ่งเดือนที่สองอาการลุงแซมก็เลวร้ายลงกว่าเดิมมาก เธอรู้ว่าลุงแซมตรอมใจตั้งแต่ป้ามาตีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชนเมื่อปลายปีก่อน ทั้งสองรับเธอเป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่อายุได้สามขวบ ถึงแม้ว่าเธอเติบโตมาโดยไม่รู้ว่าพ่อแม่เป็นใคร แต่ก็ได้รับความรักอย่างเต็มที่จากทั้งสองคน เธอมีชีวิตเรียบง่ายอยู่ในเมืองอะเล็กซานเดรีย รัฐเวอร์จิเนีย ป้ามาตีเปิดร้านดอกไม้เล็กๆ ชานเมือง มีรายได้เพิ่มเติมเล็กน้อยจากเงินเดือนเกษียณ ทริน่ามาช่วยป้าหลังโรงเรียนเลิกที่ร้านตั้งแต่จำความได้เพราะชอบดอกไม้และมีความสุขทุกครั้งที่ลูกค้าชมเชยการจัดดอกไม้ของทางร้าน ยกเว้นก็แต่ดอกไม้งานศพเท่านั้นที่ทำให้เธอเศร้าใจ
“ไปพักผ่อนก่อนนะคะ พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมใหม่ ตอนนี้หนูดูเหนื่อยมาก เมื่อคืนหนูก็ค้างที่นี่” พยาบาลวัยกลางคนกล่าว เธอมองทริน่าด้วยความชื่นชมและห่วงใย ทริน่าเป็นสาวสวยตามธรรมชาติอายุยี่สิบสาม ผมสีน้ำตาลเข้มยาวเป็นลอนถึงกลางหลัง ถึงแม้ดวงหน้าจะดูซีดเซียว แต่ก็ยังเห็นความงามจากดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน เข้ากับผิวสีน้ำผึ้งเนียนละเอียดชวนมอง
“ให้หนูอยู่ต่ออีกสักนิดได้ไหมคะ” ทริน่าตอบเสียงแผ่วเบา
“อย่าเลยค่ะ หนูเหนื่อยมากแล้ว กลับไปพักผ่อน แล้วถ้ามีอะไรเร่งด่วน ทางโรงพยาบาลจะรีบตามหนูเอง เพราะหนูจะต้องมีเรื่องให้ทำอีกมากหลังจากนี้” พยาบาลฉุดมือทริน่าให้ลุกยืนห่างจากเตียง มือของเธอเล็กเรียวดูเหมือนไม่่ค่อยมีแรงเนื่องจากขาดการพักผ่อน ร่างแบบบางสูงห้าฟุตสามนิ้วเมื่อเทียบกับพยาบาลร่างโต
“ตกลงค่ะ หนูจะไปนอนสักสองสามชั่วโมงแล้วจะกลับมาใหม่” ทริน่าตอบ ดวงหน้าอิดโรยและเลื่อนลอยเมื่อเดินออกจากโรงพยาบาลไปยังที่จอดรถ
เมื่อกลับถึงบ้านทริน่าอาบน้ำอุ่นๆ และตั้งใจว่าจะเปิดซุปกระป๋องกินก่อนนอน ขณะที่จะรับประทานซุปเธอเปิดจดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะเมื่อวานเพื่อตรวจดู จดหมายส่วนมากเป็นพวกโฆษณาและบิลต่างๆ จดหมายซองสุดท้ายมาจากบริษัทเรียกเก็บเงิน หญิงสาวรู้ว่าบริษัทนี้ต้องการอะไร เพราะได้รับจดหมายแบบนี้ทุกเดือนหลังจากป้ามาตีเสียชีวิต ป้ามาตีเสียชีวิตเมื่ออายุหกสิบเก้า ขณะขับรถไปส่งดอกไม้ให้เพื่อนที่โบสถ์ซึ่งไม่ไกลจากที่ร้านนัก แต่เนื่องจากป้าอายุมากทำให้การขับรถไม่สะดวกเหมือนเมื่อยังสาว ปรกติทริน่าจะเป็นคนไปส่งดอกไม้เอง แต่วันนั้นเธอพาลุงแซมไปหาหมอ ป้ามาตีจึงอาสาขับไปส่งเองเพราะเห็นว่าไม่ไกล แต่โชคร้ายเหลือเกินที่ป้ามาตีขับรถชนประสานงากับเด็กวัยรุ่นทำให้ทั้งสองเสียชีวิตที่โรงพยาบาล แต่ที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือป้าเป็นฝ่ายที่เลี้ยวผิดเลนและบริษัทประกันไม่สามารถช่วยค่าเสียหายได้ทั้งหมด ลุงแซมจึงต้องเอาบ้านและร้านไปจำนองที่ธนาคารเพื่อจ่ายให้คู่กรณีในส่วนต่าง ทริน่าเรียนจบครูเมื่อสองปีก่อนและสอนเด็กนักเรียนเกรดสองโรงเรียนประถมไม่ไกลจากบ้าน เงินเดือนครูและรายได้จากร้านดอกไม้ไม่เพียงพอที่จะรับภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้นเมื่อลุงแซมเริ่มป่วยลง เธอจึงเริ่มมองหาบ้านเช่าหลังเล็กๆ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรเร่งด่วนเพราะรู้ว่าลุงอยากอยู่บ้านหลังนี้ไปจนตาย เธอเริ่มน้ำตาซึม รู้สึกล้าและเดินไปยังเตียงนอนโดยไม่ได้แตะซุปแม้แต่นิดเดียว หญิงสาวนอนร้องไห้เงียบๆ และผลอยหลับไปโดยไม่รู้สึกตัว