คืน…หวาม
บทที่ 1.
สามีนิรนาม
เมริษา หญิงสาวผู้เกิดในเดือนเมษายน เดือนที่ร้อนสุดๆ เธอจึงแฝงความร้อนแรงเอาไว้ในตัว แต่มันคงอยู่ลึกมากจึงไม่มีใครทันสังเกตเห็นแม้แต่ตัวของหญิงสาวเองก็เถอะ เธอก็เพิ่งได้รู้เมื่อสองวันก่อนนี้เองว่าจริงๆ แล้วตัวเองไม่ได้เป็นสาวหวานผู้เรียบร้อยอย่างที่คิด
เมื่อคืน…
หญิงสาวซบหน้าลงกับฝ่ามือ อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปวางที่ไหนได้ หญิงสาวผู้เรียบร้อยดังผ้าพับไว้อย่างเธอ อาจหาญนัวเนียผู้ชายที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เพียงเพราะความเมา
แต่ก็นั่นแหละ จะโทษว่าเป็นความผิดของเธอคนเดียวก็เห็นจะไม่ถูกนัก อยู่ๆ ตานั่นก็โผล่เข้ามาในบ้านของเธอ ซ้ำพอเธอกอดจูบเขาด้วยความเมาเพราะคิดว่าเป็นคนรัก นายนั่นกลับไม่ขัดขืนเลยสักนิด
แค่เขาขัดขืน…เพียงนิดเดียวก็ได้ ยางอายของเธอที่มีอยู่คงทำให้เธอหยุดการกระทำบ้าๆ นั่นลงไป
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่าวันนั้นเหมือนไม่ใช่เธอ เธอไม่น่าจะร้อนแรงถึงขนาดนั้นได้
ริมฝีปากสวยบิดเบ้เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ หลังถูกถอนหมั้นกลางอากาศเพราะฐานะทางการเงินของเธอย่ำแย่ลง บริษัทถูกโกงจนหมดตัว ซ้ำเขายังตอกย้ำให้เธอได้เจ็บใจว่าจริงๆ แล้วเขาไม่เคยรักเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
ผู้หญิงเฉิ่มแสนเชยวันๆ เอาแต่ทำงานอย่างเธอ ผู้ชายหล่อเหลาอย่างเขาให้ความสนใจก็เพราะเงิน หากเธอไม่ใช่เจ้าของบริษัทโฆษณา มีเงินพอให้เขาถลุง มีหรือเขาจะยอมทนหมั้นหมายกับเธอมาถึงสามปีเต็ม และเขาก็ถอนหมั้นเธออย่างไม่ลังเล เพราะเจอที่หมายใหม่
หลังเคลียร์หนี้สินของบริษัทเสร็จสิ้น เมริษาเหลือเงินอยู่ก้อนเล็กๆ เธอพอมีฝีมือการทำอาหารอยู่บ้างจึงเปิดร้านขายอาหารอยู่ไม่ไกลจากบ้านมาก มีปันดาว เพื่อนสาวคนสนิทเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงและร่วมหุ้นด้วย ร้านเพิ่งตกแต่งเสร็จกว่าจะพร้อมขายก็ราวอาทิตย์หน้า
ปันดาวเองก็หัวอกเดียวกัน เพิ่งเลิกกับแฟนที่คบกันมาไม่ถึงปีมาได้ห้าเดือน เมริษาปลอบใจเพื่อนรักได้ไม่นานก็ตกที่นั่งเดียวกัน
ก่อนหน้านี้เพราะเห็นว่าธนาศห่างหายไป ด้วยความสงสัยเธอจึงแอบไปที่คอนโดมิเนียมของเขา
เธอเห็นเต็มสองตาว่าเขากับผู้หญิงคนใหม่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันบนเตียงนอน พอเธอวิ่งหนีมาแทนที่จะง้องอน เขากลับวิ่งตามมาเพื่อบอกเลิกอย่างเป็นทางการ
เธอเสียใจมาก เพราะรักเขาหมดใจ ปันดาวที่หัวอกเดียวกันจึงชวนไปกินเหล้า เธอไม่เคยดื่มมาก่อนแต่ซัดไปคนเดียวครึ่งขวด
เธอเริ่มรู้สึกไม่เป็นตัวเองตั้งแต่เหล้าแก้วที่สามเข้าปาก มันร้อนไปทั้งตัว ร่างกายเริ่มขยับ เสียงดนตรีในผับคืนนั้นมันเพราะพริ้งชวนให้ออกไปวาดลวดลาย
เธอเต้นจนสุดเหวี่ยง จนแม้แต่ปันดาวยังอ้าปากค้างเพราะคาดไม่ถึง พอเธอออกมาจากฟลอร์ปันดาวถึงกับอุทานบอกว่านั่นแหละ คือพรสวรรค์ของเธอ ความสามารถที่เธอซุกซ่อนเอาไว้มานาน
“โอ้ย…อยากจะบ้าตาย หวังว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีกนะ” หญิงสาวส่ายหน้าทั้งที่มือยังปิดหน้าอยู่ แต่ก็นั่นแหละภาพเหตุการณ์เมื่อคืนยังลอยวน
ความคิดของหญิงสาวล่องลอยไปถึงเหตุการณ์ ที่ยังตามหลอกหลอนเธอในทุกนาที
หลังวาดลวดลายเต้นบนฟลอร์จนหมดแรง ปันดาวไปส่งเมริษาที่บ้าน สภาพเดินเป๋ไม่ตรงทางของเพื่อนรักทำให้ปันดาวลังเลว่าจะค้างเป็นเพื่อนดีหรือเปล่า แต่บ้านของเมริษาก็ห่างจากบริษัทหลักทรัพย์ที่เธอทำงานอยู่ค่อนข้างมาก
“แกอยู่ได้แน่นะเมย์”
“ด้าย…สบายอยู่แล้ว” หญิงสาวโบกมือ เรอออกมาเอิ้กใหญ่แล้วฟุบตัวลงกับโซฟา
ปันดาวส่ายหน้า แต่ก็เห็นว่าเพื่อนกลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้วก็คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
“งั้นฉันกลับนะ เดี๋ยวจะล็อกห้องให้ พรุ่งนี้แกสร่างเมาแล้วก็ไปดูร้านด้วยล่ะ ฉันต้องตามเจ้านายไปเชียงรายหลายวัน เข้าใจนะ”
“อือ…ฮึ”
คนเมารับปากทั้งยังหลับตา ปันดาวส่ายหน้าเห็นว่าคุยไปก็คงไม่รู้เรื่องแน่จึงกลับออกไปจากบ้านของเพื่อนรัก สะบัดศีรษะไปมา เพราะเธอเองก็ดื่มไปหลายแก้ว ดีที่ประคับประคองรถมาส่งเพื่อนถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย
เมริษาเหยียดตัวนอนขดบนโซฟา หนักไปทั้งศีรษะจนลุกไม่ขึ้น แต่เธอก็ยอมรับว่าวันนี้เธอสนุกจริงๆ ตั้งแต่ถูกบอกเลิกไปสองเดือนเต็ม เธอเอาแต่นอนเศร้าเคล้าน้ำตา กินน้ำตาแทนข้าว จนปันดาวที่อกหักล่วงหน้าไปก่อนชวนเธอหาผู้ชายมาดามอก
ก่อนวันเกิดเรื่อง เมริษาเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นสาวเปรี้ยว เฉี่ยว ซ่า ลอกคราบสาวเฉิ่มเชยออกไปไม่เหลือคราบ เพราะอยากหาใครสักคนเข้ามาในชีวิต เผื่อว่าไอ้ความรู้สึกหดหู่ของเธอจะดีขึ้นมาบ้าง หรือบางทีธนาศอาจจะเสียดายเธอจนกลับมางอนง้อขอคืนดีด้วยก็ได้
และเธอก็ทำสำเร็จเพราะคว้าผู้ชายติดไม้ติดมือมาได้จริงๆ ได้แบบไม่คาดฝันด้วย
One night stand!
ไม่รู้ว่าเรียกแบบนี้มันถูกไหม เพราะเธอไม่ได้หิ้วเขามาจากผับ แต่เขามาเคาะประตูหน้าบ้านของเธอเอง
วันนั้นหญิงสาวโผเผออกไปเปิดประตูเมื่อได้ยินเสียงเคาะ ด้วยความเมาจึงคิดว่าชายนิรนามคนนั้นคือคู่หมั้นที่คงเสียดายเธอจนย้อนกลับมาหาอย่างที่ปันดาวบอก
“ธนาศ!” หญิงสาวเบิกตากว้างแล้วโผเข้ากอดรัดเขาแน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความดีใจ “ฮือ…คุณจริงๆ ด้วย คุณกลับมาหาฉันจริงๆ”
“เอ่อ…คือ”
“ฉันสัญญานะธนาศ สัญญาว่าจะไม่ทำตัวน่าเบื่อ ไม่ทำตัวเชยเฉิ่มให้คุณต้องอายใคร ฉันจะไม่หวงเนื้อหวงตัวจนเกินพอดี ฉันจะหัดดื่มเหล้า หัดเที่ยวกลางคืนเหมือนผู้หญิงที่คุณชอบ” หญิงสาวบอกแล้วกอดรัดเขาเอาไว้แน่น
ดูเหมือนคนที่เธอกอดอยู่พยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่เธอไม่สนใจฟัง
“คุณครับ คือ…ผม”
“เริ่มตอนนี้เลยก็ได้นะคะ ฉันจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าฉันทำได้” เมริษายิ้มยั่วยวนทั้งน้ำตา มองจ้องตาผู้ชายตรงหน้าที่น้ำเมาทำให้เธอมองผิดว่าเขาคือธนาศ คู่หมั้น
มือเล็กยุ่มย่ามมาตามตัวเขา และก่อนที่เขาจะบอกว่าไม่ใช่คู่หมั้นเธอ เสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่ก็ถูกกระชากจนขาด กระดุมทุกเม็ดกระเด็นผึงร่วงลงสู่พื้น
“คุณ ผมไม่ใช่…”
ปากได้รูปโดนปิดด้วยปากคนเมา กลิ่นแอลกอฮอร์ฉุนกึกจนกรันย์อยากเบือนหน้าหนี พยายามดึงมือเล็กที่เกี่ยวแน่นบนตัวเขาอยู่ออกแต่หญิงสาวไม่ยอมแพ้ ซ้ำยังต่อว่าเขามากมาย น้ำเสียงเธอแสดงถึงความเจ็บช้ำอย่างที่ทำให้เขาไม่กล้าดิ้นหนี
“อย่าใจร้ายกับฉันนักสิคะ ฉันยอมเปลี่ยนตัวเองขนาดนี้แล้ว ฉันอายนะคะ ไม่ใช่ไม่อาย” เมริษาซุกทั้งปากทั้งจมูกมาบนซอกคอเขา รุนตัวเขาเข้ามาในห้อง
ชายหนุ่มถอยหนี แต่คนตัวเล็กกว่าก็แรงเยอะเป็นบ้า ผลักจนเขาล้มลงไปนอนบนโซฟา
หญิงสาวตาปรือ ยิ้มพอใจ ค่อยๆ เลื่อนมือไปจับชายเดรสรัดรูปสีดำที่สั้นเหนือเข่าของเธอขึ้นแล้วรูดออกทางศีรษะ เหลือเพียงชั้นในตัวน้อยที่แทบปกปิดอะไรไม่มิด
รอยยิ้มของเธอเหมือนรอยยิ้มของหญิงงามเมืองที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังทำให้ผู้ชายสยบอยู่แทบเท้าได้
“คุณ…จะทำอะไรน่ะ” กรันย์ยังมีแก่ใจตาม เหงื่อเขาแตกพลั่กตามขมับทั้งสองข้าง นี่เขาเข้าบ้านผิดหรือเปล่านี่ ถึงได้มาเจออะไรแบบนี้
“ก็ทำให้คุณเปลี่ยนใจไม่ถอนหมั้นฉันไง นังนั่นมันมีอะไรดีเหรอ แก่กว่าฉันตั้งสามปี อ้อ…หรือเพราะมันรวยกว่า ใช่สิ ตอนนี้ฉันกำลังถังแตก พี่ชายโกงเงินบริษัทไปเล่นพนันจนหมด โกงมาเป็นปีๆ แล้วยังโง่ไม่รู้ ฉันมันโง่ งี่เง่า เฉิ่มเชย ไม่มีอะไรดี คุณถึงทิ้งฉัน”
หญิงสาวฟูมฟาย ปากพูดแต่มือยังถอดไอ้สองชิ้นที่ห่อหุ้มตัวอยู่ออกไปจนหมด ทำให้คนมองกลืนน้ำลายขมปร่าลงคอ
สวย…
เขาอดชมออกมาไม่ได้ เมื่อหญิงสาวตรงหน้ารูปร่างสวยเหมือนรูปปั้น รูปร่างเธอพอดี ไม่สูงแต่ก็ไม่เล็ก อกอวบอิ่มกลมกลึงได้รูปสวย เอวคอดสะโพกผาย ซ้ำหน้าตายังสวยยั่วยวนอย่างที่ทำให้ลมหายใจเขาแทบสะดุดเมื่อตอนหญิงสาวลุกมาเปิดประตู
แม่เขาตกลงซื้อบ้านหลังนี้จากลูกหนี้รายหนึ่งในราคาไม่สูงมาก เพราะผู้ชายคนนั้นมากู้เงินของท่านโดยเอาโฉนดบ้านนี้ไปค้ำประกัน แต่ไม่มีปัญญาใช้ทั้งต้นทั้งดอกเลยตัดสินใจขาย ผู้ชายคนนั้นยืนยันหนักแน่นว่าเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ให้เขาเข้าไปได้เลย
แล้วยังไง…เมื่อเขามาถึงปรากฏว่ามีรถจอดอยู่ และมีไฟเปิดอยู่ข้างใน เขาถึงตัดสินใจเคาะห้องดู แล้วก็กลายเป็นนางยั่วคนนี้ ที่พอเห็นหน้าเขาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ตั้งใจจะปล้ำเขาลูกเดียว
เขากำลังคิดว่าตัวเองมาผิดบ้าน
“คุณ ผมคงเข้าบ้านผิด ผม…” กรันย์กลืนน้ำลายเอื้อกเมื่อหญิงสาวเดินมาหยุดตรงหน้าเขา เธอยืนเขานั่งทำให้กลีบกายสาวอวบอูมน่าสัมผัสปรากฏอยู่ใกล้ตำแหน่งจมูกเขาเข้าพอดี
หญิงสาวก้มหน้าลงมาหา ยื่นมือมาดึงมือเขาให้จับเอวเธอไว้
“คุณชอบร่างกายฉันไหมธนาศ”
“คุณ คุณเมานะ มองให้ดีๆ สิว่าผมเป็นใคร” กรันย์พยายามปฏิเสธ แต่พูดขาดๆ หายๆ เพราะหญิงสาวขยับมาชิด คราวนี้เนินเนื้ออวบอูมของหญิงสาวใกล้แค่เพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น
เธอผลักเขาให้นอนลงแล้วตามมาคร่อมตัวเขาไว้
“ฉันไม่ได้กินเหล้าสักหยด”
เหม็นเหล้าขนาดนี้ยังพูดออกมาได้…
กรันย์ส่ายหน้า เขาต้องหยุดเธอให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ถ้าสร่างเมาแล้วเธอรู้ว่าเขาไม่ใช่นายธนาศอะไรนั่น มีหวังเขาอาจจะเป็นคนโดนข้อหาข่มขืนก็ได้
เมริษาทำหน้าขัดใจที่เขาเอาแต่ปฏิเสธ เธอนาบริมฝีปากลงไปหา จูบสะเปะสะปะเพราะถึงจะหมั้นหมายกับเขามาสามปี แต่เธอกับเขาก็ไม่เคยมีจูบแรกด้วยกันเลย
ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากจูบเขาหรอกนะ แต่เป็นเพราะธนาศไม่เคยเริ่มก่อนเลยต่างหากเขาคงคิดว่าผู้หญิงเรียบร้อยอย่างเธอคงกลัวการจูบกับผู้ชาย…
เมริษาคาดเดา และอาจเพราะเหตุนี้เขาถึงได้ไม่รักเธอ
นี่ไง…เธอเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว เธอไม่ใช่เมริษาคนเดิมสักหน่อย
หญิงสาวพยายามสอดปลายลิ้นเข้าไปในขณะที่กรันย์บ่ายหน้าหนีสุดชีวิต ให้ตายเถอะ ผู้หญิงอะไรตัวเล็กนิดเดียวแต่แรงเยอะชะมัด
แล้วนี่…สิ่งที่เธอทำอยู่ เขาเรียกว่าจูบหรือไง
กรันย์ส่ายหน้า หากเขารู้จักเธอสักนิดก็คงจะขอสอนวิชาจูบให้กับแม่สาวใจกล้าคนนี้เสียใหม่และบอกให้เจ้าตัวรู้เสียทีว่าสิ่งที่ทำอยู่เขาเรียกว่าเลีย ไม่ใช่จูบ
เพราะอะไรไม่ทราบได้ กรันย์ไม่ขัดขืน เพราะเขาเองก็อยากรู้ว่าท้ายสุดแล้วแม่สาวคนนี้จะจูบเป็นหรือเปล่า
ลิ้นเล็กป่ายมาบนริมฝีปากเขา กรันย์ส่ายหน้า ต้องอ้าปากอำนวยความสะดวกให้หญิงสาวจึงสอดลิ้นเข้าไปได้ ลิ้นสัมผัสกับความหวานจากปุ่มรับรสบนลิ้นของฝ่ายตรงข้าม เธอแตะแล้วชักออกอย่างขลาดๆ จนชายหนุ่มเป็นฝ่ายทนไม่ไหวต้องเกี่ยวลิ้นตอบ กดศีรษะคนที่คร่อมตัวเขาอยู่ลงแล้วเกี่ยวกระหวัดรัดรึงจนหญิงสาวแทบหายใจหายคอไม่ออก
ดวงตาสีนิลสวยของเมริษาเบิกโพลงอย่างตกใจ แต่พักเดียวก็ต้องหลับตาซึมซับความหวานละมุนจากเขา เธอเพิ่งรู้ว่าจูบมันให้ความรู้สึกดีแบบนี้เอง
“อืม…” หญิงสาวเผลอส่งเสียงครางออกมาด้วยความพอใจ ตอนนี้ร่างเปลือยเปล่าของเธอกำลังร้อนฉ่า ไม่รู้เพราะจูบนั่นหรือเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอร์ที่ดื่มเข้าไปกันแน่
ตอนนี้เธอนั่งทับอยู่บนอกเขา กลีบกายชุ่มฉ่ำแนบไปกับอกเปลือยเปล่าเพราะเธอกระชากเสื้อเขาจนหลุดออกไปตั้งแต่ที่เขายังไม่ก้าวพ้นประตูเข้ามา และเมื่อเธอขยับตัวกรันต์ก็รู้สึกว่าเลือดในกายเขากำลังเดือดพล่านด้วยความตื่นเต้น
เขาควรจะหยุด…