kiss me one more time
ทุ่มทั้งใจยัยจิ้มลิ้ม
“อย่าเงียบ! พูดดิวะ” ผมตะคอกเสียงดัง ด้วยความโมโหถึงขีดสุด มือหนากำหมัดแน่น ส่วนมือที่ถือโทรศัพท์แนบหูก็สั่นด้วยความโกรธ
“ฮึก..ฮึก ฉันขอโทษ ฉันผิดเอง ภีม” เสียงสั่นเครือ แผ่วเบาและสะอึกสะอื้นของยัยผู้หญิงแพศยาจากปลายสาย ผมเกลียด! เกลียดความตอแหล เกลียดคนตีสองหน้า หึ! จำไว้ด้วยว่าเกมนี้ผมไม่ได้เป็นคนเริ่ม ถ้าคิดจะมาไม้นี้ บอกเลยคนแบบผมกัดไม่ปล่อย!!!
“นะ…นาย…นาย! ที่อยู่ตรงนั้นน่ะ ช่วยฉันที ” เสียงเล็กของใครบางคนดึงความสนใจจากผมไป เธอวิ่งมาหาผมด้วยท่าทีรีบร้อน มือเล็กเอื้อมมาจับมือของผมแน่น มือของผู้หญิงคนนั้นชุ่มไปด้วยเหงื่อ ผมหันไปมองร่างเล็กที่กำลังขอความช่วยเหลือ ท่าทางดูลุกลี้ลุกรนแปลกๆ เธอสวมเสื้อที่ดำเปิดไหล่เผยให้เห็นผิวขาวอมชมพู และสวมกางกางยีนส์ขาสั้นเผยเรียวขาขาวเนียน ผมหนาสีกาแฟดัดเป็นลอนคลายๆยาวจนถึงเอวคอดกิ่ว ดวงตากลมโตล้อมด้วยแพรขนตาหนางอน จมูกเล็กโด่งได้รูป ริมผีปากรูปกระจับสีชมพูอมแดงระเรื่อ แก้มใสของเธอน่ามองที่สุดเพราะตอนนี่มันกลายเป็นแดงด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลล์ ปากนิด จมูกหน่อย แมร่งงงงง…น่ารักว่ะ เธอมองหน้าผมสายตาเว้าวอนราวกับต้องการขอความช่วยเหลือ ผมตัดสินใจวางสายทันที แล้วหันไปถามยัยจิ้มลิ้มตรงหน้า
“ช่วยอะไร” ถามเธอนิ่งๆ ยัยจิ้มลิ้มดึงผมไปตรงแถวๆบริเวณสระว่ายน้ำ ซึ่งตอนนี้ทั้งมืดและเงียบเนื่องจากจะห่างจากอาคารที่เราจัดงานปาร์ตี้กันประมาณ 7 เมตรเศษ อ่อ เดี๋ยวเท้าความแปป คือวันนี้วันเกิดผม และผมก็จัดปาร์ตี้เล็กๆชวนเพื่อนที่สนิทมาสนุกกัน แต่ยัยเด็กนี่ผมจำไม่ได้ว่าไปรู้จักตอนไหน
“หมอนั่นมอมเหล้าฉัน…ฉันกลัว มันกำลังตามหาฉัน” เธอหยุดเดินแล้วหันมาพูดกับผม เธอดูกลัวมาก ร่างกายของเธอสั่นเทา พลางชี้ไปที่ผู้ชายรูปร่างสันทัดตัดผมสกรีนเฮดผิวขาวที่ด้อมๆมองๆแถวๆหน้างานปาร์ตี้ซึ่งผมรู้ว่ามันคือใคร
“แล้ว?” ผมหรี่ตามองยัยจิ้มลิ้ม
“พาฉันไปส่งบ้านหน่อย ขอร้อง ฉันอยากกลับบ้านแล้ว” ยัยจิ้มลิ้มทำเสียงอ้อนผม พลางเขย่าๆแขนผมรัวๆ
“แล้วตอนมา เธอมากับใครล่ะ ก็บอกให้มันไปส่งดิ” ผมขมวดคิ้วครู่หนึ่งก่อนจะบอกเธอนิ่งๆ อันที่จริงผมไม่ควรเข้าไปยุ่ง เกิดยัยนี่เป็นผู้หญิงของใคร ผมไปส่งซุ่มสี่ซุ่มห้า เกิดโดนต่อยปากแตกทำไง คงไม่เสี่ยงว่ะ ไม่คุ้ม
“มากับอ้น ไอ้พี่บ้านั่น ก็เมาเป็นหมาไปแล้วไงเล่า” ยัยจิ้มลิ้มเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
อ้นงั้นหรอ หรือว่ายัยนี่คือน้องน้ำปรุงเด็กข้างบ้านที่พี่อ้นพูดถึงบ่อยๆหรือเปล่านะ ว่าแต่หมอนั่นเอายัยนี่มาทำไม ก็น่าจะรู้อยู่ว่าที่นี่มันเถื่อนจะตาย
จุ้ม!!!!
เสียงอะไรวะ!! ผมหันไปทางต้นเสียงก็พบว่ายัยน้ำปรุงนั่งที่บริเวณขอบสระว่ายน้ำแล้วกำลังเอาหัวตัวเองจุ่มลงไปในน้ำ
“เห้ย! ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย” ฉันวิ่งไปอุ้มเธอออกมาจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็วแล้ววางร่างเล็กลงบนเก้าอี้ชายหาดที่วางอยู่ใกล้ตัว น้ำปรุงตัวเปียกไปหมด ผมยกมือขึ้นเสยผมที่ปรกใบหน้าของยัยจิ้มลิ้มออกอย่างทุลักทุเลเพราะยัยนี่มัวแต่ดิ้นไปดิ้นมา
“เมาใช่ไหมเนี่ย” ผมเอ่ยถามตรงๆ สภาพตอนนี้ดูไม่จืด
“ร้อน ฉันร้อนจัง” ยัยเด็กนั่นไม่พูดเปล่าพลันจะถอดเสื้อตัวเอง มือเล็กจับชายเสื้อสีดำแล้วดึงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเห็นชุดชั้นในลายลูกไม้สีดำแนบเนื้อ ผมรีบดึงเสื้อลงแทบไม่ทัน
ให้ตายเหอะ! โคตรขาววว
เห้ย! ไม่ใช่! ใจคอไม่ดีเลยว่ะ
มือเล็กปัดป้ายไปตามเนื้อตัวอย่างเชิญชวน ท่าทางแบบนี้มันอ่อยชัดๆ ผมรีบถอดเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์มาคลุมตัวเธอไว้ ก่อนจะก้มลงแล้วเอื้อมมือเขย่าตัวเธอที่นั่งบนเก้าอี้ชายหาด
“มีสติหน่อย!”
“ร้อนเหมือนจะตายเลย” ยัยนั่นพึมพำด้วยเสียงแหบพร่า เธอขมวดคิ้วแน่น หายใจหอบถี่และกัดริมฝีปากจนเลือดไหลซิบ
ผมว่าอาการแบบนี้ไม่ใช่เมาเหล้าหรอก ผมว่ามันคุ้นๆ
จู่ๆ ยัยนั่นก็ใช้มือทั้งข้างโอบรอบท้ายทอยแล้วดึงผมเข้ามาใกล้จนปลายจมูกของเราสัมผัสกัน ไอร้อน กลิ่นตัวหอมๆและกลิ่นแอลกอฮอลล์จากลมหายใจของยัยนั่น ทำเอาผมใจกระตุกวูบ เกิดมายังไม่เคยเจอผู้หญิงรุกขนาดนี้มาก่อน น่ากลัวว่าจะถอนตัวไม่ขึ้นแล้วละมั้ง เห้ย! ไม่ได้ดิ นี่มันน้องของพี่ ใจเย็น ไอ้เสือ อย่าฉวยโอกาส ผมได้แต่บอกตัวเองให้ใจเย็นๆๆๆ
“เดี๋ยวฉะ…อื้ม” ผมยังพูดไม่ทันจบยัยน้ำปรุงเผยอริมฝีปากเล็กน้อยแล้วค่อยๆประกบริมฝีปากผม เส้นความอดทนของผมขาดสบั้น มือข้างหนึ่งของผมจับที่พนังพิงเก้าอี้ชายหาดไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างหนึ่งผมยกขึ้นมาประคองใบหน้าเรียวเอาไว้ มันเป็นจูบที่ทั้งหวานและร้อนแรง ดูดดื่มเสียจนสติผมกระเจิง ผมจำไม่ได้ว่าเราจูบกันนานเท่าไหร่ รู้แต่ว่าต้องการเก็บเกี่ยวความหวานจากริมฝีปากเล็กนี้เรื่อยๆไม่อยากให้มันจบลง