ถ้าหาก..
“มีน หวัดดี ทำไมวันนี้มาแต่เช้าจัง” จริง ๆ ผมไม่ใช่คนตื่นเช้าอะไรหรอก แต่เพราะผมรู้ว่าต้องเจอเขาที่นี่ ผมจึงต้องรีบมามหาวิทยาลัยแต่เช้า
“เซ้นต์ มึงมานานแล้วเหรอ” ผมยิ้มทักทายเพื่อนในชมรม
“ไม่ เราเพิ่งมา ไปกินข้าวด้วยกันไหม”
“อ้าว น้องเซ้นต์อยู่นี่เองพี่หาตั้งนาน วันนี้ม๊าพี่ทำแซนวิสมาให้ด้วย” ผมกำลังเดินไปโรงอาหารกับเซ้นต์
อยู่ ๆ ก็มีคนเข้ามาทักเขา
“พี่ต้นน้ำ
ขอบคุณนะครับ” เซ้นต์หันมามองหน้าผม
“เออ แม่พี่เขาอุตส่าห์ทำมาให้ มึงไปกินกับเขาเถอะ” ผมบอกเซ้นต์ กับคนชื่อต้นน้ำที่ยิ้มแป้นมาแต่ไกล
“ขอโทษนะ ไว้คราวหน้านะมีน” เซ้นต์ยิ้ม แค่ยิ้มผมก็ยอมทุกอย่างแล้วเปล่าวะ ผมมองดูทั้งสองเดินไปด้วยกัน แมร่งเซ็งว่ะ กูแหกขี้ตาตื่นมาตั้งแต่เช้าทำไมวะ ทั้ง ๆ ที่มีเรียนบ่าย
คนเดียวที่ผมคิดถึงตอนนี้
“พี่แปลนอยู่ไหนอ่ะ”
“กำลังไปโรงอาหาร ทำไมวะ”
“ดีเลย ผมกำลังจะไปโรงอาหารเหมือนกัน พี่มารับผมด้วยดิ”
“อ้าวรถมึงอ่ะ”
“เออ มารับผมก่อนพี่” รถผมก็จอดไว้ที่คอนโดไง กะมาแล้วจะติดรถเซ้นต์ไป วางแผนมาอย่างดี สุดท้ายหมาคาบไปแดก ฤกษ์ไม่ดีเลยเว้ย
ตอนนี้ผมขึ้นรถมากับพี่แปลน ไปโรงอาหาร
“หงุดหงิดอะไรแต่เช้าวะ”
“ช่างเถอะพี่ วันนี้พี่มีเรียนเช้าเหรอ”
“เออ ช่วงนี้กูมีเรียนเช้าทุกวันแหละ”
“เออ เรียนโรงแรมนี่เนอะ ใกล้ฝึกงานแล้วด้วย”
“เออ เลิกกี่โมงอ่ะมึง เดี๋ยวขากลับกูไปส่ง” ผมมองพี่เขาเขี่ยผักออกจากจานผม พี่แปลนรู้ว่าผมไม่กินผักแต่ลืมเวลาไปสั่งทุกทีอ่ะ
“ผมเรียนบ่าย เลิกบ่ายสามอ่ะ”
“เออ เดี๋ยวกูรอ กูจะไปห้องทะเบียนพอดี”
“ไปทำไมอ่ะ”
“กูว่าจะดร็อปไว้ก่อน พอดีกูจะไปออสเตรเลียว่ะ”
“เฮ้ยดีอ่ะ สู้ ๆ นะพี่”
“แล้วเรื่องมึงกับคนที่มึงบอกว่าชอบไปถึงไหนแล้วอ่ะ”
“ยังไม่ถึงไหนเลยว่ะพี่ แมร่งมีคู่แข่งเพิ่มอีกละ เขาน่ารักผมเข้าใจ ใคร ๆ ก็รัก”
“กูยังไม่เคยเจอคนที่มึงชอบเลย น่ารักขนาดนั้น
?
”
“น่ารักมาก ยิ้มทีนี่ละลาย พูดเพราะ เรียบร้อย ชอบทำบุญ ทำกับข้าวได้ด้วยนะพี่” ผมหลับตานึกถึงหน้าเซ้นต์
“ครบขนาดนั้นเชียว เออตรงข้ามกับกูดีเนอะ” พี่แปลนยิ้มจาง ๆ ให้ผม
“แต่มีอย่างนึง
กับข้าวฝีมือพี่อร่อยกว่าแน่นอนผมว่า” เขาไม่ตอบอะไร แค่ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป
เราคุยกันแค่นั้น แล้วพี่เขาก็ไปเรียน ส่วนผมก็ไปห้องสมุด ไม่ได้ไปอ่านหนังสือนะครับ ไปนอนง่วงชะมัด ไม่น่าตื่นมาแต่เช้า
ตอนเย็น
พี่แปลนขับรถมาส่งผมที่คอนโด
“อยู่ก่อนดิ” ผมพูดแค่นั้น แล้วพี่แปลนมองหน้าผม แล้วเดินตามผมมาบนห้อง
หลังจากประตูห้องผมปิด ผมก็ทิ้งกระเป๋าไว้ตรงประตูห้อง แล้วดึงพี่แปลนมาจูบทันที พี่แปลนมีท่าทีตกใจทีแรกและเคลิ้มตามผมในที่สุด ผมก้มลงมาซุกไซร้ที่ซอกคอพี่แปลน ซึมซับกลิ่นหอมจากน้ำหอมยี่ห้อดัง ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเขาออก
“เชี่ย ไม่ให้กูตั้งตัวเลย” พี่แปลนเอ่ยหลังจากที่ผมปลดตะขอกางเกงเขา
“ตั้งตัวอะไร ผมตั้งแล้วเนี่ย พี่แมร่ง..” พี่แปลนดึงดูดผมมากจริง ๆ แค่สายตาเวลาเขามองผมตอนนี้ผมก็มีอารมณ์แล้ว
“ไปที่เตียงได้ไหม คราวก่อนที่โซฟา แมร่งเจ็บหลังว่ะ มึงทำแรง” พี่แปลนก็คือพี่แปลน คิดไงก็พูดงั้น
ผมดึงมือเขาเข้ามาในห้องนอน ระหว่างนั้นเราถอดเสื้อผ้าของตัวเองไปด้วย ไม่มีอะไรต้องอายแล้วระหว่างผมกับเขา
ไม่รู้ว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไร
เมื่อมาถึงเตียง ผมก้มลงจูบพี่แปลนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พี่แปลนผลักผมลงบนเตียงและขึ้นมาคร่อมผม ก่อนจะก้มลงจูบปาก แก้มแล้วค่อย ๆ ลงไปขบเม้มที่ซอกคอ หัวไหล่ และไล่ลงไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดกึ่งกลางลำตัวที่ตอนนี้มันชี้หน้าพี่เขา พี่แปลนก้มลงไล้เลียมันตั้งแต่โคนจงถึงปลาย
“อื้มมม แปลน” ผมเผลอครางออกมา เมื่อเขาครอบครองมันเข้าไปในปาก ผมสอดมือเข้าไปในผมนุ่มสีเทาม่วงพร้อมกับหลับตาปลดปล่อยอารมณ์ไปตามจังหวะที่เขามอบให้ พี่แปลนเก่ง เก่งมาก ส่วนหนึ่งมาจากผมที่สอนเขา ผมเป็นคนแรกของเขา เราร่วมรักกันไม่รู้กี่ครั้ง ไม่ว่าจะจุดอ่อนของเขาหรือของผม เรารู้กันดี
“พะพอก่อน ผมอยากแตกในตัวพี่” เขาผละออก
“ตะแต่วันนี้ อยากทำให้” เสียงพี่แปลนกระเส่าชวนให้หลงใหลมาก ผมยิ้มแล้วนอนลง พี่แปลนขึ้นมาบนตัวผม
“ให้ช่วยก่อนไหม” ผมเอามือไปจับที่ก้นขาวก่อนลูบที่ช่องทาง เขายกตัวขึ้น ก่อนจะก้มลงมาจูบผม ผมเบิกทางให้เขาก่อนจากหนึ่งนิ้วเพิ่มเป็นสองและสาม
“อ๊ะ อื้อ มีน พะพอแล้ว” เขาครางเสียงหวานออกมา ผมดึงมือออก ก่อนที่เขาจะจับของผม แล้วค่อย ๆ กดตัวลงช้า ๆ เข้าไปได้นิดเดียวคนตัวเล็กก็มีสีหน้าเหยเกซะแล้ว ผมเอามือไปกุมของเขาแล้วขยับเบา ๆ ช่วยกระตุ้นอารมณ์ไม่ให้สะดุด
“อืมมมมมมม” เมื่อเข้าไปหมดเขาครางออกมา
“เก่งมากครับคนดี” ผมโน้มตัวขึ้นไปหอมแก้มนวล เขาขยับเป็นจังหวะเมื่อจับจุดกันได้ผมก็ขยับตามสอดรับกับเขา จนอารมณ์ของเราใกล้ถึงจุดสูงสุด พี่แปลนซบลงมากับอกผม ผมเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น จนเสียงครางของเราดังประสานกันไปหมด
“อ๊ะ มะมีน จูบหน่อย” เขาร้องขอ ผมจึงดึงเขาเข้ามาจูบร้อนแรง ผมชอบเสียงพี่แปลน ชอบมองหน้าเขาเวลานี้มาก ๆ
ไม่นานผมกับเขาก็ปลอดปล่อยออกมา
“เชี่ยยย ลืมใส่ถุง” ผมสบถออกมาหลังจากที่ผมปลดปล่อยเข้าไปในร่างเล็ก พี่แปลนนอนหมดแรงอยู่บนตัวผม เขามองหน้าผมก่อนจะหลับตาลง ผมโอบแขนเขาแล้วค่อย ๆ ประคองให้เขานอนดี ๆ เพราะคงสบายกว่า ผมจึงไปอาบน้ำ
“อาบน้ำป่ะ” เมื่อผมออกจากห้องน้ำ แล้วจึงเอ่ยถามคนที่นอนตะแคงหันไปที่ระเบียงห้อง
“ขอเวลาแป๊ป”
“นั่นล่ะ ทำเป็นเก่งจะออนท็อปเป็นไงอ่ะ” ผมนั่งลงข้าง ๆ แล้วแตะที่หน้าผากเขาเช็กดูว่ามีไข้หรือเปล่า โชคดีที่ไม่มี
“เลิกพูดเถอะน่า รำคาญจะนอน” พี่แปลนโวยวายออกมา
เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น
ปรากฏหน้าจอที่ผมไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะโทรมา
“ฮาโหลเซ้นต์
เฮ้ยยยย แล้วมึงเป็นไรป่ะ แล้วมึงอยู่ไหน อยู่กับใคร ได้ ได้ เดี๋ยวกูรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ” ผมรีบพูด คนข้าง ๆ หันหน้ามามองผม
“พี่แปลน ผมมีธุระอ่ะ พี่นอนพักไปเลยนะ ถ้าพี่จะกลับล็อกห้องเลยนะ”
“มีน ใครโทรมาเหรอ” เขาถามออกมา
“ไว้ผมกลับมาเล่านะ”
“มีนไม่ไปได้ไหม ขอแค่คืนนี้คืนเดียวนะ” พี่แปลนจับมือผม
“ไม่เอาดิพี่แปลน เดี๋ยวเขารอ” ผมดึงมือเขาออก
“แต่กูไม่เคยขออะไรมึงเลยนะ กูขอแค่คืนนี้”
“ไม่เอาน่าพี่แปลน ไม่งอแงดิ ไปก่อนนะ” ผมก้มลงจูบที่หน้าผากเขาแล้วรีบออกไป
เซ้นต์โทรมาบอกว่ารถเสีย แถว ๆ มหาวิทยาลัย
เลยคิดว่าผมน่าจะช่วยได้ แต่ผมกลับดีใจมากที่เขาคิดถึงผม ผมรีบขับรถไปหาเซ้นต์
“มีน ขอบใจนะ เรานึกถึงใครไม่ออกจริง ๆ”
“เออ ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูโทรเรียกช่างให้”
พอช่างมาผมเลยชวนเซ้นต์มาหาอะไรกินก่อน เพราะนี่ก็จะสองทุ่มแล้ว
“ขอบใจอีกครั้งนะมีน ถ้าไม่ได้มีนเราแย่แน่ๆ”
“ขอบคุณอะไรเยอะแยะวะ” ผมยิ้ม
“มีนไม่กินผักเหรอ” เซ้นต์มองผักในชามผม
“ใช่ ไม่กินอ่ะ”
“มา เรากินให้” เซ้นต์ตักผักในจานผมไปแล้วกินเคี้ยวจนแก้มตุ่ย
“กินเหมือนกระต่าย” ผมมองหน้าเซ้นต์แล้วยิ้มออกมา
“แก้มเราออกใช่ไหม เราอ้วน” เซ้นต์เอามือปิดแก้มแล้วทำหน้าบึ้ง
“อ้วนแหละดี น่ารักดี” ผมพูดแบบนั้น เซ้นต์มองหน้าผม
“มะหมายถึง อ้วนก็ไม่เห็นเป็นไร” เกือบไปแล้วไหมล่ะ ผมยังไม่อยากให้เซ้นต์รู้ความรู้สึกของผม เพราะกลัวเขาจะเปลี่ยนไป ให้ผมมั่นใจอีกนิดผมจะบอกเขาแน่ ๆ ความรู้สึกของผม
“มีนใจดีกว่าที่เราคิดไว้มาก”
“ทำไมอ่ะ กูดูใจร้ายเหรอ”
“ก็ไม่ขนาดนั้น แต่ทีแรกที่เราเจอมีน มีนดูไม่น่าไว้ใจ”
“ฮ่า ๆ ยังไง”
“มีนดูแบบ กวน ๆ ชอบแกล้ง แล้วก็ทะลึ่ง” เซ้นต์ก้มหน้าแล้วพูด แก้มเขาดูแดงนิด ๆ
“มึงว่ากู”
“เราเปล่า ตอนนั้นแรก ๆ ที่เราเจอมีนที่ชมรม เรายังไม่ได้คุยกันไง”
“คุยแล้วก็รู้สึกดีใช่ป่ะ หรือเหมือนเดิม”
“ดีสิ ดีมาก ๆ มีนใจดี แล้วก็ดูแลเราดี” ผมยิ้ม โคตรดีใจเลยว่ะ เขารู้สึกดีกับผม
“เนี่ยแล้วยิ้มแบบนี้ ก็ ก็”
“ก็อะไร”ผมยื่นหน้าไปใกล้ ๆ เขา
“ก็ หล่อ” เขาเงยหน้าตอบ
ผมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แล้วรีบเดินไปจ่ายตังค์ กลัวเซ้นต์จะเห็นว่าผมเองก็หน้าแดงเหมือนกัน
ผมขับรถมาส่งเซ้นต์ เอารถ เพราะช่างโทรมาบอกว่าเสร็จแล้ว
“วันนี้ขอบคุณมากนะมีน ถ้าไม่ได้มีนเราแย่แน่ ๆเลย”
ผมพยักหน้าให้ “เออเซ้นต์ ถามไรหน่อยดิ”
“ว่าไง”
“พี่ต้นน้ำคนที่เจอเมื่อเช้าอ่ะ เขาเป็นอะไรกับเซ้นต์เหรอ”
“พี่ต้นน้ำอ่ะเหรอ เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่าน่ะ เลยสนิทกัน
ทำไมเหรอ” สบายใจละกู ไม่ใช่แฟน แสดงว่าผมยังมีสิทธิ์อยู่
“ปะเปล่า แค่ถามดู”
“จ้า งั้นเรากลับก่อนนะ ดึกแล้วเดี๋ยวแม่ห่วง มีนก็ลับดี ๆ นะ ขอบคุณอีกทีนะ”
“ถ้าขอบคุณอีกทีกูจะตามไปนอนบ้านมึงแล้วนะ” ผมพูด เซ้นต์ยิ้มให้ก่อนจะขึ้นรถ
“มีน”
“ว่า”
“ถึงบ้านแล้วโทรบอกด้วยนะ เราเป็นห่วง” ผมพยักหน้าให้เขา เซ้นต์พยักหน้าตอบแล้วขับรถออกไป
ผมขึ้นรถ
“เชี่ยยยยยย ดีใจสุด ๆ เลยเว้ยยยยย” ผมตะโกนออกมา พอผมขับกลับมาที่คอนโด พี่แปลนก็ไม่อยู่แล้ว
ทั้งห้องเงียบสนิท มีโพสอิทที่ตู้เย็น บอกว่ามีข้าวไข่เจียวบนโต๊ะกินข้าว ผมเดินไปเปิดฝาชี แล้วยิ้มออกมา อย่างนี้ทุกทีเลยสินะ ไม่พูดแต่ทำให้
จริง ๆ ผมกับพี่แปลนรู้จักกันตอนที่ผมเข้ามหาวิทยาลัย ตอนไปเที่ยวนั่นล่ะ เรามีไลฟ์สไตล์อะไรหลายอย่างคล้ายกัน แต่เราทั้งคู่ยังไม่อยากมีแฟน เคยตกลงวันไนท์สแตน เราต่างคนต่างเคยมีอะไรกับผุ้ชายครั้งแรกก็นะติดใจกันเป็นธรรมดา
เลยตกลงเป็นแค่คู่นอนกันก่อน โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าวันนึงใครเจอคนที่ใช่ การเป็นคู่นอนก็จะจบ กติกาง่าย ๆ ที่ใครก็ทำกันเปล่าวะ เรื่องปกติ พี่แปลนดูแลผมดี ผมก็ดูแลพี่แปลนบ้างตามโอกาส เราไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว
ไม่หึงหวงเหมือนแฟนมีแค่สัมพันธ์ทางกายและความผูกพันปีกว่าเท่านั้น
จนไม่นานมานี้ผมเจอเซ้นต์
ที่บังเอิญมาอยู่ชมรมเดียวกันตอนผมขึ้นปี2
ผมตกหลุมรักรอยยิ้มนั่นตั้งแต่แรกเห็น รอยยิ้มที่สดใส เหมือนดวงอาทิตย์
“ถึงบ้านแล้วนะครับ” ผมโทรไปบอกเซ้นต์
“จ้า เราก็ถึงแล้วเหมือนกัน”
“ดีแล้ว รีบพักผ่อนนะ”
“มีน พรุ่งนี้เช้ามากินข้าวกับเรานะ เราอยากเลี้ยงขอบคุณที่ช่วยอ่ะ”
“ได้ดิ เจอกันนะ”
“ฝันดีนะมีน”
“ฝันดี” ผมวางโทรศัพท์แล้วยังมองรูปที่ผมแอบถ่ายเขามาในโทรศัพท์ มีความสุขมาก ๆ
นี่สินะความรัก ใจผมไม่เคยเต้นแรงแบบนี้มาก่อน
ผมกินข้าวไข่เจียว ก่อนจะไปอาบน้ำ แล้วเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำเพื่อผมจะได้ไปเจอกับเซ้นต์
วันนี้ผมตื่นตั้งแต่เช้า
“ฮาโหลเซ้นต์ กูรอที่โรงอาหารแล้วนะ”
“ได้ เรากำลังไป” ผมมานั่งรอที่ร้านที่เซ้นต์ชอบกิน ผมรู้ว่าเขาชอบกินอะไร ที่ไหน ชอบสีอะไร ชอบไปเที่ยวไหน ผมรู้หมด
วันนี้ผมตั้งใจว่าจะสารภาพกับเขา จะบอกทุกความรู้สึกที่เก็บมาตั้งแต่ต้นเทอม
“หวัดดีมีน” เสียงหวานที่ผมคุ้นเคยดังขึ้น ผมหันไปมอง แต่ต้องชะงักไป
“เออ”
“เพิร์ธนี่พี่มีนเพื่อนเขา ที่เขาเล่าให้ตัวเองฟังไง” เด็กนั่นสวัสดีผม
“มีนนี่เพิร์ธ แฟนเรา เป็นน้องเราปีนึงอ่ะ” เซ้นต์แนะนำอย่างอาย ๆ ผมยิ้มเจื่อน ๆ ให้พวกเขา
หลังจากนั้นพวกเราก็ไปสั่งมาข้าวมากิน ผมไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่มองพวกเขาสองคนหยอกล้อกัน เล่นกัน เซ้นต์ดูมีความสุขมากเมื่ออยู่กับไอ้เด็กนั่น ทั้ง ๆ ที่มันก็กวนตีนใช่ย่อย
“ขอบคุณพี่มากนะครับ ที่ช่วยพี่เซ้นต์เมื่อวาน พอดีผมไปค่ายอาสาเพิ่งกลับมาเลยไปได้ไปหาเขา” เพิร์ธพูดขึ้นเมื่อเซ้นต์เดินไปซื้อน้ำ
“เออ มึงคบกับเซ้นต์นานยังวะ”
“โหพี่ ตั้งแต่ผมเรียนม.ปลายอยู่เลย กว่าจีบพี่เขาได้ยากมากอ่ะ คนอะไรใจแข็งชะมัด” มันตอบและหัวเราะออกมา
“กูไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเซ้นต์มีแฟน”
“ผมเป็นคนขอไม่ให้พี่เซ้นต์บอกใครเองแหละ กลัวเรทติ้งเดือนคณะของพี่เขาตกอ่ะ”
“แล้วมึงไม่หวงเหรอ เซ้นต์น่ารักนะมึง”
“หวงดิ แต่ผมไว้ใจพี่เขาอ่ะ” หล่อสาดดดดเลยนะ คำตอบมึง ผมพยักหน้าก่อนจะก้มเล่นมือถือต่อ ยังไม่ได้สารภาพรักก็อกหักซะแล้วกู
หลังจากที่ผมแยกกับทั้งสองคน ใจผมตอนนี้ก็ไม่เป็นอันทำอะไร มันเหมือนไม่มีแรงไปหมด
ผมโทรหาพี่แปลน
“เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่ค่ะ”
เชี่ยยยยไปไหนวะ ปกติเขาไม่เคยไม่รับโทรศัพท์ผมนี่หว่า
ผมนั่งคิดว่าเวลาแบบนี้เขาจะไปไหน ผมหยิบกุญแจรถแล้วขับไปที่คณะ ไปเจอเพื่อนพี่เขา เขาบอกว่าพี่แปลนดร็อปเรียนไปแล้ว ใช่นี่หว่าเขาบอกผมว่าเขาจะไปออสเตรเลีย แต่มันจะกะทันหันขนาดนั้นเลยเหรอ
ผมกลับขึ้นมาบนรถ
นึกถึงเมื่อคืน
“มีนไม่ไปได้ไหม ขอแค่คืนนี้คืนเดียวนะ”
“แต่กูไม่เคยขออะไรมึงเลยนะ กูขอแค่คืนนี้”
เชี่ยเอ้ยยยยยยยยยยยยยยยย ทำไมนึกไม่ถึงวะ
ผมขับไปที่สนามบิน ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพี่แปลนเลย ไม่รู้ว่าเขาไปวันนี้จริงไหม เวลาเท่าไร หรือแม้กระทั่งออกเกทไหน แต่ผมก็ยังอยากจะไปเผื่อว่าอาจจะเจอพี่แปลน
ผมไปถึง ผมก็วิ่งเข้าไปในสนามบิน วิ่งไปอย่างไร้จุดหมาย
“มีน” ผมได้ยินเสียงหนึ่งเรียกผม
ผมหยุดและหันไปมอง เป็นผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนนึง
“นะน้องมีน ใช่ไหมคะ”
ผมมองหน้าเขา
“พี่เป็นพี่สาวแปลนค่ะ”
ผมยิ้ม
“พี่แปลนล่ะครับ” ผมจับแขนพี่เขาอย่าร้อนรน
“แปลนเพิ่งเข้าเกทไปเมื่อกี้นี้ค่ะ” ผมมองเข้าไปที่ประตู
“ไม่ทันแล้วเหรอครับ” ผมหมายถึงแบบนั้นจริง ๆ หมายถึงว่ากว่าผมจะรู้ใจตัวเองก็ไม่ทันแล้วเหรอ
“แปลนฝากนี่ไว้ให้น้องมีนค่ะ” เขายื่นสมุดโน้ตให้ผม
ผมรับมา แล้วเขายิ้มให้ผมจางๆ รอยยิ้มที่คล้ายพี่แปลนนั่นทำให้ผมไหววูบในใจ
“ดีใจที่มานะคะ แปลนบอกว่าน้องมีนอาจจะไม่มาก็ได้ พี่อาจจะต้องไปฝากที่คอนโด”
“ขอบคุณครับ”
ผมกอดสมุดนั้นไว้แน่น แล้วขับรถกลับมาที่คอนโด
ผมกลับมาด้วยความรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก ผมไม่รู้ว่าผมเสียใจที่เซ้นต์มีแฟน หรือว่าที่พี่แปลนหายไป แต่ในเวลานี้ผมเจ็บจิ๊ดที่หัวใจ ผมไม่รู้ว่าเป็นอะไรเพราะไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
มีน
ถ้ามึงได้อ่านสมุดนี้แสดงว่าพี่กูคงมาฝากสมุดให้มึงที่คอนโดแล้ว
ไม่ใช่ครับ ผมไปรับมาเอง
กูขอโทษว่ะ ที่ไม่ได้ลามึงด้วยตัวเอง
ขอบคุณมากตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน กูมีความสุขนะเว้ย
ผมก็เหมือนกัน
มึงทำให้กูคิดอะไรได้หลายอย่าง กูได้เป็นตัวเอง ได้ยิ้ม ได้หัวเราะเวลาที่อยู่กับมึง
ผมก็เหมือนกัน
กูได้รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร บางทีกูอยากออกไปทำอะไรด้วยตัวเองบ้าง เหมือนที่มึงเคยบอกว่ากูทำอะไรได้หลายอย่าง มึงทำให้กูกล้าที่จะออกไป แต่กูก็ยังอยากเป็นเชฟอยู่นะเว้ย กูมีความสุขเวลาที่มึงกินอาหารของกูแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
ผมก็อยากกินฝีมือพี่อีก พี่แปลน
แต่
แต่กูทำตามที่มึงบอกกูไม่ได้ ขอโทษว่ะ มึงเคยบอกกูว่าเราอยู่แค่ความสัมพันธ์ทางกาย ไม่หึงหวง ไม่รับรู้เรื่องส่วนตัว แต่ว่ากูทำไม่ได้ กูรู้เรื่องของคนที่มึงรักแล้วกูเจ็บว่ะมีน กูไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น แค่วันแรกที่มึงบอกว่าเขาเป็นพระอาทิตย์สำหรับมึง โลกของกูก็มืดลงแล้ว
พี่แปลนครับ ผมขอโทษ
กูทำตามสัญญาไง มึงบอกว่าถ้าวันนึงเราเจอคนที่ใช่ ความสัมพันธ์ของเราจะจบลงและกูอยู่ให้ถึงวันนั้นไม่ได้ กูรอให้มึงหันหลังไปจากกูไม่ได้ กูเลยเลือกที่จะหายไปดีกว่า กูขอโทษ
ผมขอโทษ
ผมรู้สึกว่าตอนนี้ขอบตาผมเริ่มร้อนผ่าว
ผมเปิดสมุดนั้น หน้าต่อ ๆ มารูปต่างๆ ของเรามันยิ่งตอกย้ำว่าตลอดเวลาผมโง่มาตั้งนาน โง่ที่ไม่เคยรู้ความรู้สึกของตัวเองจนเขาหายไป
ผมเปิดรูปไป เรื่อย ๆ จนหน้าสุดท้าย ก็เจอกับรูปนึง
.
.
.
.
.
กูขอโทษ...กูรักมึงนะมีน
น้ำตาผมไหล
ผมวางสมุดลง เอามือปิดหน้าแล้วร้องไห้ออกมา ผมรู้แล้ว ผมรู้แล้วครับพี่แปลน ผมก็รักพี่เหมือนกัน ผมขอโทษที่ผมเพิ่งรู้ว่ารักพี่ขนาดไหน วันที่พี่หายไป
ถ้าหาก...
ผมย้อนเวลากลับไป
ผมจะรักษาเขาเอาไว้ จะบอกรักเขา จะกอดเขาเอาไว้ให้แน่น ๆ ไม่รอบอกตอนที่เขาทิ้งผมไปแล้ว
ผมก็รักพี่ มีนรักแปลนนะ..
Plan part
กว่าผมจะตัดสินใจมาที่นี่ ผมคิดนานอยู่เหมือนกัน เพราะว่าผมไม่เคยจากบ้านไกล ๆ เลยและไม่เคยใช้ชีวิตคนเดียว แต่ครั้งนี้ผมรู้สึกว่าเราต้องก้าวไปข้างหน้าสักที
ไม่ใช่แค่เรื่องของมีนหรอก แต่เรื่องต่าง ๆ ในชีวิตของผมด้วย ผมไปปรึกษาแม่ เพราะปกติแล้วแม่รู้ทุกเรื่องในชีวิตผม ยกเว้นเรื่องของมีน ผมเคยถามแม่เล่น ๆ ว่า ถ้าวันนึงผมชอบผู้ชายขึ้นมาแม่จะทำยังไง แม่ผมตอบว่า ก็ไม่ทำยังไงเพราะเรื่องของความรักไม่ได้เอาเพศมาตัดสิน ผมคิดว่าผมโชคดีนะที่มีครอบครัวที่เข้าใจ
แต่แม่คงไม่เปิดกว้างขนาดที่รับได้ว่าผมคบกับไอ้มีนแค่เรื่องความสัมพันธ์ทางกายเท่านั้น
จริง ๆ ผมชอบมันตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ก่อนที่เราจะมีอะไรกันซะอีก ผมไม่เคยมีแฟนแต่ก็ไม่ได้โง่ขนาดที่ไม่รู้ว่ารักคืออะไร วันที่เราเมาแล้วมีอะไรกัน ผมคิดว่าตื่นมาแล้วจะบอกมันว่าชอบ แต่พอตื่นมา ไอ้มีนดันบอกขึ้นมาก่อน ว่ามันไม่อยากมีแฟน ไม่อยากผูกมัดกับใครตอนนี้ อยากมีแต่สัมพันธ์ทางกายเท่านั้นผมก็ได้แต่เลยตามเลยเพราะอย่างน้อย ๆ ผมก็ได้อยู่กับมัน เก็บคำว่ารักไว้ดีกว่าถ้าพูดไปแล้วคนฟังไม่สนใจ
ผมเป็นคนแบบนี้ อาจจะเป็นคนคิดแปลก ๆ แต่ผมคิดว่าถ้าเราทำอะไรแล้วมีความสุขก็ทำไป แต่ถ้าเราจะทำอะไรแล้วรู้ว่าผลที่ตามมาคือความทุกข์ ผมจะไม่ทำ
แล้วยิ่งเวลาผ่านไป ผมผูกพันกับมันมากขึ้นจนผมรู้สึกว่า ผมรักมันจนเกินกว่าจะเป็นแบบนี้อีกแล้ว มันก็ดันมาบอกอีกว่า เจอคนที่ชอบแล้ว ชื่อเซ้นต์ อยู่ชมรมเดียวกัน ผมจึงคิดว่าควรหยุดความสัมพันธ์แบบนี้ของเราสักที เพราะผมไม่สบายใจอีกแล้วในการอยู่ในสถานะแบบนี้
แต่ลึก ๆ แล้วเจ็บแหละ คนที่เรารักไปรักคนอื่น
คนที่นอนกอดกัน บางครั้งเขาคิดถึงคนอื่น แย่ว่ะ ผมไม่ควรทนกับสภาพแบบนี้ ผมจึงเลือกเดินออกมาเอง เพราะถ้าวันนึงไปเห็นกับตาว่ามันคบกับคนที่มันรักผมคงทนไม่ได้
ผมเห็นข้อความแล้วแหละ ว่ามัน ส่งมาว่ารักผมเหมือนกัน ทั้งในไลน์ ใน
ig
ในเฟส ทุกช่องทางที่มันจะติดต่อผมได้ เพราะโทรศัพท์ผมเปลี่ยนซิมใหม่
ทีแรก ๆ ผมไม่คิดจะเชื่อมัน เพราะคนเราอาจจะแค่รู้สึกว่าเสียดายสิ่งที่เคยมี
ความสำคัญที่เคยได้
พอขาดไปเลยรู้สึกแปลก ๆ แต่พอมันยิ่งส่งข้อความมาทุกวัน
ว่าคิดถึง อยากกินอาหารฝีมือผมอีก อยากอยู่ด้วยกัน นอนกอดกัน คนที่รักมันอย่างผมก็ต้องใจอ่อนเป็นธรรมดา
ผ่านมา 3 เดือน ผมอ่านแต่ไม่ตอบข้อความของมัน จนวันพรุ่งนี้วันเกิดมันผมคิดว่าจะกลับไปเซอร์ไพร์สมันที่ไทย
เมื่อความรู้สึกของเราตรงกัน ผมก็อยากบอกกับมันเองต่อหน้าเลยจะดีกว่า ไม่อยากหนีอีกแล้ว
จริง ๆ กำหนดการคือมา 1 ปี แต่ช่วงนี้หยุดซัมเมอร์ กลับบ้านได้เดือนนึง
วันที่ 3.03.
XX
ตอนนี้ผมมายืนหน้าคอนโดของไอ้มีนแล้ว
ผมยังเก็บคีย์การ์ดที่มันเคยให้ไว้อยู่
ผมเปิดประตู เข้าไป กับภาพที่เห็น
ไอ้มีนกำลังกอดกับผู้ชายคนนึงอยู่
ปั้ง
!!!
ผมปิดประตูอย่างแรง
“พี่แปลน”
“มึงยังจำกูได้อยู่เหรอ” ผมเดินเข้าไปหามัน
“พี่กำลังเข้าใจผิดนะ พี่ฟังผมก่อน” ผมมองหน้ามัน แล้วก็ผู้ชายร่างบางอีกคน
เขาสูงกว่าผม อาจจะสูงพอ ๆ กับมีน ขาว จัดว่าน่ารัก ปากก็แดง ๆ
“งั้นมึงอธิบายมา”
“พี่แปลนนี่เซ้นต์” มีนแนะนำ ชื่อนั้น มันทำให้ผมเลิกคิ้วสูง และหันไปมอง ในใจผมเต้นรัวแล้วตอนนี้
“เซ้นต์นี่พี่แปลน ปะเป็น” เสียงมันตะกุกตะกัก
“สวัสดีครับ พี่คงเป็นแฟนมีนใช่ไหมครับ พะพี่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับ ผมแค่มายืมกีต้าร์มีนครับพอดีจะไปเล่นให้แฟนในวันเกิด แล้วเมื่อกี้ผมจะล้ม มีนเลยมาช่วย” ผมพยักหน้า แต่อารมณ์ก็ไม่ได้เย็นลงเท่าไร ผมยังไม่เชื่อ ไม่เชื่อใจใครทั้งนั้น ผมเชื่อที่ผมเห็นก่อน และถ้ามีนบอกกับเซ้นต์อย่างมั่นใจออกไปว่าผมเป็นแฟน ผมจะรู้สึกดีกว่านี้
“อ๋อ เหรอ แล้วกีต้าร์คนอื่นไม่มีไง แล้วน้องบังเอิญมายืมกีต้าร์วันเกิดมันพอดีเลยเนอะ” ผมยิ้ม
“อ้าว วันนี้วันเกิดมีนเหรอ ขอโทษนะเราไม่รู้” เซ้นต์หันไปถาม มีนยิ้มจาง ๆให้เซ้นต์ นั่นยิ่งทำให้ผมอารมณ์ครุกครุ่นขึ้นมาอีก
“ที่จริงพวกมึงไม่ต้องมาบอกอะไรยืดยาวให้กูฟังหรอกนะ พวกมึงจะทำอะไรก็แล้วแต่เถอะ ที่กูกลับมาเนี่ยเพราะกูจะมาอวยพรวันเกิดมึงเฉย ๆยังไงก็ขอให้มึงโชคดีแล้วกันมีน” ผมกำลังจะเดินออกจากห้อง
“พี่แปลน เดี๋ยวพี่ ผมกับเซ้นต์ก็อธิบายขนาดนี้แล้ว พี่ยังไม่เชื่ออีกเหรอ” มีนดึงมือผมไว้
“กูเชื่อ กูเชื่อน้องเขา แต่กูไม่เชื่อมึง” ผมตะคอกออกไป
“แล้วพี่จะให้ผมทำยังไงวะ” มีนก็ตะคอกกลับมา ทั้งมันและผมเป็นคนอารมณ์ร้อนทั้งคู่
“มึงก็ไม่ต้องทำยังไงมีน มึงก็แค่ปล่อยกูไป”
“ผมไม่ปล่อย”
“แล้วมึงจะเก็บกูไว้ทำไม
แค่คนที่มีไว้เอา อย่างมึงไปเอาใครก็ได้มั้ง” ผมหันไปมองหน้าเซ้นต์
“เซ้นต์ไม่เกี่ยว อย่าไปพาดพิงใคร”
“ห่วงกันจริงนะมึง
เออ ถ้างั้นก็ได้ กูจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
ก็ดีเหมือนกัน เวลามึงไปเอาคนอื่นกูก็มีสิทธิ์ไปเอากับคนอื่นเหมือนกัน เพราะกฎของเราคือไม่ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของกันและกันถูกไหม” ผมยิ้มให้มัน
“พี่แปลน” มีนกัดฟันแน่น เหมือนกลั้นอารมณ์โกรธเอาไว้
“แฟร์ดีไหม มึงเอาคนอื่นได้ กูก็ไปให้คนอื่นเอากูได้เหมือนกัน”
เพี๊ยะ
!
เสียงฝ่ามือปะทะที่แก้มของผม จนหน้าผมหันไปอีกทาง
ตอนนี้ทั้งหน้าและใจผมชาไปหมดแล้ว
“มีนใจเย็น ๆ ก่อน” เซ้นต์เดินมาจับมือมีนเอาไว้
ผมเงยหน้าขึ้นมามองมีนที่หน้าเสียขึ้นมาทันที ผมเห็นน้ำตาของมันเอ่อที่ดวงตาฉายแววรู้สึกผิด
“ไอ้มีน” ผมเดินเข้าไปหามัน จังหวะเดียวกับที่เซ้นต์เดินเข้ามาห้าม
เพี้ยะ
!
ผมตบหน้าเซ้นต์ จนเขาล้มลง แก้มขาวนั่นขึ้นรอยมือห้านิ้ว
“เซ้นต์” มีนลงไปช่วยเซ้นต์
ผมมองทั้งสองคน แล้วกำมือแน่น
“น้องรู้ไหม บางทีการเป็นคนดีของน้องมันก็น่าหมั่นไส้” ผมบอกออกไป
“พี่แปลน พอได้แล้ว” มีนตะโกนบอกผม จังหวะเดียวกับที่เซ้นต์ลุกขึ้นมา มองหน้าผมสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ผมขอโทษครับ ผมเข้าใจพี่นะ ถ้าผมเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกัน ผมไม่โกรธพี่หรอก ผมรู้ว่าพี่หึง” ไอ้เด็กนี่ทำผมถอนหายใจออกมา ผมรู้ว่าผมผิด
“มึงรีบกลับห้องไปหาผัวมึงไป” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นลง
เซ้นต์สวัสดีผมอีกครั้ง แล้วหยิบกีต้าร์ กำลังจะเดินออกจากห้อง
“เซ้นต์” ผมเรียกเขา เขาหันกลับมา
“กูไม่ขอโทษหรอกนะ เพราะกูตั้งใจ”
“ครับ ผมเข้าใจ” ยังมีหน้ามายิ้มหวานให้ผมอีก มันก็น่ารักชวนหลงจริง ๆ นั่นแหละ
หลังจากที่เซ้นต์กลับไป ทั้งห้องก็เงียบลง
“พี่แปลน ผมขอโทษ” มีนเดินเข้ามาจับที่แก้มขอผม
ผัวะ
!
ผมต่อยไอ้มีนจนล้มลง
มุมปากของมันมีเลือดซิบ
“นี่สำหรับ การที่กูรีบกลับมาแล้วมาเห็นอะไรเหี้ย ๆแบบนี้”
“ผมขอโทษ แต่ผมยืนยันว่าผมกับเซ้นต์ไม่ได้มีอะไรกันจริง ๆ” มีนคุกเข่าตรงหน้าผม
“กูเชื่อมึงนะมีน กูเชื่อมึงที่มึงบอกว่ารักกู กูเชื่อตัวหนังสือพวกนั้นที่มึงบอกกูทุกวัน กูอยากตอบมึง กูก็อยากกอดมึง
กูก็อยากบอกว่ากูคิดถึงมึงเหมือนกัน กูอยากกลับมาบอกมึงด้วยตัวเองมีน แต่พอกูกลับมา กูเห็นอะไรรู้ไหม ไม่ใช่แค่มึงที่กอดกับมัน มึงรู้ไหม มึงรู้อะไรไหม สายตาที่มึงมองมันเป็นยังไง”
“พี่แปลน” มีนลุกขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้ผม และกอดผมแน่น ผมร้องไห้ ผมรู้ ผมไม่สามารถทนอะไรได้อีกแล้ว ผมไม่ใช่คนเข้มแข็งก็แค่ทำตัวเข้มแข็งเท่านั้น
“กูไม่น่าเชื่อมึงเลย กูไม่น่ากลับมาเลย กูมันโง่เอง กูคิดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมามึงจะรักกูเหมือนที่กูรักมึงบ้าง”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะพี่แปลน” มีนประคองใบหน้าผมไว้ น้ำตาผมยังหยดลงมาเรื่อย ๆ
ผมลูบที่แก้มมัน เบา ๆ แล้วจ้องตาของมัน
“สายตาที่มึงมองมันเป็นสายตาที่กูไม่เคยได้รับจากมึงเลยมีน” ผมหลับตาลง
มีนก้มลงมาจูบผม เราซึมซับจูบของกันและกัน ผมเอื้อมมือไปกอดคนตรงหน้าเอาไว้แน่น ผมรู้
ผมแพ้มันแล้ว และไม่มีวันชนะคนอย่างมัน
หลังจากผ่านพายุของอารมณ์ไปแล้ว
ผมนอนอยู่บนแขนของมีนที่เตียงของมัน
“ผมต้องทำยังไง พี่ถึงจะเชื่อ ว่าผมรักพี่จริง ๆ”
“มึงไม่ต้องทำอะไรหรอก” ผมหันไปบอกมัน
“อย่าพูดแบบนี้ อย่าพูดเหมือนจะทิ้งผมไปอีก” เขาหันมามองหน้าผม
“กูก็อยากไป อยากไปไกลๆ ไปให้พ้นจากมึงเลยยิ่งดี ผมลุกขึ้นมา แต่กูคงไปไหนไม่รอดหรอกว่ะ” ผมก้มลงเอามือปิดหน้า “กูมันโง่เองที่รักมึงตั้งแรก กูมันโง่เองที่ให้มึงไปทั้งหมดที่กูมี กูมันโง่ที่รักคนโง่ ๆ อย่างมึง”
มีนกอดผมจากด้านหลังแล้วเอาหน้าแนบที่หลังผม
“งั้นก็ไม่ต้องไปไหน อยู่ด้วยกัน แปลนอยู่กับมีนนะ มีนอยากตื่นมาเจอแปลนทุกเช้า อยากกินกับข้าวฝีมือแปลน อยากไปเที่ยวด้วยกัน ก่อนนอนมีนก็อยากกอดแปลนแบบนี้ อย่าทิ้งมีนไปอีกนะ” ผมสัมผัสถึงความเปียกชื้นที่อยู่บนหลังผม “ตอนที่ไม่มีแปลนอยู่ มีนไม่รู้จะอยู่ยังไง มันเหงาไปหมด มันเหมือนมีอะไรขาดหายไป ใช่ มีนอาจจะชอบเซ้นต์มาก มีนเป็นห่วงเซ้นต์ มีนชอบเวลาเขายิ้ม มีนดีใจที่เขาคุยกับมีน แต่มีนไม่เขามีนอยู่ได้ แต่มีนไม่มีแปลน มีนอยู่ไม่ได้ ถ้าแปลนไม่เชื่อว่ามีนรักแปลน ถ้าแปลนคิดว่ามีนรักเซ้นต์ แปลนเชื่อแบบนั้นไปก็ได้ แต่อย่าทิ้งมีนไปอีกก็พอ”
ผมหันกลับไปหามีน เราสองคนกอดกันเอาไว้
เป็นอ้อมกอดที่ผมรู้สึกว่าไม่ใช่แค่แขนเราเท่านั้นที่กอดกัน แต่หัวใจของเราก็กอดกันด้วย
“อยู่กับมีนตลอดไปนะ” เขาเอาหน้าผากมาชนกับหน้าผากผม เราสองคนหลับตาลง ผมยิ้มออกมาจาง ๆ
“สุขสันต์วันเกิด แปลนรักมีนนะ”
The end