สามีส้มหล่น
โปรย
“หายไปไหนหมดนะ!” ปากอิ่มเปรยเสียงเครียด พร้อมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“หาอะไรอยู่หรือครับ”
เสียงห้าวทุ้มของใครบางคนดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เขาอยู่ในชุดสูททักซิโด้สีบรอนด์เงินเรียบหรู เครื่องหน้าและทรงผมรับกันเหมาะเจาะ ราวกับเทพบุตรจำแลง มือหนาท้าวอยู่ที่ขอบประตู คิ้วเข้มเลิกขึ้นเป็นเชิงรอคำตอบ ขณะที่ดวงตานั้นจ้องร่างอ้อนแอ้น ซึ่งซุกถูกซ่อนความนวลเนียนของผิวแท้ๆ ไว้ภายใต้ชุดวิวาห์ฟูฟ่องด้วยประกายตาพึงใจ
“เปล่า...ฉันไม่ได้หาอะไร” คนตอบยังคงยืนหันหลังให้
ไหล่ของเจ้าบ่าวไหวน้อยๆ กายแกร่งแทรกพ้นกรอบประตูเข้ามา ก่อนจะจัดการดันประตูให้ปิดสนิท ปลายนิ้วร้ายกดล็อกกลอนด้วยใบหน้าเรียบเฉย ยิ่งเหลือบเห็นเจ้าสาวคนสวยแอบสะดุ้ง ชายหนุ่มก็ยิ่งย่ามใจ ช่วงขาเพรียวกำยำ จึงนำพาร่างสูงหล่อก้าวไปยืนซ้อนหลังร่างอ้อนแอ้น พร้อมๆ กับฝ่ามือร้อนผ่าวทั้งสองข้าง ที่แตะเอวคอดกิ่วแผ่วเบา
“นิ่มครับ...”
เสียงเรียกดังอยู่ใกล้ๆ หู เจ้าของชื่อรับรู้ถึงลมหายใจร้อนผ่าว ซึ่งผสมกลิ่นอายอ่อนๆ จากเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ที่ราดรดผิวเนื้อบริเวณต้นคอ จนขนอ่อนๆ นั้นพร้อมใจกันลุกเกรียวกราว
“นิ่มครับ...ผม...”
“เอ่อ...ฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
หญิงสาวพูดเร็วๆ พร้อมรั้งมือใหญ่ออกจากเอวเล็ก ขยับตัวเดินเลี่ยงออกห่าง แทบจะวิ่งโร่หายเข้าไปในห้องน้ำ แต่ด้วยศักดิ์ศรีแห่งคุณหนูชาลิญา เธอจึงทำเพียงเดินอย่างสง่าและทระนงตัวที่สุด บังคับหัวจิตหัวใจ ไม่ให้หวาดหวั่นกับการกระทำของคนตัวโต เอาไว้เธออาบน้ำดึงความสดชื่นและเยือกเย็นให้กลับมาเสียก่อน เธอจะคุยกับเขา เรื่องข้อตกลงทั้งหมดในการอยู่ร่วมห้อง อย่าหวังเลยว่าเขาจะได้ร่วมเตียงกับเธอ โน่นพื้นห้องต่างหาก จะเป็นสถานที่ซุกหัวนอนของเจ้าบ่าวป้ายแดง
เชสได้แต่ปลายตามองเจ้าสาวคนงาม ที่ทำเอาหัวใจตัวเองเต้นโครมครามมาตั้งแต่เช้าจรดค่ำคืนนี้ ยอมรับได้อย่างสนิทใจไร้เสียงคัดค้านเลยว่า ผู้หญิงที่ผ่านพิธีการเรียบง่ายมาพร้อมกันนี้ เธอสวยและเลอค่ามากเหลือเกิน มากเสียจนเขาอยากเป็นเจ้าบ่าวจริงๆ ไม่ใช่อยู่ในคราบของเดวิด ชายหนุ่มผู้ความจำเสื่อม