ตอนที่ 2
ฉันชื่นชมกับชื่อบันทึกที่พึ่งตั้งไปอยู่นานจนกระทั่งนึกขึ้นมาได้ว่า ได้ฤกษ์เขียนบันทึกแล้ว และฉันก็ได้ร่ายยาวตั้งแต่ที่ได้เล่าให้พวกคุณฟังตั้งแต่ต้นลงไปยังบันทึก หลังจากที่เขียนเสร็จฉันก็หันมาจิบกาแฟต่อ “เฮ้อ..กาแฟอะไรเนี่ย เย็นชืดเชียว ไม่กงไม่กินแล้วกลับบ้านดีกว่า” ว่าแล้วฉันก็ลุกออกจากร้านมุ่งตรงไปยังอพาร์ทเม้นท์ ระหว่างทางที่จะกลับอยู่ดีๆฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่า ในห้องของกินหมดพอดี (ถ้าเจสซี่มาเห็นสภาพห้องของฉันที่เป็นโรคขาดสารอาหารแล้วล่ะก็ หล่อนคงจะกลั้นใจตายแน่ๆ)
ฉันเลยแวะเข้าซูเปอร์มาเกตข้างทางก่อนถึงบ้าน “ว้าว..โชคดีจัง วันนี้ของสดมาลง” ฉันดีใจเป็นพิเศษเพราะทุกครั้งที่มาซื้ออาหารสดที่นี้ก็จะได้อาหารที่เคยสดมาแล้วสองสามวันกลับบ้านไป ฉันเลือกอาหารอย่างมีความสุข หยิบนู้นดูนี่ไปเรื่อย จนมารู้ตัวอีกทีก็ต้องแบกทั้งอาหารสดอาหารแห้งรวมกันสามถุงใหญ่กลับบ้าน
“เฮ้อ..เหนื่อยจังเลย หนักๆๆๆๆๆๆ” ฉันพูดเสียงดังๆ ให้ผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าอพาร์ทเม้นท์หันมาช่วยถือ
“หันมา จงหันมา หันมาซิ” ฉันพูดประกอบกับทำท่าร่ายมนต์ใส่เขา สำเร็จ...เขาหันมาแล้วก็หันกลับไปทิ้งให้ฉันยืนเหวอไปประมาณสามวินาที สักพักก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินลงบันไดมาแล้วตาคนนั้นก็รีบขึ้นไปหา กอดกันพลางจูบกันพลางแทบจะประคองผู้หญิงซะให้ได้ เห็นแล้วมันน่านัก..หน๊อย...เดือดๆ มองมาแล้วเมินหมายความว่ายังไงนี่ “ใช่ซี่ ฉันมันคนไม่มีแฟนนี่” ว่าแล้วฉันก็เชิดใส่ตาคนนั้นก่อนเดินเข้าอพาร์ทเม้นท์ไป กว่าจะลากสังขารพร้อมหิ้วของหนักๆ ขึ้นบันไดชั้นสี่ไปได้ฉันก็แทบจะโยนของทิ้งไว้ตรงหน้าห้องเลย
………………………………………………………...
หลังจากที่ใช้เวลาจัดของที่พึ่งซื้อมาให้เข้าที่เข้าทางเสร็จได้ก็ปาไปบ่ายแก่ๆ พอเหลือบไปดูนาฬิกา “ อ่อ..อีกตั้งสามชั่วโมงกว่าจะเย็น นอนพักเอาแรงซักหน่อยดีไหมเรา ”
อยู่ดีๆ ระหว่างที่ฉันกำลังจะล้มตัวลงนอนที่โซฟายาวกลางห้อง มือฉันก็ไปปัดโดนสิ่งของบางอย่างเข้า ฉันสะดุ้งสุดตัวรู้สึกเหมือนโดนไฟฟ้าช็อตก็เลยรีบหันไปดูตัวต้นเหตุก็พบว่า มันคือสมุดบันทึกเล่มที่ฉันพึ่งได้มานี่เอง ฉันมองไปที่มันอย่างงงๆ มึนๆ แล้วก็กลัวว่าจะโดนช็อตอีกครั้งถ้าใช้มือเปล่าจับ ก็เลยหันไปหยิบผ้าที่อยู่ใกล้ๆ โต๊ะมาพันมือไว้ก่อนจับมันขึ้นมาอย่างทุลักทุเล หลังจากที่ฉันเปิดบันทึกดู
“ เอ๊ะ..ตาฝาดรึเปล่านี่เรา ” ฉันอุทานกับตัวเองแล้วก็ขยี้ตาสองสามที ในหน้ากระดาษที่ฉันเขียนบันทึกไว้ มีอีกลายมือปรากฏขึ้นต่อจากบันทึกของฉัน ลายมือของใครคนนั้นสวยงามเป็นระเบียบดูคล้ายกับลายมือในจดหมายรักของพระเอกในยุควิกตอเรียที่ฉันพึ่งดูไปเมื่อคืน
ฉันนิ่งอึ้ง สับสน และกลัวอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะรวบรวมความกล้าอ่านข้อความนั้น ที่จะทำให้ยิ่งอึ้งกว่าเดิมอีกเป็นสิบเท่า....
12 ธันวาคม 1774 เวลา 15:45 น.
ขอโทษนะครับ...คุณเป็นใครไม่ทราบถึงได้มีลายมือของคุณอยู่ในบันทึกของผม ผมเป็นเจ้าของสมุดบันทึกเล่มนี้ ผม..ลอร์ดวลาดิเมียร์ เมสตา มอร์ลิส แห่งคฤหาสน์อาร์เธอร์ ที่อยู่ทางตอนเหนือของสหราชอาณาจักร บันทึกเล่มนี้ผมได้รับมาจากท่านทวดของทวดของผม ท่านลอร์ดอาร์เธอร์ ไม่นานมานี้เอง วันนี้พอผมเปิดดูมันทำให้ผมประหลาดใจมาก ประหลาดใจจริงๆ ที่เห็นว่ามีคนมาตั้งชื่อให้กับบันทึกของผมว่า บันทึก...เชอรีเบล & วลาดิเมียร์มอร์ลิส พร้อมกับข้อความยาวสองหน้ากระดาษที่คุณเขียนบรรยายถึงความรู้สึกและวิธีการที่ได้เจ้าเล่มนี้มา หลังจากที่ผมได้อ่านบันทึกของคุณมันทำให้ผมมึนงงว่า มันเกิดอะไรขึ้น ผมคิดอยู่นานกว่าจะตัดสินใจที่จะเขียนบันทึกถึงคุณและขอถามคุณอีกครั้ง...คุณเป็นใคร ช่วยไขข้อข้องใจให้ผมที
ปล. ขอขอบคุณล่วงหน้า
ลอร์ดวลาดิเมียร์ เมสตา มอร์ลิส
ฉันถือสมุดอย่างสั่นเทาพร้อมกับกวาดสายตาอ่านบันทึกข้อความนี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหมหรือว่าฉันไข้ขึ้นจนเบลอ นิ้วของฉันไล้ไปตามตัวอักษรของเขาทีละตัวๆ มันคือเรื่องจริง ฉันอยากจะร้องไห้...ฉันกลัว อึ๊กๆ แต่ฉันก็พยายามที่จะกลั้นน้ำตาไว้สุดฤทธิ์จากนั้นก็เหลือบตาไปมองวัน - เวลาในข้อความ
“ เอ๊ะ..สิบสองธันวาคม ก็วันนี้นี่ ปีพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบสี่ ห๊า...สองพันเจ็ดลบ พันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบสี่ ก็...สองร้อยสามสิบสามปีที่แล้ว มันหมายความว่า..ฉัน ..ฉันสามารถติดต่อกับคนที่อยู่ในอดีตผ่านทางบันทึกเล่มนี้ได้ เฮ่อ..ไม่จริงมั้ง ไม่หรอก เป็นไปไม่ได้..หรอก ไม่น่าเป็นไปได้ สองร้อยสามสิบสามปีที่แล้วเหรอ...ต้องมีคนแอบมาเขียนบันทึกไว้ก่อนที่ฉันจะเจอบันทึกแน่ๆ.. แต่ทำไมตอนที่ได้สมุดมาแรกๆ ถึงไม่มีข้อความอะไรเลยล่ะ ฮือๆ...หรือว่า หรือว่า ผะผะผีหลอก ฮือๆๆ...หลอนจังเลย ” ฉันขนลุกซู่น้ำตาไหลพรากด้วยความกลัวหลังจากเรียงลำดับความทรงจำ แม้จะคิดว่าอาจจะถูกผีหลอกเอา...แต่ในใจกลับค้านความคิดของตัวเองว่า มันไม่ใช่ผี...เอ่อ...มันน่าที่จะมีเค้าว่าเป็นเรื่องจริง (ที่ฉันไม่อาจทำใจยอมรับได้ง่ายๆ) เมื่อพิจารณาจากข้อความของเขาที่เหมือนเขียนโต้ตอบกับฉัน แถมเขายังพูดถึงชื่อบันทึกที่ฉันตั้งไว้ได้อย่างถูกต้อง....ทั้งๆ ที่ฉันพึ่งเขียนเสร็จไปไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้ “ อึ๊กๆๆ ” ฉันน้ำตาซึมอีกรอบ อยากให้เจสซี่อยู่ด้วยจังจะได้มีคนมากลัวเป็นเพื่อน ฉันลุกขึ้นเดินวนไปวนมาในห้องซักพัก และแล้วความหวาดกลัวที่มีก็ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกที่ค้างคาในใจ จนกระทั่งฉันตัดสินใจได้ว่า จะเขียนบันทึกอีกครั้งเพื่อตอบเขา...เอาให้มันรู้เรื่องกันไปเลย