บทนำ
ในยุคสมัยที่บ้านเมืองนั้น เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมกลลวงชิงดีชิงเด่น ข้าราชสำนักเองก็เอาแต่เสพสุข หาผลประโยชน์ให้แก่ตัวเอง ไม่สนใจใยดีแก้ปัญหาทุกข์ร้อนของประชาชน ตัดสินคดีแบบขอไปที สุกเอาเผากิน ไร้สิ้นซึ่งความยุติธรรมถือหางผู้ที่ให้ผลประโยชน์แก่ตนเป็นที่ตั้ง โดยหาได้คำนึงถึงความถูกต้องเลยแม้แต่น้อย
ผู้ใดยากไร้ขัดสน ก็ต้องยอมรับชะตากรรมอเนจอนาถของตน ส่วนผู้ที่คับแค้นจนมิอาจอดรน ทนเก็บความขื่นขมระทม ที่ซึ่งเผาผลาญกัดกินจิตใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้น ถึงขั้นใช้ชีวิตตัวเองสังเวย เพียงเพื่อที่จะร้องเรียกหาความยุติธรรม ก็มีไม่น้อย แต่นั่นก็ล้วนสูญเปล่า เพราะหาได้สั่นคลอนจิตสำนึกหรือมโนธรรมของผู้ที่มีอำนาจเหล่านั้น ให้หันมาสังเวชอาดูรได้เลยแม้แต่น้อยนิด
แต่แล้วเมื่อเด็กสาวผู้หนึ่งได้ไปขอพรที่ศาลเจ้าร้างนอกเมือง กล่าวถ้อยสาธยายระบายความคับแค้นทั้งน้ำตา พร้อมกับก้มโขกศีรษะจนโลหิตนั้นหลั่งนองใบหน้า ท่ามกลางจันทร์ทราเต็มดวง ที่กำลังฉายแสงสุกสกาว
ราวกับสวรรค์เป็นใจ เหรียญอีแปะก็พลันถูกโยนออกมาจากความมืดมิด กระเด้งกระดอนไปหยุดอยู่ยังเบื้องหน้าของเด็กสาว ก่อนจะมีเสียงขานรับอันแสนจะเย็นยะเยือก ล่องลอยผ่านออกมาจากภายใจศาลเจ้าให้สัจจะว่าจะคลี่คลายทุกข์ระทมในใจของนาง
ไม่นาน โคมที่แขวนอยู่หน้าประตูไม้เก่าๆ ผุๆ ก็พลันติดไฟขึ้นมาเอง โดยหาได้มีผู้จุดมัน อักษรสีแดงฉาน ปานราวกับโลหิต คำว่า ‘กงเต่า’ ซึ่งฉาบโคมไฟสีเหลืองอร่ามเอาไว้นั้น ทำให้ใจที่ท้อแท้สิ้นหวัง หมดสิ้นแล้วกับศรัทธาของการกระทำความดี พลอยลุกโชนกลับขึ้นมาใหม่ เฉกเช่นไฟแห่งความยุติธรรม ที่ซึ่งถูกจุดขึ้นภายในโคมที่แขวนอยู่นั้น
นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้น ของขบวนการทวงคืนความถูกต้องอย่างลับๆ โดยกลุ่มคนที่พากันแฝงตัวอยู่ในหุบเขา ที่ซึ่งเต็มไปด้วยภยันตราย ซึ่งถูกขนามนามว่าหุบเขาทมิฬ!
หากผู้ใดถูกตรวจสอบแล้วว่าผิดจริง จากหลักฐาน ทั้งพยานวัตถุ และแววดล้อมแล้วล่ะก็ กรรมใดนั้นที่กระทำแก่ผู้อื่น ก็จะถูกคืนกลับไปเฉกเช่นกัน ไม่ว่าชายหรือหญิง
ชุดรวมเล่มพิเศษ วางจำหน่ายแล้วที่ OOKBEE
ท่านสามารถเข้าชมได้โดยจิ้มที่รูปภาพด้านล่าง