แทบสำลัก ผมต้องรีบถอนปากออกทั้งที่ยังเสียดาย ไม่บ่อยหรอกที่จะเจอความสะอาดสะอ้าน ที่มาพร้อมกับรูปร่างถูกอกถูกใจขนาดนี้
“อูยยยยสสส์...” เขาครางอย่างสุขสม
ในความคาว ยังมีความเมามันในอารมณ์ ผมเลียริมฝีปาก ที่บางหยดของเขาพุ่งรด หนุ่มมอปลาย โรงเรียนนานาชาติ รสชาติราวกับอาหารจานโปรด สิ่งที่ทะลักออกมากลิ่นเหมือนมะพร้าวน้ำหอม หรือน้ำกะทิคั้นสดๆ ผมตกใจมากกว่ากลัว เพราะมันพุ่งเข้าคอ แบบไม่ได้เตรียมพร้อมรับ
“แกล้งกันเหรอ” ผมถามยิ้มๆ
“ผมขอโทษ...” เขาเอ่ยเสียงอ่อย “แต่มันเสียว... มาก อูยยยส์”
คำท้าย เขาครางอีก เพราะผมแกล้งกุมมือ รีดหยาดหยดที่ยังเหลือค้าง แล้วใช้ปลายลิ้นช่วยเก็บรายละเอียดให้เขาอีกครั้ง
“แต่ท่าทางพี่คงชอบ” เขายิ้มบ้าง เป็นยิ้มใสๆ ที่ถูกใจผมเหลือเกิน
“ก็... เคยใช้ปาก แต่ไม่เคยกินของใครนะ”
“แสดงว่าผม... พิเศษ” เขายิ่งยิ้ม แกล้งโยกตัว ให้ของรักดุนริมฝีปากผมอีกครั้ง
“นักกีฬา สะอาด ไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ หอมๆ หวานๆ ของเด็กก็งี้แหละ”
“ผมไม่เด็ก! ใช่ไหมล่ะ” เขากำของตัวเอง เน้นขนาดให้ดูชัดๆ และ... มันยังไม่อ่อนตัว
ผมแกล้งเบนหน้าหนี แล้วถือโอกาสลุกขึ้นยืน
ความสูงของเราไล่เลี่ยกัน ทั้งที่เขาอายุอ่อนกว่าผมสามสี่ปี น่าจะอายุสักสิบหกสิบเจ็ด ขณะที่ผมยี่สิบกว่าแล้วละมั้ง
มุมนี้ของสวนสาธารณะ ค่อนข้างเปลี่ยว เป็นแหล่งทำมาหากิน หรือหาคู่ของพวกเราๆ โอมกับผมไม่ได้เจอกันตรงนี้ เราเห็นสายตากันในร้านแม็คฯ ตรงหัวมุมถนน เขานั่งในร้าน กางเกงขายาว เสื้อนักเรียนปักโลโก้บนหน้าอกเป็นรูปคล้ายโล่ฝรั่ง ส่วนผมแค่เดินอยู่ข้างนอก ผ่านไปครั้งแรก ผมยิ้มๆ เมื่อวนกลับมาอีกครั้ง พอเขาพยักหน้าชวน ผมเลยผลักประตูเข้าไป
หลายคนที่จับตามองหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ผมดำคิ้วดำแต่ตาสีฟ้า กับผิวสีสดนั่น มองผมเป็นตาเดียว บางคนที่คุ้นหน้ากัน ยิ้มๆ ให้อย่างรู้ทัน ส่วนพวกที่มาจับเหยื่อ ดูก็รู้ว่าเขาอิจฉาผมไม่น้อย แต่จะสนอะไร สิ่งที่ผมทำ หรือสิ่งที่โอมอยากได้ มันไม่ได้ขึ้นไปหนักอยู่บนหัวไหล่ใครสักหน่อย
“ไปต่อกันนะ...พี่บอย”
เขาเอ่ยขึ้นเมื่อเราจูงมือกันออกมาจากมุมมืดข้างกำแพง เขาเป็นฝ่ายกุมมือผม ราวกับเป็นเจ้าของ
ผมเงียบ ไม่ตอบคำอะไร นั่นอาจทำให้โอมนึกขึ้นได้ เขาควักแบงค์ห้าร้อยออกมาใบหนึ่ง แล้วก็แบงค์พันอีกสองใบ สะบัดเบาๆ ให้ผมเห็น นั่นเป็นห้าเท่าของข้อตกลง
“ช่วยกันใช้นะพี่...” เขาเข้าใจพูด ตอนยัดมันลงในกระเป๋ากางเกงยีนของผม
จำนวนเงินเท่านั้น เท่ากับยอดรายได้ที่ผมหวังในคืนนี้อยู่แล้ว แต่โอมยังอายุไม่น่าจะพ้นสิบแปด จะไปต่อที่ไหนได้
“ยังอยู่ในชุดนักเรียนนะ” ผมเตือนเบาๆ
“งั้นแวะไปคอนโดผมก่อน ใกล้ๆ ตรงถนนนางลิ้นจี่”
“ลูกคนรวย อยู่คนเดียวเหรอ”
“รวยจนเบื่อแหละ...” แทนที่จะโกรธเพราะคำประชด เขากลับบอกง่ายๆ อย่างนั้น “จริงๆ ก็อยากมีใครสักคนไว้ช่วยใช้เงิน”
ผมมองหน้าเขา จ้องตา พยายามดูว่าเขากำลังคิดอะไร
เราสองคนปล่อยมือ เมื่อเดินออกมาถึงริมถนนใหญ่ แสงไฟจัดจ้า กับผู้คนที่พลุกพล่าน อย่างน้อยที่ผมเป็นฝ่ายปลดมือเขาออก ก็น่าจะบอกได้ว่า ผมให้เกียรติ และไม่คิดจะฉวยโอกาสกับความไร้เดียงสาของโอม
“หล่อๆ อย่างนี้ ไม่มีแฟนเหรอ” ผมถาม ทำเสียงเรียบๆ เหมือนไม่ได้คิดอะไร
“แฟนคืออะไรล่ะพี่ คนที่เราอยู่ด้วยแล้วสบายใจ หรือว่าคนที่เราต้องคอยเป็นห่วง กังวล หรือรำคาญเวลาที่มาเรียกร้องอะไรมากๆ”
“ถ้าเป็นผม มีแฟนแบบโอม ก็คงต้องหึง ต้องหวง ต้องห่วงละน่ะ”
คราวนี้โอมหัวเราะดัง เขาคงรู้จักตัวเองดี และคงเคยเจอพวกแบบที่ผมพูดมาเยอะ
มาถึงหัวมุมข้ามทางแยก โอมเลือกชวนผมเดินลงทางเชื่อมรถไฟฟ้าใต้ดิน นั่นเพิ่มระยะทางในการที่เราจะได้คุยกันแบบนี้อีกพอสมควร
“พี่บอยล่ะ มีแฟนไหม” เขาย้อนถาม “ถ้าพี่ไม่หล่อ ผมก็คงไม่มาเดินกับพี่”
ผมไม่ตอบ เรื่องแบบนี้ ปล่อยไว้ให้มันอึมครึมไปเรื่อย น่าจะดีกว่า โดยเฉพาะกับอาชีพเสริมแบบผม
“ช่างเถอะ... สรุปว่า ไปต่อกับผมนะ เดี๋ยวแวะไปที่คอนโดผมก่อน”
ผมพยักหน้าง่ายๆ ค่อนข้างแน่ใจว่า ณ ที่นั้น ก่อนจะได้ออกมาต่อ อาจต้องมีเรื่องราวบนเตียง โซฟา ระเบียง หรือในอ่างอาบน้ำเกิดขึ้นแน่ๆ