บทนำ
ณ ร้านขายเฟอร์นิเจอร์
“ไอ้ฉันก็อยากซื้อเตียงใหม่ให้บริงค์เขาน่ะ อยากได้เตียงที่ดูสดใส สีสว่างๆ เวลาเขากลับมานอนบ้านจะได้รู้สึกว่าสดชื่นขึ้น เฮ้อ ดีกว่าให้มานอนบนเตียงสีน้ำเงินสีฟ้าทะมึนๆ แบบนี้ ว่าไง...จะซื้อรึเปล่า?” วีนรินทร์ถามเจ้าของร้านรับซื้อ-ขายเครื่องเฟอร์นิเจอร์ที่เคยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กด้วยอารมณ์ที่เปลี่ยนไป วันนี้อากาศร้อน หล่อนต้องคอยเกลี้ยกล่อมอดีตเพื่อนไม่สนิทอยู่นาน กว่าเจ้าตัวจะยอมซื้ออย่างเสียมิได้ เพราะเตียงนี้สวยมาก เนื้อไม้สีไหม้ดูคลาสสิก หัวเตียงที่เป็นเคาน์เตอร์เล็กๆ ไว้สำหรับวางของเล็กๆ น้อยๆ นั่นก็ดูเก๋ไก๋ ถ้าลองเอามาขายโดยไม่บอกลูกค้าว่านี่คือเตียงมือสอง คงจะขายได้ราคาดีทีเดียว
เอาก็เอา...ซื้อก็ซื้อ! หล่อนย้ำกับตัวเองทั้งที่ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร แต่ก็พยักหน้าตกลง
“ก็ได้ ฉันจะซื้อไว้ แต่ฉันให้ราคาแค่หกพันเจ็ดนะ อย่างว่า...เตียงมันเก่าแล้ว” เปล่าเลย หล่อนไม่ได้คิดอย่างนั้น แค่ต้องการกดราคาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ต่างหาก ทว่าวีนรินทร์ก็ยอมขายโดยไม่ต่อรองราคาใดๆ เป็นอันว่าจบเรื่อง เจ้าของร้านจึงสั่งให้ลูกน้องขึ้นไปขนเตียงบนรถกระบะลงมา ก่อนจะจ่ายเงินสดให้กับอดีตเพื่อนที่พอได้เงินปุ๊บก็ขอตัวกลับทันที ปล่อยให้เจ้าของร้านที่กำลังยิ้มกริ่มกับเงินก้อนโตที่กำลังจะได้หากขายเตียงนี้ได้แล้วล่ะก็ หึๆ...ทว่ารอยยิ้มกริ่มนั้นกลับแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว หล่อนมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อนึกถึงเจ้าของเตียงนอนคนก่อน นี่...นี่ถ้าหากเตียงนี้ปกติหล่อนจะไม่คิดหนักเลยที่จะรับซื้อไว้ แต่นี่มันเป็นเตียงของ “บริงค์” ลูกชายของวีนรินทร์ที่กำลังนอนไม่รู้สึกตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ถ้าจะพูดแบบตรงไปตรงมาก็คือนอนรอความตายนั่นเอง! กรรมๆๆ นี่หล่อนคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่เนี่ยที่ซื้อไว้น่ะ
โธ่...ให้ตายสิ!
10 วันผ่านไป
ที่บ้านหลังใหม่แห่งหนึ่ง...นิกิมกำลังยืนชื่นชมเตียงใหม่ในห้องตัวเองด้วยความสุขล้นใจ เธอภูมิใจมากที่ได้เตียงนี้มาครอง แม้ราคามันอาจจะสูงไปนิด แค่หมื่นเจ็ดเอ๊งงง เหอะๆ - -^ แต่ถึงราคาจะแพงยังไง เธอก็ได้มันมาแล้วล่ะนะ นิกิม...ผู้เป็นเจ้าของเตียง (คนใหม่) ยังคงยืนชื่นชมเตียงนั้นต่อไป โดยไม่รู้ว่าเตียงที่ตนได้ซื้อมานั้น...มันเป็นเตียงมือสอง! (หรือพูดง่ายๆ สั้นๆ ว่าเธอถูกหลอกนั่นเอง! =[]=//)
“แหม่ ตาถึงจริงๆ เรา อิอิ ^.^”