กำเนิดสงครามแห่งศาสตรามณี
เรื่องบางเรื่องที่เคยเกิดขึ้นและดูเหมือนว่ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง มันเริ่มจากวันนี้ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ โลอาทรอศตวรรษที่ 1 เมื่อแรกเริ่มเผ่าพันธุ์แห่งเครมได้ถือกำเนิดขึ้นบนยุคเริ่มแรกของโลก บนเปลวเพลิงของสงครามของเหล่าอาสูรย์ร้ายทางใต้ เพื่อการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ที่พึ่งจะเริ่มมีความเป็นมนุษย์บางส่วน
เราได้เข้าร่วมกับสภาสูงร่วมกับเหล่ามังกรและจอมเวทย์ชาวเอลฟ์โบราณและเผ่าพันธุ์แห่งภูตบิน เราดูเหมือนจะยืนหยัดต่อสู้ได้ร่วมกับราชินีแห่งมังกรโอเวสเกียร์เจ้าแห่งมังกรโอเดิสและเจ้าหญิงสเกรย์เทรย์บุตรสาว ทั้งสามเป็นจอมทัพของเราที่นำความหวังที่จะกำราบโลติเจ้าแห่งมังกรร้ายทิศใต้ แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเราคาดหวังไว้ เมื่อโลติจอมโฉดชั่วอันเชิญเงามืดแห่งกาลเวลามังกรดำที่ร้ายที่สุดในจักรวาล โทริกานาโท บุตรแห่งความตายที่ซ่อนตัวมานานในอวกาศอันเวิ้งว้าง
ความหวังของเราเริ่มจะดับสูญเมื่อองค์โอเดิสแล้วลอร์ดมังกรอีกสองพระองค์สิ้นพระชนม์ลงด้วยน้ำมือของโทริกานาโท สภาสูงของเรากำลังจะล้มและพินาศเต็มทีความมืดปกแผ่ไปทั่วปฐมโลก ทุกเผ่าพันธุ์กำลังจะสาบสูญ โลติผู้ใคร่ในอำนาจกำลังหลงละเลิงในสิ่งที่ตนมีหวังที่จะได้เป็นผู้ครองโลก แต่มันก็เกินคาดเมื่อโทริกานาโทหาได้ศิโรราบต่อโลติ
และแล้วสุดท้ายโลติตายในที่สุดเหล่าเผ่าพันธุ์มังกรกำลังตกอยู่ในความมืดจากมังกรที่เป็นมิตรต่อเนวนัสแดนสวรรค์มังกร ได้สิ้นสวามิภักดิ์ไปเสียหมดด้วยเกรงกลัวต่ออำนาจแห่งโทริกานาโท เมื่อเราไม่มีทางเดินต่อไป ชาวเอลฟ์ชาวเครมพ่อมดแม่มดภูตบินโบราณและมังกรจึงได้เปิดสภาครั้งสุดท้ายขึ้น
“เรามิอาจจะต่อต้านทัพทมิฬของโทริกานาโทได้อีกต่อไปแล้วเผ่าพันธุ์ของพวกเรากำลังจะพินาศ”เจ้าแห่งเครมกล่าวกับโอเวสเกียร์
“ข้ารู้ดีลอร์ดอัสราก แต่เราจะต่อสู้แม้ไร้ซึ่งหนทางและจะไม่ยอมตายอย่างสูญเปล่า”โอเวสเกียร์กล่าวอย่างนุ่มนวลในสภาสูง
“แล้วท่านจะทำอย่างไรโอเวสเกียร์ยอมรับเถิดเราแพ้และมันจะจบลงในที่สุด”เจ้าแห่งเครมตอกย้ำเหมือนกับหมาที่จนตรอก
“อำนาจของข้าเท่าที่ข้ามีตั้งแต่โบราณจนปัจจุบันเท่าที่ข้าจะทำได้ก็มีเพียงแต่การผนึกเจ้ามารร้ายเท่านั้น”
“อย่างไรกัน” ทั้งสภาหันมาตั้งหน้าตั้งตาฟังอย่างเป็นไป “ไม่นะท่านแม่ท่านจะต้องไม่ทำเช่นนี้”สเกรย์เทรย์ยืนกรานเพื่อจะหยุดนาง
“เราไม่มีทางไปอีกแล้ว สภาจงฟังในคืนพระจันทร์เต็มดวงที่จะมาถึงอีกสองราตรีหน้านี้จะเป็นวันที่เราจะได้รับอิสระและเสรีชนคืนมา เราจะเดินทางไปที่โอลินภายในสองวันนี้ให้เร็วที่สุดอย่าได้ชักช้า และสภาทุกท่านจะต้องไปออกเดินทางนับจากนี้”
จากอีโนสท์ไปถึงโอลินสภาเคลื่อนทัพในที่สุด สองราตรีผ่านไปเมื่อพระจันทร์จรมาถึงพร้อมกับสีเลือดแดงฉานของมัน ที่ราวกับรอยเลือดบนแผ่นหิมะขาวโผลน ท้องฟ้าแดงเดือดราวกับไฟที่พร้อมจะเผาผลาญทุกสิ่งอันให้มอดไหม้และที่แห่งนี้พิธีกรรมกำลังจะเริ่มขึ้น เจ้าแห่งเอลฟ์โบราณและพ่อมดเพทัสจอมเวทย์ขาวที่สูงที่สุดแห่งยุคช่วยกันเขียนวงแหวนแห่งดราโอนีขึ้นโดยรับคำสั่งจากโอเวสเกียร์ พร้อมทั้งตัวแทนของสภาอีก 5 คนได้แก่ สเกรย์เทรย์ โนวินาส เพทัส อัสราก และโมดานิล
โดยให้ถือก้อนหินขนาดพอมือคนล่ะก้อน ยืนอยู่ตรงกับจุดเครื่องหมายข้าวหลามตัดพอดีตามลำดับ เมื่อพระจันทร์เริ่มที่จะเคลื่อนมาถึงตรงกับลานพิธีของเราพอดี ท่านโอเวสเกียร์นางเดินเข้าไปตรงจุดกลางของวงแหวนดราโอนีพร้อมกับชุดลากยาวสีขาวเมื่อมันต้องกับแสงจันทร์แดงมันก็เปลี่ยนเป็นสีแห่งความร้ายกาจแดงเดือด และเครื่องประดับประดาตามองค์ของพระนางที่เลอโฉมยิ่งนั้นล้วนแต่ตีมาจากโลหะเทนีอันสูงค่ายิ่งกว่าสิ่งใด
เมื่อเวลาเริ่มขึ้นที่คืนนี้มันก็จะจบลงในคืนนี้เช่นกัน รายล้อมวงแหวนที่เขียนอักษรแห่งมังกรเป็นมนต์ที่ใช้สำหรับเวทย์แปรธาตุชั้นสูงดำเนินพิธีโดยเหล่าบุคคลที่มีพลังสูงส่งเท่านั้นเวลาที่เราไม่เคยคาดฝันก็มาถึงเมื่อเริ่มเวลาขึ้นเหล่าพ่อมดแม่มดมายืนรายลอบพร้อมกับภูตบินและเอลฟ์มาล้อมวงอันศักดิ์ญสิทธิ์ร่ายเวทย์มนต์เอลลามาน เสียงเพลงบูชาอันศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับมังกรดังลั่นขับร้องโดยสตรีชาวเอลฟ์ผู้มีเสียงอันไพเราะ และเชี่ยวชาญการดนตรีเป็นที่สุดเนื้อร้องที่แสนเศร้าและความห่วงหาในมหาราชินีที่วันนี้กำลังจะจากไปเนื้อเพลงบางท่อนกล่าวไว้ว่า
คืนนี้ความศักดิ์สิทธิ์แห่งศาสตร์มนต์จันทร์ ค่ำคืนอันเงียบงันและแสนเศร้า
คืนนี้พระนางโอเวสเกียร์ราขินีแห่งเรา จะสละพระองค์เป็นมณี
ใต้จันทราสีเลือดแดงเดือดฉาน เวลาการเข้าร่วมสภาสูง
เสรีชนที่คงอยู่เราอาดูร พร้อมเทิดทูลราชินีของทุกเผ่าพันธุ์
ภายใต้เสียงบรรเลงและขับขานของเหล่าเอลฟ์ ชาวภูตบินมาร่วมกันกับชาวเครมและพ่อมดแม่มดทุกสารทิศที่สวามิภักดิ์ต่อสภาสูงอยู่ก็มาร่วมกันที่ยอดเขาแห่งนี้ เหล่าผู้คนต่างล้อมตัวออกไปเป็นวงกลมรอบนอกและนอกออกไปเรื่อยๆจนถึงข้างล่างของเทือกเขา พวกเขาต่างเดินทางมาด้วยศรัทธาแห่งราชินีมังกร ทันใดนั้นคืนอันสงบกับสายลมแผ่วเบาปนกับเสียงบทเพลงจากใจของเหล่าผู้มีปัญญาและตั้งมั่นในศรัทธาเป็นอย่างสูง
และแล้วมันก็ถึงเวลาจริงๆเสียที ทุกคนต่างก้มหัวลงกับพื้นหินบนถิ่นเขาที่สูงตระหง่านเหล่าเอลฟ์เริ่มผ่อนเสียงเบาและช้า ช้าลงในที่สุด ภูตบินเริ่มเริ่มสยายปีกเป็นวงกลมล้อมรอบราชินีถัดมา มีจอมเวทย์อีก 7 คนที่ตั้งไม้เท้าที่ต่างกันออกไปยืนร่ายมนต์อยู่ สายลมเริ่มที่จะแรงขึ้นและแรงขึ้นเรื่อยๆ ความหวังของเราแลกกับหนึ่งดวงใจของเรา
ผู้เข้าร่วมในวงแหวนดราโอนีทั้ง 5 กำลังยืนอย่างสงบชายผ้าของพวกเขาสยายราวดอกไม้กำลังบาน หินเคนมาอินที่ถืออยู่ในฝ่ามือก็เริ่มที่จะเปล่งแสงมวลพลังมหาศาลกำลังพล่านไปทั่วนับตั้งแต่เชิงเขาสู่ยอดแสงระยิบระยับหลั่งไหลไปรวมกันที่วงแหวนลอยเขียนของวงแหวนเปล่งแสงสีน้ำเงินภายใต้จันทร์สีเลือด ละอองจากจันทร์ก็เริ่มที่จะล่วงลงมาพรมทั้งหุบเขาในขณะที่พิธีดำเนินไปอย่างช้าๆและเร็วขึ้นเรื้อยๆ ร่างกายของพระนางกำลังเปลี่ยนไปจากร่างของมนุษย์กลับสู้มังกรที่ทรงสง่าสยายปีที่แสนอบอุ่นถึงใจขึ้นโผบิน แต่มันมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น
จากตำแหน่งหินเคนมาอินก็มีโซ่ขนาดมหึมามันใหญ่พอจะรัดตัวของพระนางไว้ได้พละกำลังและอำนาจของมหาราชินีมังกรอันสูงส่งถูกดูดดึงสู้หินแห่งอำนาจในมือของผู้แข็งแกร่งทั้ง 5 อย่างรวดเร็วและเป็นไปหินกำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างช้าๆและพลังที่มากล้นทั้งหุบเขาสว่างไสวไปด้วยแสงสีแดงยิ่งกว่าจันทร์สีเลือดด้วยซ้ำไป
ด้วยการประครองพลังของจอมเวทย์ 7 ไม้เท้ามวลพลังมิอาจจะหลุดลอดออกจากวงแหวนดูเหมือนเหล่าผู้ทรงกำลังในวงแหวนก็มีพลังเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย และในที่สุดพระจันทร์สีเลือดก็จางออกไปพร้อมกับการกระจายออกไปของร่างแห่งราชินี และแล้วมันก็ได้ถือกำเนิดขึ้นชาวเอนโดเนสเกิดจากร่างของราชินีพวกเขาจะต้องอยู่นี้ที่ที่เขาเกิด และเหล่านักบวชแห่งปารีก็ได้ถือกำเนิดในที่แห่งนี้
ปีกของนางกระจายแผ่ไปทางใต้ได้กำเนินเป็นมนุษย์ในที่สุด และสิ่งที่สำคัญกว่าคือคือเพชรทั้ง 5 เพชรสีแดงทั้ง 5 ที่ทรงผลานุภาพยิ่งที่เกิดจากการแปรธาตุวงแหวนแห่งดราโอนี มันเริ่มแล้ว พลพรรคแห่งอัญมณีจึงเริ่มขึ้น แต่การกำเนิดของชาวโอลินเป็นชื่อเรียกสั้นๆของชาวเอนโดเนส ก็มีประโยชน์อย่างยิ่ง ภายในไม่กี่เดือนเพชรทั้งหมดถูกเจียรนัยโดยมนต์ของชาวเอนโดเนสและถูกสร้างเป็นเครื่องประดับต่างๆที่ทรงอำนาจ ด้วยโครงที่ตีจากเหล็กเทนีผสมกับแร่เธโนตินามันสว่างยิ่งกว่าเงินนับร้อยเท่าพันทวีแข็งยิ่งกว่าโลหะใดๆทั้งสิ้นแต่อ่อนตัวราวกับเส้นดาย ไม่มีเวทย์มนต์ใดๆจะทำลายได้และไม่มีอะไรทั้งสิ้นจะทำลายลงได้
และได้ถูกขนานนามขึ้นว่ามหาศาสตรามณีทั้ง 5 และก็ตกเป็นสมบัติของผู้ประครองหินทั้ง 5 ในคืนนั้น สร้อยพระศอเรตส์คอล์แด่สเกรย์เทรย์ราชินีมังกรองค์สุดท้าย
แหวนเวียร์แคนดิสแด่โนวินาสกษัตริย์เอลฟ์
กำไลข้อมือกิลนาเกรซแด่โมดานิลราชินีแห่งภูต
ดาบเอ็นโดสแด่เพทัสจอมเวทย์
และรัดเกล้าเทโฟริดาเป็นของกำนัลแด่มาทาเซียราชินีแห่งโอลินผู้สร้างให้
แต่ทว่าเพชรเรตส์คอล์มีพลังมากเกินกว่าที่จะมีใครรับได้จึงถูกแยกออกเป็นสองคือ สร้อยคอสกอร์เรียสร้อยคอที่ให้แด่อัสรากกษัตริย์แห่งเครมสมัยนั้น
และหลังจากที่ศาสตรามณีทั้ง 6 ถูกสร้างขึ้นดินแดนของเราจะต้องเป็นสุขอีกครั้ง เรารวมไพร่พลพันธมิตรระหว่างภูตบิน มังกร ชาวเอลฟ์ ชาวเอนโดเนส ชาวเครม จอมเวทย์ชายหญิงและมนุษย์ผู้อ่อนแอพวกเราคงจะเป็นกลุ่มที่มาจากหลายเผ่าพันธุ์และคงเป็นกลุ่มสุดท้ายแล้วที่จะต่อสู้ เราเคยส่งสารไปถึง คูเรสและพวกเขาตอบเราจะไปรวมทัพกันที่ทุ่งหญ้าเบริกที่ราบสูงเทร่าและจะเดินทัพบ่ายหน้าขึ้นเหนือไปสู่วังเดินของเรา เนวนัสแดนสวรรค์มังกร
และ ณ. ที่แห่งนั้นแดนสวรรค์แห่งมังกรบนเทือกเขาเครมเราเข้าปะทะกับทัพมังกรของโทริกานาโทที่มีพรรคพวกคือเหล่ายักษ์โทรล์ จอมศาสตร์มนต์มืด และเหล่าอสุรกายใต้พิภพมันคือพวกราสาเรสหรือพวกราสทาสผู้ซื่อสัตย์ต่อจอมมารร้ายพวกมันตายตายและตายกองเต็มแผ่นดิน
และที่แห่งนี้เมื่อทัพของมันกำลังจะพ่ายแพ้ลง ด้วยอำนาจแห่งศาสตรามณี มันจึงออกมาจากวังร้างของมัน เพียงพริบตา เราตายนับร้อยด้วย ปีก กรงเล็บ เปลวเพลิง ของมันมันกลับร่างมังกรทมิฬเหมือนเมื่อครั้งมันฆ่าลอร์ดมังกรเมื่อครั้งก่อน แต่ครั้งนี้มันไม่ได้เป็นดังที่คาดและหวังมาก่อนเมื่อจอมทัพทั้ง 6 ของเราวิ่งเข้าประจันหน้า ราชินีใหม่อย่างสเกรย์เทรย์กลับร่างมังกรสร้อยพระศอเปล่งแสงออกราวกับสายฟ้าฟาดก็มิปาน และศาสตรามณีอีก 5 ชิ้นก็เปล่งแสงของมันออกมาเราเข้าฟาดฟันอย่างไม่คิดชีวิตทั้งมนต์ ทั้งฝนธนู และคมดาบ
พวกทหารของจอมมารวิ่งถ้อยกลับเข้าไปในปราสาท แต่ทว่าจอมมารไม่ยอมที่จะถ้อยและสุดท้ายสิ่งที่เราอยากจะให้เกิดมันก็เกิดขึ้นเมื่อ คมดาบของพ่อมดเพทัสตัดเส้นเอ็นที่ปีกได้สำเร็จ และตอนนี้มันบินไม่ได้ทั้ง 6 เริ่มต้นการผนึกโดยการดูดเอาพลังจอมโฉดชั่วโทริกานาโท ลงสู่ศาสตรามณีและในที่สุดจอมโฉดเหลือเพียงซาก
ทัพของเราชนะแต่เนวนัสมันเป็นปราสาทปรักหักพังและรกร้างไปเสียแล้ว เราจึงยกเหล่าพันธมิตรลงสู่แดนใต้ที่ซึ่งเราสร้างศาสตรามณี เราสร้างอาณาจักรที่ร่มเย็นขึ้นอีกครั้ง ชาวเครมตั้งลกรากอยู่ที่ราบสูงเทร่าที่เมืองโลอาทรอร่วมกับชาวคูเรสเหล่ามนุษย์แยกไปตามที่ต่างๆทั้งตะวันตกและทางใต้ได้เมืองเอโดเซททางตะวันตกและเมืองโซรูรัลทางตอนใต้
เหล่าจอมเวทย์ทั้งหลายต่างแยกกันไปอยู่ตามแดนต่างๆทั่วดินแดน ส่วนสเกรย์เทรย์และมังกรที่เหลือรอดจากการครอบงำก็ลงมาอยู่ทางตอนใต้อยู่ใกล้กับโอลินที่เมืองอีโนสท์ และถัดกันลงไปทางใต้ก็จะเป็นที่อยู่ของชาวเอลฟ์ติดกับทะเลที่โกลีเซล แต่กลุ่มคนที่เพิ่งจะปรากฏตัวอย่างลึกลับคือกลุ่มชาวปารีซึ่งเป็นนักบวชและเป็นกลุ่มคนที่มีพลังเสียงที่ซ่อนอยู่อย่างมหาศาลลงไปอยู่ด้านล่างลงไปอีก และเจ้าแห่งมนต์ขาวเพทัสและจอมเวทย์อีกครึ่งกองทัพเวทย์ก็เดินทางไปอยู่ทางทิศตะวันออกที่ปราสาทเซอร์พอส
หลังจากที่เราสู้และได้รับอิสรภาพอย่างแท้จริงเราได้ตั้งสภาขึ้นมาอีกครั้งสภาสูงที่สุดของปฐมโลกเริ่มแรกมันก็เริ่ม 64 คนจากทุกสารทิศ มาอยู่ที่นั่งแห่งสภา 64 เจ้า พันธมิตร แห่งสภาได้แก่
ผู้ครอง 1 ถ้อยแห่งสภาคือราชินีภูตบิน
ผู้ครอง 3 ดาบแห่งสภาคือพ่อเพทัสและพ่อมดอีกสองคน
ผู้ครอง 5 เหรียญแห่งสภาคือเหล่าเอลฟ์ที่แยกไปอยู่ตามที่ต่างๆเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่บ้าง
ผู้ครอง 7 ไม้เท้าแห่งสภาคือพ่อมด 3 ตนและแม่มด 4 ตนจากทางตะวันตก
ผู้ครอง 9 มังกรคือสเกรย์เทรย์และมังกรชั้นราชวงศ์ที่กลับออกมาจากความมืดอีก8 พระองค์ผู้ทรงอำนาจ
ผู้ครอง 11 เครื่องรางคือนักบวชชาวปารีผู้ได้ขนานนามว่าเป็นลมหายใจแห่งมังกร
ผู้ครอง 13 หัวคอยคือชาวเครม
ผู้ครอง 15 แหวนคือมนุษย์ 7 วงและชาวโอนิล 7 วงรวมกับแหวงแห่งเทพเจ้าซีโอนันต์ที่ตีขึ้นโดยมังกรและวงสุดท้ายแด่แม่มดแห่งป่ากอสกิส
สภาของเราดำเนินไปอย่างยิ่งใหญ่ แต่ทว่าบ้างอย่างที่เราคาดไม่ถึงมันก็เกิดขึ้นเมื่อความชั่วร้ายที่ฝังอยู่ในศาสตรามณี เริ่มเรียกหากัน ศาสตรามณีเริ่มไม่สามารถควบคุมได้และเริ่มนำผู้ครองที่มีจิตใจอยู่ระหว่างความดีและเลวให้ตกสู้อำนาจของมัน โทริกานาโทยังไม่ตายอย่างแท้จริง
และหลังจากนั้นไม่นานสักเท่าใดเจ้าแห่งเครมสิ้นพระชนม์และราชินีทรงเป็นผู้ครอบครองสกอร์เรียและที่วังแห่งนั้นมันเริ่มครอบงำนาง นางใช้อำนาจที่ได้รับจากศาสตรามณีเริ่มก่อสงครามขึ้นกับหลายอาณาจักรจนกระทั่งนางยกทัพลงสู้แดนใต้เข้าที่โอลิน โอลินที่คิดว่าเครมยังเป็นมิตร นางพรากดวงใจแห่ง โอลินและสมบัติเลอค่ายิ่ง มาทาเซียสิ้นพระชนม์ และรัดเกล้าเทโฟริดาตกเป็นของอาราเมียร์ราชินีแห่งเครม ในวันและเวลาที่ผ่านเลยไป อำนาจของศาสตรามณีทำให้นางไม่ตายทั้งๆที่เวลาผ่านมานานแสนนานทั้งๆที่ราชวงศ์ยังดำเนินต่อนางครองบัลลังตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน เวลาผ่านล่วงเลยไปกว่า 5000 ปีจากความจริงกลายประวัติศาสตร์ จากประวัติศาสตร์ถูกเล่าขานจนกลายเป็นตำนานและเทพนิยายในที่สุด สิ่งที่อันตรายและชั่วร้ายยังคงอยู่ในรูปลักษณ์อันสวยงามสง่าจนคนที่พบเห็นไม่คิดว่ามันคืออาวุธ บัดนี้ดินแดนต่างเปลี่ยนไปผู้คนต่างย้ายถิ่นฐานตั้งชุมชนต่างๆไปจนถึงเมืองใหญ่ และเราเหมือนจะถูกลืมโดยทายาทที่แท้จริงเราไปตราบนานเท่านาน เพราะเขาคิดว่ามันเป็นเพียงเทพนิยายเพราะบัดนี้ เหล่าจอมเวทย์เริ่มสาบสูญ เหล่ามังกรชั่วร้ายกลับลงไปอยู่ใต้พิภพที่มืดสนิท ชาวโอลินเกิดแก่เจ็บและตายโดยไม่รู้เรื่องของศาสตรามณีโดยแท้ยกเว้นก็เพียงแต่เหล่าราชวงศ์ นับตั้งแต่ก่อตั้งสภาจนถึงวันนี้ที่นั่งในสภาเราแทบจะจำใครไม่ได้เพราะตำแหน่งเริ่มแรกของเราตายไปและตายเมื่อนานมาแล้ว เหลือเพียงทายาทผู้ห่างไกลจากบรรพกาลเท่านั้นเองที่ยังคงจะดำรงสภาสูงอย่างเงียบๆและข้าสเกรย์เทรย์เข้านิทราเมื่อนานมา ณ.โถงใหญ่ใต้ท้องพระโรงแห่งข้า แต่บางอย่างก็ปลุกข้าขึ้นมาอีกครั้ง