ณ เมืองทิวลิป
พระราชาผู้ครองเมืองทิวลิปนาม ‘เนเธอร์แลนด์’ กำลังล่ำลาพระราชินีของตนนามว่า ‘ไทย’ พระราชาเนเธอร์แลนด์โอบกอดพระราชินีไทยไว้อย่างแนบแน่นพลางกล่าว “ฉันไปออกรบไม่รู้จะได้กลับมาเมื่อไหร่ เธอต้องดูแลตัวเองดี ๆ แล้วเจ้าชาย ‘ออสเตรเลีย’ ถึงแม้ว่าจะเป็นสายเลือดจากราชินีองค์ก่อน แต่ฉันอยากให้เธอเมตตาต่อเขาเหมือนเป็นลูกของเธอ”
ราชินีไทยดันอ้อมกอดเล็กน้อยเพื่อมองหน้าสวามีตนแล้วตอบ “อย่าห่วงเรื่องนั้นเลย ฉันจะปฏิบัติกับเจ้าชายออสเตรเลียเหมือนเป็นลูกตัวเอง ลูกของเจ้าชายออสเตรเลีย ‘อเมริกา’ กับ ‘รัสเซีย’ เจ้าพวกนี้ฉันก็รักใคร่พวกเขาทั้งคู่ ฝ่าบาทเถอะที่ต้องดูแลตัวเอง ในสนามรบทั้งลำบากและอันตรายทั้งนั้น ฉันจะคอยให้ฝ่าบาทกลับมาในเร็ววัน” แล้วพระราชาเนเธอร์แลนด์ก็พากองทัพออกสู่สนามรบ
ณ เมืองสุซัง
พระราชาผู้ครองเมืองสุซังนาม ‘สวีเดน’ ยืนทำหน้านิ่งมองราชินีนาม ‘ตุรกี’ ของตนไม่พูดอะไร ราชินีตุรกีจึงเอ่ยขึ้นมา “ดูแลตัวเองด้วย แล้วรีบมาล่ะ” พระราชาสวีเดนรับคำในลำคอแล้วพากองทัพเข้าสู่สนามรบ
วันเวลาผ่านไปเป็นปีก็มีม้าเร็วจากสนามรบมาถวายรายงานกับราชินีไทยความว่าพระราชาเนเธอร์แลนด์ได้สิ้นแล้ว ทำให้ราชินีไทยร้องไห้จนเป็นลมสิ้นสติไป
หลังจากที่สิ้นราชาเนเธอร์แลนด์ เจ้าชายออสเตรเลียขึ้นเป็นราชาเมืองทิวลิปแทน โดยอเมริกากับรัสเซียได้ขึ้นเป็นเจ้าชาย และราชินีไทยได้ขึ้นเป็นพระพันปีหลวง ซึ่งเมื่อผ่านไปหลายปีทางเมืองสุซังก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อสิ้นราชาสวีเดน ทำให้เจ้าชาย ‘เยอรมนี’ ได้เป็นราชาต่อ โดยมีเจ้าชาย ‘ฝรั่งเศส’ เป็นราชินีคู่กัน และราชินีตุรกีขึ้นเป็นพระพันปีหลวง
ขณะที่เจ้าชายอเมริกากับเจ้าชายรัสเซียกำลังเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนานอย่างการยิงปืนใส่ฟาดก๊อกน้ำใส่ ทั้งคู่ก็ได้ยินข้าราชบริพารกล่าวยกย่องรูปโฉมราชาเยอรมนีแห่งเมืองสุซังซึ่งเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว ทำให้เจ้าชายทั้งสองต่างนอนเหนื่อยหน่ายปรับทุกข์กันเองด้วยความอยากได้ราชาเยอรมนี พระพันปีหลวงไทยมาเยี่ยมพบหานัดดา ๆ ก็นึกขุ่นเคืองใจว่าใครทำอะไรให้นัดดาไม่พอใจ สั่งกับท่าน ‘อังกฤษ’ พี่เลี้ยงเจ้าชายอเมริกากับท่าน ‘เวียดนาม’ พี่เลี้ยงเจ้าชายรัสเซียให้ทำให้เจ้าชายทั้งสองสำราญใจเสียให้ได้ พี่เลี้ยงทั้งสองเข้าไปไถ่ถาม โดยท่านเวียดนามเป็นผู้เปิดก่อน “เจ้าชายทั้งสองเป็นอะไรไป ไม่สดใสเลย ไม่สบายหรือเปล่า”
แต่ผู้ที่ตอบเป็นเจ้าชายอเมริกา “ก็พี่ ๆ ไม่รู้เรื่องหรือไง ใคร ๆ ก็พูดกันเต็มเมืองไปหมด”
ท่านอังกฤษได้ฟังดังนั้นก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องอะไร จึงตอบเจ้าชายทั้งสองว่า “เจ้าชายอย่าห่วงเลย พวกเราจะนำราชาเยอรมนีมาให้เอง” ว่าแล้วก็ขอตัวไปจัดการ
ท่านเวียดนามเอ่ยถามท่านอังกฤษ “เดี๋ยว เราจะทำยังไงถึงได้ราชาเยอรมนีมาให้เจ้าชายได้ จะไปลักพาตัวรึไง”
ท่านอังกฤษหัวเราะขึ้นจมูกก่อนตอบ “จะไปลักพาตัวให้เสียเวลาทำไม ก็ใช้เวทมนตร์ให้มานี่เองสิ” ว่าแล้วก็เดินนำออกไป
ท่านอังกฤษกับท่านเวียดนามมาถึงบ้านหลังหนึ่ง ท่านอังกฤษตะโกนเรียก “มีใครอยู่มั้ย” สักครู่ประตูก็เปิดออก เมื่อได้พบกับ ‘อินเดีย’ หมอเสน่ห์ จึงเอ่ยความประสงค์ไป ซึ่งทำให้อินเดียต้องรีบปฏิเสธว่า “โอ้ย! อย่านะ จู่ ๆ หาเรื่องมาให้ฉัน ใครจะกล้าไปทำเสน่ห์ใส่พระราชากัน ไม่เอาด้วยหรอก ถ้าเป็นตาสีตาสาก็ว่าไปอย่าง” แล้วเชิญท่านอังกฤษกับท่านเวียดนามออกไป
ท่านอังกฤษกับท่านเวียดนามจึงเปลี่ยนเป้าหมายใหม่คือไปพบปู่เจ้าคิตตี้พรายญี่ปุ่น ผู้ซึ่งชำนาญการทำให้ผู้คนคลั่งไคล้ ซึ่งปู่ญี่ปุ่นได้ตกลงจะช่วยเหลือ จึงได้ส่งมือถือเหินให้ไปอยู่ในห้องราชาเยอรมนี
ราชาเยอรมนีเห็นมือถือวางอยู่ก็เข้าใจว่าเป็นของราชินีฝรั่งเศส จึงลองเปิดดูแต่ได้ยินเสียงประหลาด ๆ จากเครื่อง ซึ่งเสียงนั้นเป็นเสียงสะกดจิตให้หลงใหลเจ้าชายอเมริกากับเจ้าชายรัสเซีย และในเครื่องก็มีโปเกบอลที่ใช้จับโปเกมอนด้วย โดยปู่ญี่ปุ่นได้ปล่อยโปเกมอนตามทางที่จะมาเมืองทิวลิป ราชาเยอรมนีต้องการที่จะตามจับโปเกมอนมาก แม้ว่าพระพันปีหลวงตุรกีและราชินีฝรั่งเศสจะห้ามแล้วก็ตาม ราชินีฝรั่งเศสทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นแล้วกัดผ้าเช็ดหน้าบิดไปมาพลางตัดพ้อ “อะไรกัน นี่จะเห็นโปเกมอนดีกว่าฉันอีกหรือนี่”
ราชาเยอรมนีตามจับโปเกมอนมาเรื่อย ๆ จนถึงชายแดนทิวลิป เกิดสะดุดตกน้ำเพราะมัวแต่ดูหน้าจอ แต่ราชาเยอรมนีก็ตามจับโปเกมอนต่อไป และบอกให้กองทัพที่ติดตามคอยอยู่ที่นี่เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด โดยให้ทหารติดตามเพียงสองคนคือ ‘จีน’ กับ ‘ปรัสเซีย’
ทางด้านเจ้าชายทั้งสองนั้นคอยจนหงุดหงิดมากแล้วว่าเมื่อไหร่ราชาเยอรมนีจะมา จนเจ้าชายอเมริกาอาละวาดพังตำหนักไปหลายตำหนัก ส่วนเจ้าชายรัสเซียก็ปล่อยขุนพลฤดูหนาวจนข้าวของเป็นแม่คะนิ้งไปหมด ท่านพี่เลี้ยงทั้งสองจึงไปเร่งปู่ญี่ปุ่นให้ราชาเยอรมนีมาเร็ว ๆ ปู่ญี่ปุ่นจึงปล่อยปิกาจูอันเป็นโปเกมอนหายากให้นำทางราชาเยอรมนีมายังสวนขวัญของเจ้าชายทั้งสอง เมื่อราชาเยอรมนีมาถึงสวนขวัญจึงให้ทหารทั้งสองไปสอดแนมว่าเจ้าชายทั้งที่ตามหาพร้อมปิกาจูอยู่นี่หรือไม่
จีนกับปรัสเซียลอบเดินไปทั่วสวนขวัญพบสองพี่เลี้ยงอาบน้ำอยู่ จึงตกลงกันว่าจีนจะเข้าหาท่านอังกฤษ ขณะที่ปรัสเซียจะเข้าหาท่านเวียดนาม หลังจากตกลงตามนี้ทั้งสองเข้าไปตีสนิทพลางเชยชมจนต่างได้พี่เลี้ยงเป็นภรรยา เมื่อถามไถ่จึงทราบเรื่อง ก็พาราชาเยอรมนีไปหาเจ้าชายทั้งสอง เจ้าชายทั้งสองดีใจมาก อยู่กับราชาเยอรมนีทั้งวันทั้งคืนไม่ให้คนนอกเข้ามา เจ้าชายอเมริกาถือแฮมเบอร์เกอร์ป้อนราชาเยอรมนีพลางบอก “กินนี่สิ นี่ฉันทำเองเลยนะ เนื้อวัวอย่างดี แถมชีสก็หอมมากด้วย” ส่วนเจ้าชายรัสเซียก็ไม่น้อยหน้าดึงแขนป้อนวอดก้าให้ราชาเยอรมนีพลางบอก “กินแต่แฮมเบอร์เกอร์เดี๋ยวก็ติดคอหรอก ดื่มวอดก้าด้วยสิ จะได้คล่องคอ”
จนนานวันเข้าพระพันปีหลวงไทยได้ข่าวเข้าหูมาถึงความผิดปกติ จึงไปสืบหาเหตุพบว่าราชาเยอรมนีอยู่กับเจ้าชายทั้งสอง ด้วยความแค้นที่มีต่อเมืองสุซัง พระพันปีหลวงไทยจึงนำทหารไปล้อมตำหนักไว้แล้วเจรจา “ราชาเยอรมนีอยู่ข้างในใช่มั้ย ออกมามอบตัวซะ โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา และอย่าคิดหนี ขณะนี้ทหารได้ล้อมตำหนักนี้ไว้หมดแล้ว”
ทางด้านราชาออสเตรเลียได้ข่าวเข้าก็นึกคำนวณ ราชาเยอรมนีเป็นราชาเมืองสุซัง ได้เจ้าชายทั้งสองเป็นภรรยา แสดงว่าเขาก็ต้องเป็นพ่อตา แสดงว่าเขาต้องมีอำนาจมากกว่า จึงรีบออกไปต้อนรับ แต่เมื่อไปถึงพระพันปีหลวงไทยได้สั่งให้ทหารยิงธนูเข้าตำหนักแล้วจับตัวเจ้าชายทั้งสองพร้อมราชาเยอรมนีและเหล่าคนสนิท ขณะเดียวกันพระพันปีหลวงไทยสั่งทหารตนจับราชาออสเตรเลียรัฐประหารยึดอำนาจ แล้วสถาปนาตัวเองเป็นราชาทิวลิป แล้วราชาไทยก็ใช้ราชาเยอรมนีเป็นตัวประกันให้เมืองสุซังมาเป็นเมืองขึ้นของเมืองทิวลิป
หลังจากนั้นราชาไทยก็สถาปนาปู่ญี่ปุ่นเป็นราชินี ให้เจ้าชายอเมริกา เจ้าชายรัสเซียกับราชาเยอรมนีเป็นพระมเหสี ส่วนท่านอังกฤษ ท่านเวียดนาม คุณจีน คุณปรัสเซียเป็นเหล่าพระสนม ขณะที่ราชินีฝรั่งเศสให้เป็นหม่อมห้าม และพระพันปีหลวงตุรกีให้ไปถือศีลอยู่ในวัด สุดท้ายอดีตราชาออสเตรเลียให้กักบริเวณชั่วชีวิต
(((นี่พระลอหรือหงส์เหนือมังกรกันแน่)))