บทนำ: ใต้เงาไม้ที่ไม่หายใจ
เสียงกิ่งไม้ปะทะกันเปรี้ยงกลางความมืดของป่าทึบ เสียงจากธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากแรงกระแทกบางอย่าง แรงพอจะหักสิ่งที่เคยมั่นคง ลลิตา รัชสมัย หอบหายใจแรง ฝ่าเท้าของเธอเปื้อนโคลนและเลือด ไม่แน่ใจว่าเป็นของตัวเองหรือของอะไรบางอย่างที่เธอเพิ่งวิ่งผ่านมา
เธอหลงทาง หรืออาจจะ “ถูกทำให้หลง” โดยป่าเสียมากกว่า กี่ชั่วโมงแล้วที่ไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์ หรือตั้งแต่ก้าวข้ามแนวรอยต่อของผืนป่าแห่งนี้มา แสงอาทิตย์ก็ไม่เคยอยู่กับเธอเลย
“นิล... ดร.นิล!” เสียงของเธอเรียกผ่านความมืด ทั้งที่รู้ดีว่าไม่มีใครตอบกลับ นิลเป็นเพียงเพื่อนร่วมงานของเธอที่หายตัวไปในป่านี้เมื่อสี่ปีก่อน ไม่มีร่องรอย ไม่มีศพ ไม่มีเสียงร้อง เหมือนกับป่ากลืนกินเธอไป...
เสียงฝีเท้าเบา ๆ จากรอบด้านทำให้ลลิตาต้องหยุด เธอหอบแรงขึ้น หูได้ยินแต่เสียงใบไม้ขยับและเสียงคล้ายปีกกระพือ บางสิ่งที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิตนักพฤกษศาสตร์สิบปีของเธอ
ใต้เนินดินที่เต็มไปด้วยรากไม้บิดพันกันราวกับมือของสิ่งมีชีวิตในอดีต ลลิตายืนสั่นเล็กน้อย ต้นไม้รอบข้างสูงใหญ่อย่างผิดธรรมชาติ ลำต้นมีรอยขูดเหมือนถูกเล็บสัตว์ขนาดมหึมาข่วน ลึก รวดเร็ว และเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
เธอกำลังถูกตามล่า?
“กลับไม่ทันแล้วล่ะ”
เสียงกระซิบเบาราวสายลมพัดผ่านหูด้านซ้าย ลลิตาหันขวับ แต่ไม่พบสิ่งใดเลย นอกจากกลิ่นที่ซ้อนกันอย่างน่าขนลุก กลิ่นคาวเลือดเจือจางปะปนกับกลิ่นดอกไม้หอมฉุน
เธอจำมันได้ “กล้วยไม้ผี” พืชปรสิตหายากที่ขึ้นเฉพาะบนพื้นที่ที่เคยมีซากศพอยู่
“ใครอยู่ตรงนั้น” เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย
จากเงามืดใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง เธอเห็นร่างหนึ่งปรากฏขึ้น หญิงสาวผมดำยาวในชุดผ้าฝ้ายสีหม่น ผิวขาวซีดราวกับไม่เคยถูกแสงแดด แววตาของเธอในความมืดสว่างวาบสะท้อนเหมือนนัยน์ตาสัตว์นักล่า หญิงสาวคนนั้นเอียงคอเล็กน้อย ดวงตาไม่กระพริบ มองตรงมายังลลิตา
“อย่าเสียงดัง…” เธอกระซิบเสียงแผ่ว “เดี๋ยวพรานจะได้ยิน”
ชื่อ “พราน” ทำให้ลลิตาเย็นวาบถึงสันหลัง เธอไม่รู้ว่าใครคือพราน ไม่เคยเห็นหน้า แต่ชื่อที่คนในพื้นที่เอ่ยถึงด้วยความกลัวนั้นก็เพียงพอจะบอกว่า คนคนนั้นไม่ใช่แค่พรานธรรมดา
หญิงสาวตรงหน้า... หรือสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในร่างของหญิงสาว... ยังคงยิ้มบาง ๆ ไม่ยี่หระต่อสายตาสงสัยของลลิตา
แล้วทุกอย่างก็ดับวูบลง
ไม่ใช่เพราะลม ไม่ใช่เพราะความมืดธรรมดา แต่มาจากเงาบางอย่างที่เคลื่อนไหวจากด้านหลังเธอ — เงาที่ไม่มีเสียงฝีเท้า ไม่มีลมหายใจ แต่มีเพียงความเย็นเยียบที่แทรกซึมเข้าในกระดูกและกลิ่นดินเปียกเลือดลอยล้อม
และลลิตาก็รู้ว่า... เธอไม่ได้อยู่ในป่าเพียงลำพังอีกต่อไป