จบ เรื่องสั้น : ตายรัง
1
ตอน
215
เข้าชม
3
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
1
เพิ่มลงคลัง
คำเตือนเนื้อหา
คำเตือนเกี่ยวกับเนื้อหาในเรื่องอาจมีการสปอยล์ถึงเนื้อเรื่องหลัก
ทองนาไขว่คว้าสิ่งนั้นในความฝัน แต่มือที่เขาคว้าได้กลับเปื้อนเลือดกลิ่นคาวคลุ้ง  แต่ใช่ว่าเขาต้องการดิ้นรนหาความตาย ชีวิตคล้ายล่องลอยอยู่ในหมอกควันอันมัวซัว 

ยุคสมัยของการแสวงหาและดิ้นรน อาจมีเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคมและการเมืองที่เป็นอยู่ นี่คืออีกมุมหนึ่งของเรื่องราววิถีชีวิตประชากรส่วนหนึ่งของประเทศ กับทางเลือกของการดิ้นรนสืบต่อลมหายใจ ต่อผลกระทบนั้น แม้กระทั่งการกลับมาสู่แผ่นดินถิ่นเกิดที่เคยเนา.

Part(บางส่วนในเรื่อง)

ต า ย รั ง

 

 1...

ตะวันบนฟ้าคาดคะเนเวลายังไม่ถึงเพล ทว่าแสงแดดกลับแผดเผาจนเหงื่อไหลทะลักไม่หยุด ทองนารู้สึกเหนื่อยหอบจนตัวสั่น เขาจึงพักจอบปักข้างโพนดินไว้ที่นั่น ก่อนหมุนตัวเดินไปทรุดนั่งบนคันนาใต้ร่มตะคร้อใหญ่ แล้วเปิดวิทยุทรานซิสเตอร์ไว้ดังพอเบา ๆ 

ผืนนาเกือบสิบไร่ที่ทำกินมีทั้งส่วนเป็นที่ลุ่มและที่ดอนให้เลือกสรรจัดการปลูกพืช คลองน้ำสายเล็ก ๆ ที่ทอดผ่านดั่งเส้นเลือดใหญ่ ลิบ ๆ ทางทิศเหนือมองเห็นเถียงนาใต้ถุนสูงมุงด้วยหลังคาสังกะสีผุ ๆ ข้างโพนสะเดาบริเวณบิ้งนาฝั่งตะวันออก เป็นเขตปล่อยวัวแม้วแดงอีกสามแม่ลูก ในช่วงวัวตัวเป็น ๆ ราคาตกต่ำ แต่เนื้อวัวบนเขียงกลับราคาแพงระยับ หลายคนถึงกับขายทิ้งยกฝูง เพราะเหนื่อยยากในการเลี้ยง ทว่าเขาไม่ยอมขาย คิดว่าสักวันหนึ่งคงได้ราคาดี นึกเสียว่านี่เป็นดอกผลดอกเบี้ยของความอดทนอย่างแทบตาย เขาชะเง้อมองวัวฝูงแม่ลูกยืนเล็มหญ้าห่างจากที่บุกงานพอประมาณ มองเห็นหัวคนเป็นเมียอยู่ลิบ ๆ มีหลายอย่างที่สร้างทำด้วยหวังว่าลูกเมียจะได้ไม่ลำบาก นั่นคือสิ่งวาดหวัง 

จุดที่ทองนาบุกหนักกับงานขุดโพนก่นดิน อยู่ห่างจากร่มตะคร้อใหญ่ริมคันนาราวสิบก้าว ก่อนนั้นพื้นที่สูงส่วนนาดอนด้านทิศเหนือ เขาเคยลงปลูกท่อนมันสำประหลังนานถึงสามปี ครั้งสุดท้ายขุดก่นเก็บขายได้เงินก้อนมาไม่น้อย แต่ต้องละลายหายเกลี้ยงไปกับงานศพของแม่ที่ป่วยตาย 

ผืนนาลาดต่ำใกล้ลำห้วยที่ทอดยาวมาจากเนินตีนภู บิ้งนาบริเวณกว่าสามไร่ เขาลงทุนลงแรงปลูกถั่วเหลือง พื้นที่เหมาะเพราะมีหลุมน้ำกว้างพอได้ปั่นสูบให้การปลูก ตอนนี้ใบถั่วเหลืองที่เคยเขียวสะพรั่งลานตากำลังเหลืองแก่พอเก็บเกี่ยว และยิ่งรู้ข่าวแนวโน้มว่าปีนี้อาจได้ราคาดี เขายิ่งฮึกเหิมแรงใจแรงกาย ก่อนวันเก็บเกี่ยวสีถั่ว ทองนาจึงเร่งรีบแบกจอบขุดคันดินข้างโพนบิ้งนา ตั้งใจเปิดทางผ่านเพื่อให้รถสีถั่วได้เข้ามาถึง 

แสงแดดยังแผดกล้าจนไม่อยากลุกออกจากเงื้อมเงาร่มตะคร้อ แต่ท้องไส้หิวโหยและเหนื่อยหนักผลักให้เขาต้องลุกขึ้น คว้าได้วิทยุทรานซิสเตอร์โทรศัพท์มือถือและถุงยาเส้นบนคันนา ทองนาจึงมุ่งหน้าเข้าสู่เถียง เมียเขาก็เข้าเถียงเช่นกัน นางปล่อยให้ฝูงวัวเล็มหญ้าอยู่ที่นั่น ก่อนกลับเข้ามาจัดเตรียมสำรับกับข้าวเหมือนเข้าใจผัว งกง่วนอยู่ครัวไฟด้านล่าง กลิ่นแกงผักหวานใส่ไข่มดแดงในหม้อโชยมาฉุย ๆ นางเหลือบหันมาทางทองนาแว่บหนึ่ง ส่วนเขารี่ตรงก้าวขึ้นเถียง จัดแจงเปลี่ยนถ่านวิทยุก่อนเปิดฟัง เสียงกลองเพลแว่วดังมาจากวัด ทั้งที่ตะวันยังไม่ถึงเที่ยงแต่ร่างกายคล้ายสิ้นแรงเหนื่อยล้า จะว่าเพราะกรำงานหนักก็ไม่เชิง นับตั้งแต่เขาหนีตายกลับมาจากกรุงเทพฯ ครั้งนี้เขายิ่งรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าของร่างกาย ทองนาเอนตัวลงนอนแผ่บนพื้นปีกไม้ 

แว่วยินเสียงกลองเพลยังคงดังอยู่ตูม ๆ หยอกล้อกับเสียงข่าววิทยุก่อนเที่ยงวัน แต่แล้วเสียงดังตูม ๆ ตึก ๆ จากที่ไหนไม่รู้แทรกเข้ามา ประหลาดที่มันกระแทกดังบาดใจจนขนลุกซู่ คลับคล้ายง่วงงุนเคลิบเคลิ้มแต่ปนหวาดผวาภายในลึก ๆ มีบางอย่างกระชากดึงขึ้นมาอีก ภาพที่เห็นเบลอ ๆ ผุดให้เห็นเป็นเรื่องราว กับความคิดตอนนั้นที่ยังวาดหวังว่าจะได้เงินกลับบ้านอีกสักก้อน เขารีบคว้าหมับวิ่งรี่ตามความฝันนั้น เสียงของมันดังมาจาโทรศัพท์มือถือส่วนตัวนั่นเอง..... 

มีต่อPart2

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว