ชายฝั่งทะเลห่างจากเมืองหลวงไปกว่าสองร้อยลี้เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านอี่หลิว
สกุล หลิว เป็นสกุลใหญ่แห่งอาณาจักร มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่าช่วงเริ่มก่อตั้งแผ่นดิน แม่ทัพผู้ที่คอยติดตามจักรพรรดิไปปราบปรามกองกำลังในแถบชายแดนทุรกันดารมาจากบ้านสกุลหลิว อีกทั้งบุตรีของน้องสาวภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านคนปัจจุบันยังเข้าวังไปเป็นสนม ฉะนั้นสกุล หลิว จึงนับว่าเกี่ยวข้องกับราชวงศ์และตระกูลขุนนางชั้นสูงอยู่ไม่น้อย
เพิ่งพ้นปีใหม่ไปไม่นาน วสันตฤดูอากาศหนาวเหน็บเริ่มเคลื่อนคลาย หัวหน้าหมู่บ้านส่งคนไปทำความสะอาดหน้าทางเข้าหมู่บ้าน โดยเฉพาะรูปสลักหินเทพสงครามอันเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้ของหมู่บ้านแห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่หน้าประตูหัวหน้าหมู่บ้านให้ความสำคัญกับรูปสลักนี้มาก ยามฝนตกลมแรงก็ยังต้องหาเสื้อฟางมาคลุมกันฝันให้
ชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านอี่หลิวอาศัยข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์หาเลี้ยงชีพด้วยการประมง แทบทุกคนในหมู่บ้านมีความเชี่ยวชาญทางน้ำไม่ได้สนใจวิถีชีวิตทางบกอย่างการทำนาหรือถือดาบจับหอกมากนัก ไม่ไกลจากหมู่บ้านมีลานฝึกยุทธ์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยทางการ ทว่านอกจากช่วงเวลาสองสามเดือนในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ที่กองทัพจากเมืองหลวงถูกส่งมาตรวจพลฝึกฝนแล้ว เวลาที่เหลือก็แทบไม่ต่างอะไรกับรูปสลักหินนั่น ไร้ผู้ใดใส่ใจถามไถ่ถึง
ปีนี้ก็เหมือนเช่นทุกปี พรุ่งนี้จะมีกองทหารเข้ามาประจำการ หัวหน้าหมู่บ้านไปตรวจสอบลานฝึกด้วยตนเองตั้งแต่เช้าตรู่ ยามนี้ยังย้ายเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งที่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน คอยมองผู้คนที่กำลังเช็ดถูกรูปสลักหิน ข้างกายมีบ่าวรับใช้คอยยกชาให้ เขาจิบชาอึกหนึ่งพลางชี้นิ้วสั่ง กล่าวว่าต้องเช็ดให้สะอาดหมดจดไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใหญ่อย่างเสื้อเกราะบนกายหรือขวานในมือ กระทั่งส่วนเล็กจิ๋วอย่างซอกเล็บไปจนถึงเส้นผมล้วนไม่อาจปล่อยผ่าน
ผู้หลักผู้ใหญ่ทำงานกันมือเป็นระวิง เหล่าเด็กเล็กก็ใช้โอกาสนี้เล่นซนแบ่งออกเป็นสองกลุ่มเพื่อเล่นซ่อนหา
บางคนที่กล้าหาญและหลักแหลมสักหน่อยวิ่งไปหลบหลังร่างอ้วนพุงพลุ้ยของหัวหน้าหมู่บ้าน ก่อนจะถูกเขาดึงหูลากออกมา “ท่องหนังสือได้หมดแล้วหรือ สำนักศึกษาเปิดเมื่อใดมาดูกันว่าเหล่าซือจะตีมือพวกเจ้าหรือไม่!”
เหล่าเด็กน้อยวิ่งหนีพลางหัวเราะอย่างสนุกสนาน ครั้นเอ่ยถามว่าจะไปที่ใด ต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “จะไปเล่นว่าวกับพี่จิงเจ๋อ
แนวชายฝั่งทะเลที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านอี่หลิวไปไม่ไกล ผิวน้ำสีเขียวเข้มปรากฎเกลียวคลื่นม้วนขึ้นสาดซัดใส่หาดโคลนเฉอะแฉะ ด้านบนมีฟองอากาศผุดขึ้นเป็นชั้น ๆ
เด็กน้อยสามคนห้าคนรวมกลุ่มกันดึงสายว่าววิ่งไปตามแนวชายฝั่งว่ารูปปลาตัวหนึ่งลอยอยู่เหนือศีรษะ ครีบหางสะบัดร่ายรำงดงามดุจเมฆาสีชาดต้องแสงเรืองรอง
ยามลมอ่อน ว่าวที่ลอยอยู่บนฟ้าพลันพลิกกลับแล้วร่วงหล่นลง เด็ก ๆ ช่วยกันวิ่งไถลไปกลับกี่รอบต่อกี่รอบก็ยังไม่อาจทำให้มันลอยขึ้นได้ เด็กหญิงคนหนึ่งจึงตะโกนขึ้นเสียงหนึ่ง
“พี่จิงเจ๋อ รีบมาช่วยเร็วเข้า!”
“มาแล้ว มาแล้ว!”