ทะลุมิติไปเลือกสามีให้เจ้าของร่าง
บทนำ
ฟ่านถิงถิงพยุงร่างกายที่บอบช้ำของซิวอันมารดาของเจ้าของร่างกลับมาถึงเรือน นางก็วางมารดาลงบนเตียงนอนที่มีฟูกเก่าๆอย่างเบามือ
ขอบตาของฟ่านถิงถิงนั้นบัดนี้เริ่มแดงก่ำและร้อนผ่าวขึ้นมาเหมือนว่าหยาดน้ำตานั้นจะเริ่มไหลเอ่อออกมา จนเจ้าตัวนั้นแทบจะอดกลั้นไม่ไหวความรู้สึกที่อยู่ภายในหัวใจของเธอก็เริ่มบีบรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆจนฟ่านถิงถิงต้องนั่งลงข้างๆซิ่วอันและกุมมือของนางไว้
บัดนี้ไม่ว่านางหรือมารดาของเจ้าของร่างนั้นก็อยู่ในสภาวะที่เจ็บปวดเช่นเดียวกันยิ่งรู้ว่าเจ้าของร่างนั้นเสียใจที่เห็นมารดาของนางโดนทำร้ายต่อหน้าต่อตาก็ทำให้ฟ่านถิงถิงนั้นโกรธมากเช่นกัน เพราะยังไงเสียนางก็ถือได้ว่าเข้ามาอยู่ในร่างของกงซิ่วอิงแล้วนับว่านางเป็นคนเดียวกันกับกงซิ่วอิง ถ้าหากว่านางยังทำเป็นเล่นอยู่คนที่ลำบากมากที่สุดก็น่าจะเป็นซิ่วอันมารดาที่กงซิ่วอิงนั้นรักสุดหัวใจ
หลังจากนี้นางจะเลิกเป็นฟ่านถิงถิงแล้วกลายเป็นกงซิ่วอิงคนใหม่ที่ทำให้ซิ่วอันซึ่งถือได้ว่าเป็นมารดาของนางนั้นมีชีวิตที่สุขสบายและอยู่อย่างปลอดภัยให้ได้เพราะไม่รู้ว่าวันไหนนางจะต้องกลับไปยังโลกปัจจุบันแต่ก่อนที่นางจะกลับไปนางจะต้องทำให้สองแม่ลูกนี้มีชีวิตที่สงบสุขและหลุดพ้นจากความร้ายกาจของกงลี่จินแล้วบรรดาของนางให้ได้
“ท่านแม่ท่านเจ็บมากหรือไม่” มือเรียวยกรูปแก้มของผู้เป็นแม่ที่บัดนี้ช้ำเขียวจนหญิงสาวรู้สึกสะท้อนในใจที่ไม่อาจช่วยอะไรมารดาของเจ้าของร่างได้
“แม่ไม่เป็นไรหรอก แม่แค่เป็นห่วงว่าเจ้าจะโดนทำร้าย หากเป็นเยี่ยงนั้นในอีกสี่วัน ใบหน้าของเจ้านั้นบวมช้ำจะทำให้ว่าที่สามีของเจ้าดูถูกดูแคลนเจ้าได้ อีกทั้งเจ้ายังเป็นเพียงลูกอนุ” ซิ่วอิงส่ายหน้าไปมาด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงขึ้น
“ใครว่าข้าเป็นเพียงลูกอนุและท่านก็ไม่ได้เป็นอนุท่านแม่” มือเรียวของผู้เป็นมารดารีบยกปิดปากบุตรสาวเพียงคนเดียวด้วยความตื่นกลัวพลางใบหน้าหญิงวัยกลางคนหันมองไปยังประตูห้อง
“แม่ไม่อยากให้เจ้าพูดเรื่องนี้ขึ้นอีก ไม่เช่นนั้นหากมีใครได้ยินเข้าเจ้าจะลำบาก” ซิ่วอิงหันไปจ้องผู้เป็นมารดาอย่างอดสงสารไม่ได้ที่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนถึงวันนี้ นางจะต้องเอาทุกสิ่งทุกอย่างของมารดาเจ้าของร่างกลับมาให้จงได้ ใบหน้าของหญิงสาวดูเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญจนผู้เป็นมารดานั้นรู้สึกกลัวขึ้นมาจึงดึงร่างบางเข้ามากอดกระชับไว้แน่น
“อย่าทำอะไรที่มันจะส่งผลร้ายแก่เจ้าเลยนะอิงเออร์ แม่หวังเพียงให้เจ้าอยู่รอดปลอดภัยและมีชีวิตที่สุขสบายแต่งงานกับคนที่สามารถดูแลเจ้าได้แม่ขอเพียงเท่านี้” นางหันไปกอดต่อผู้เป็นมารดา
“ไม่ใช่เพียงแค่ข้าจะแต่งงานกับผู้ที่ให้ความสุขสงบในชีวิตของข้าได้แต่ข้าจะแต่งงานกับผู้ที่สามารถปกป้องข้าและท่านได้ ข้าจะไม่ให้ใครมารังแกท่านและซิ่วอิงได้อีกเป็นอันขาด ข้าสัญญาท่านแม่” น้ำเสียงของนางนั้นดูเด็ดเดี่ยวและหนักแน่น
ผู้เป็นมารดาหันไปมองหน้าบุตรสาวของตนที่ปกติแล้วซิ่วอิงเป็นคนไม่ค่อยกล้าที่จะพูดอะไรและกลัวบ้านใหญ่เป็นที่สุด เหตุใดวันนี้บุตรสาวของนางถึงดูเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญผิดแปลกไปจากเดิมกว่าทุกวัน
“ไม่ว่าเจ้าจะทำสิ่งใด แม่อยากให้เจ้าลองตรองดูว่ามันปลอดภัยกับชีวิตเจ้าหรือไม่” ซิ่วอิงหันไปกอดตอบผู้เป็นมารดาด้วยความรักใคร่และเห็นใจเป็นที่สุด
“ท่านแม่ท่านไม่ต้องกลัวอันใดหรอกนะเจ้าคะ ลูกจะเป็นคนดูแลท่านเอง” หญิงสาวดันไหล่ผู้เป็นมารดาให้เอนตัวลงนอนแต่ซิ่วอันยังมองบุตรสาวที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยแววตาที่เป็นกังวล
“หลับตาเถอะท่านแม่นี่ก็ดึกแล้วท่านควรพักผ่อน ข้าก็จะกลับไปพักผ่อนเช่นกัน” ซิ่วอิงห่มผ้าให้ผู้เป็นมารด่และตบที่อกของมารดาเบาๆเพื่อเป็นการกล่อมให้มารดานอน ใบหน้าหวานส่งยิ้มให้ผู้เป็นมารดาไม่นานซิ่วอันก็หลับไป
กงซิ่วอิงเดินกลับไปที่ห้องของตัวเองที่อยู่ไม่ไกลแต่แล้วสายตาพลันไปสะดุดกับเงาตะคุ่มที่อยู่บนยอดไม้ ความจริงแล้วนางเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่ามีใครบางคนอยู่ด้านบนยอดไม้นั่นแต่แค่ไม่รู้ว่ามาดีหรือมาร้ายก็แค่นั้น
“หากทางการล่วงรู้ว่าท่านแอบเข้ามาในเรือนของผู้อื่นท่านอาจจะถูกลงโทษเอาได้” ไม่รู้ว่าคนบนต้นไม้นั้นจะเป็นมิตรหรือศัตรู จะเป็นแค่คนสอดแนมหรือเป็นมือสังหารนางก็ไม่รู้ได้ แต่สิ่งที่นางรู้คือหากเป็นมือสังหารจริงๆนางก็คงจะยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าของร่างและมารดาของนางไม่ได้
ซิ่วอิงเงยหน้าขึ้นมองบนต้นไม้พลางเพ่งสายตาผ่านความมืดสลัวที่ปกคลุมอยู่ ไม่นานเจ้าของร่างก็กระโดดลงมาจากต้นไม้ด้วยท่าทางสง่างามดวงตาคู่สวยนั้นจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของผู้ที่อยู่เบื้องหน้า
“ข้าก็แค่อยากรู้ว่าคุณหนูรองตระกูลกงนั้นนิสัยใจคอเป็นเยี่ยงไรกันแน่” สายตาคู่หวานยังจ้องอยู่ที่ใบหน้าหล่อไร้ที่ติ ดูเย็นชาจนยากจะเข้าถึง
“ท่านเห็นข้าเป็นเยี่ยงไร ข้าก็เป็นเยี่ยงนั้น” ตู้ฮุ้ยหลิงหันไปยักไหล่และขยับก้าวเดินเข้ามาใกล้ๆพร้อมกอดอกยืนมองนางอยู่ชั่วครู่
“เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเจ้าและแม่ของเจ้า”
“เรื่องนั้นมันเป็นเรื่องในครอบครัวของข้าท่านไม่ต้องเข้ามายุ่ง” ซิ่วอิงหมุนตัวกลับและกำลังจะเดินตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง
“เจ้าหมายความเยี่ยงนั้นจริงหรือ” นางต้องชะงักฝีเท้าเมื่อได้ยินคำถามของผู้ที่อยู่เบื้องหลังแต่แล้วก็มีเสียงฝีเท้าของคนหลายคนกำลังเดินตรงมายังเรือนของนาง
ซิ่วอิงหันไปมองที่ประตูทางเข้าเรือนก็เจอเข้ากับคุณหนูใหญ่กงลี่จินกับสาวใช้สองนางเดินนำทางมา
“น้องหญิงกำลังตากน้ำค้างชมพระจันทร์อยู่หรือ” ซิ่วอิงหันไปมองคุณหนูใหญ่ตระกูลกงด้วยท่าทางที่หวาดระแวง หากลี่จิ่นมาเยือนเรือนของนางในช่วงเวลาดึกขนาดนี้คงต้องมาทำเรื่องสำคัญเป็นแน่
“เหตุใดน้องหญิงจึงมองข้าเยี่ยงนั้นเล่า ข้าก็แค่เป็นห่วงเจ้ากับแม่ของเจ้าจึงเอายาสมุนไพรทาแก้ฟกช้ำมาให้” ซิ่วอิงมองดูมือเรียวที่ถือขวดยายื่นให้นางตรงหน้าแล้วหันกลับไปมองผู้ที่อยู่เบื้องหลังซึ่งบัดนี้เขาได้หายไปแล้ว
“ท่านน่ะหรือเป็นห่วงข้ากับแม่ของข้า”
“ใช่น่ะสิน้องหญิงรับไปสิ” ลี่จินยื่นขวดยาให้ซิ่วอิงด้วยใบหน้าที่ยิ้มเย็นจนผู้ที่ยื่นมือมารับนั้นรู้ในแผนการชั่วทันที ไม่รู้ว่าเจ้าของร่างคนเดิมนั้นจะรู้ทันผู้เป็นพี่หรือไม่แต่สำหรับนาง นางรู้ทันทีว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลกงที่หอบร่างสวยระหงมาจนถึงเรือนนอนของนางที่อยู่ห่างไกลจากเรือนใหญ่ในช่วงเวลาดึกๆขนาดนี้คงไม่ได้จะเห็นอกเห็นใจเช่นนั้นหรอก
“ขอบคุณมากน้องข้า” คำพูดของซิ่วอิงนั้นทำให้ลี่จินรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“เจ้าเรียกใครว่าน้อง”
“เจ้าไง” ซิ่วอิงจ้องหน้าของกงลี่จินอย่างท้าทาย บัดนี้คุณหนูใหญ่ตระกูลกงดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธจนไม่อาจปกปิดไว้ได้อีกแล้ว
“หรือไม่ใช่หากว่าเจ้าเกิดหลังข้า เยี่ยงนั้นเจ้าก็ต้องเป็นน้องของข้าจริงหรือไม่เล่า” น้ำเสียงเยือกเย็นถูกเปล่งออกไปและดวงตาคู่สวยนั้นดูแข็งกระด้างขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เป็นครั้งแรกที่ลี่จินนั้นเห็นใบหน้าและท่าทางแบบนี้ของกงซิ่วอิงจนทำให้นางรู้สึกตกใจขึ้นมา ชั่วอึดใจใบหน้าสวยของลี่จินก็เปลี่ยนเป็นแสยะยิ้ม
“ข้าก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงแม้ว่าข้านั้นจะเกิดหลังเจ้า แต่บิดาของข้าก็เลือกที่จะยกแม่ของข้าเป็นภรรยาเอกและให้ข้าเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลกงเพื่อไม่ให้ข้ากับแม่ข้านั้นขายหน้าผู้ใด แต่สำหรับเจ้าไม่ว่าเจ้าจะเกิดก่อนแม่เจ้าจะมาก่อนแต่กลับได้เป็นเพียงอนุและบุตรของอนุชั้นต่ำที่อาศัยเรือนทาสอยู่เช่นนี้” ลี่จินมองไปรอบๆเรือนไม้หลังเก่าที่ผุพังและแทบจะไม่สามารถบังลมฝนได้สักเท่าไหร่ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มารดาของซิ่วอิงนั้นป่วยกระเสาะกระแสะมาหลายปีและไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น นางหันมายิ้มเยาะอีกครั้งพลางยกมือป้องปากด้วยท่าทางติดตลก จนซิ่วอิงนั้นกำมือแน่นและขว้างขวดยาลงกับพื้นด้วยท่าทางไม่พอใจ
“เพล้ง” ขวดยาที่เพิ่งได้รับมาจากคุณหนูใหญ่ตระกูลกงนั้นถูกขว้างลงกับพื้นจนแตกกระจาย
ลี่จินรู้สึกไม่พอใจใบหน้าของนางดูโกรธขึ้นมาทันที ซิ่วอิงจึงก้มลงไปหยิบเศษขวดแก้วนั้นขึ้นมาและยื่นไปเบื้องหน้าของลี่จินที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากนาง จนเจ้าตัวต้องถอยหลังไปครึ่งก้าว
“ก็แค่ขวดยาที่แตกเหตุใดเจ้าจึงกลัวเล่าหรือว่าในขวดนี้มียาพิษ ยาสลายเส้นเอ็น หรือมียากัดกร่อนผิวหนังกันเล่า” นางหันไปถามผู้ที่เรียกตัวเองว่าพี่ ที่บัดนี้ดูท่าทางหวาดกลัวไม่น้อยจนคนรับใช้ทั้งสองต้องรีบเข้ามาพยุงคุณหนูใหญ่ตระกูลกงที่เดินถอยหลังแทบจะล้ม
“หรือว่าข้าจะลองเอาเศษแก้วที่ติดยาเพียงเล็กน้อยกรีดเข้าที่ใบหน้าสวยๆของท่านดูซิว่ามันเป็นยาชนิดใด เมื่อมันออกฤทธิ์แล้วท่านจะทุกข์ทรมานเพียงใดจะมีชายใดกล้าที่จะแต่งงานกับท่านหรือไม่” คำพูดของซิ่วอิงนั้นดูน่าขนลุกทำให้ผู้ที่ได้ยินกลัวจนถอยลนลานไปด้วยกันทั้งสามนางนั้นล้มลงกับพื้นจนแทบทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นท่าทางของซิ่วอิงที่เปลี่ยนไปจากเดิมดูไม่เหมือนซิ่วอิงที่นางเคยเจอมาก่อน จนรู้สึกว่ากลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“เจ้าจะทำร้ายข้ารึเลย” ลี่จินที่ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆและหันไปจ้องหน้าของซิ่วอิง จนซิ่วอิงนั้นหัวเราะร่าออกมา
ทั้งสามนางมองหน้ากันไปมาและรู้สึกไม่เข้าใจในท่าทางของซิ่วอิงเพราะปกติแล้วแม้แต่สายตาของสาวใช้ ซิ่วอิงก็ไม่กล้าที่จะเงยหน้ามองและกล้าสบตากับผู้ใด นางเอาแต่เก็บตัวอยู่เรือนข้างหลังจวนไม่ค่อยจะออกไปไหนสักเท่าไหร่หากบิดาของนางไม่เรียกหา
“ข้าน่ะเหรอจะทำร้ายท่านพี่ ท่านต่างหากที่คิดจะทำร้ายข้าและแม่ของข้า หากว่าดาบนี้สนองคืนก็สาสมอยู่นี่ ที่ท่านจะต้องรับกับสิ่งที่ท่านกำลังกระทำกับผู้อื่น” ว่าแล้วซิ่วอิงก็เดินขยับเข้าไปใกล้ๆกงลี่จินจนนางหวาดกลัวและลุกขึ้นรีบหันหลังวิ่งออกไปจากเรือนของนางทันที
“ท่านพ่อช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วยท่านแม่” เสียงกรีดร้องของกงลี่จินนั้นดังไปตามทางเดินตรงไปยังเรือนใหญ่ไม่นานเสียงนั้นก็เงียบหายไป
ซิ่วอิงรีบไปหยิบไม้กวาดมาเก็บเศษแก้วนั้นออกไปให้พ้นทางเดินกลัวผู้เป็นมารดาจะมาเหยียบเข้าและเกิดอันตราย ไม่นึกว่าความร้ายกาจของคุณหนูใหญ่ตระกูลกงนั้นมีไม่น้อย นี่ถึงขนาดตามมาทำร้ายต่อไม่ปล่อยให้ผู้อื่นได้หลับได้นอนกันเลย
ไม่รู้ว่าที่ผ่านมากงซิ่วอิงนั้นเจออะไรมาบ้าง แม้แต่ความจำเพียงสักนิดก็ไม่ผุดขึ้นในสมองของนางเลยจนนางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าของร่างบางถึงทำให้นางเข้ามาสวมรอยอยู่ในร่างของกงซิ่วอิงได้ในเวลานี้
ซิ่วอิงเดินเข้าไปในห้องและเปิดหน้าต่างหญิงสาวนั่งอยู่ที่ริมหน้าต่างพลางมองออกไปดูดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนท้องนภา สายลมนั้นพัดเอื่อยๆมาทางหน้าต่างจนรู้สึกเย็น นางพลันคิดถึงใบหน้าของคุณชายตระกูลใหญ่ทั้งสี่ที่นางนั้นเจอในวันนี้ นางควรจะทำเยี่ยงไรดีที่จะเลือกคุณชายตระกูลใหญ่ทั้งสี่ให้มาเป็นคู่ครองของคุณหนูรองตระกูลกงดีนะ
“หากว่าเลือกคุณชายตระกูลเกานางก็คงจะแต่งงานได้อยู่กินกันอย่างมีความสุข” เมื่อคิดถึงหัวหน้าตระกูลเกาและคุณชายเกานั้นคงจะรักและเอ็นดูซิ่วอิงไม่น้อย
“แต่จะว่าไปถ้าข้าเลือกคุณชายเกาให้นาง หากลี่จิ่นรั้นจะเอาชนะนางเล่าแล้วแย่งคุณชายเกาไปได้” ซิ่วอิงนั้นรู้อยู่เต็มอกว่าบิดาของนางนั้นสั่งให้นางนั้นถอยให้ผู้เป็นพี่สาวเพื่อจะให้กงลี่จินได้สมหวังกับคุณชายเกา
“ไม่รู้ว่าคุณชายเกาจะรักนางไปจนถึงเมื่อไหร่ หากไม่เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวในความรักและถูกกงลี่จินแย่งไปในช่วงเวลาที่นางกลับไปอยู่ในปัจจุบันแล้วเจ้าของร่างยอมให้กงลี่จินแย่งสามีไปได้จริงๆจะทำอย่างไรเล่า” ยิ่งคิดนางก็ยิ่งวิตกกังวลเป็นอย่างมาก กลัวว่านางจะเลือกบุรุษผิดคนให้เจ้าของร่าง
“ทำไมเลือกยากเยี่ยงนี้เนี่ย เฮ้ย” หญิงสาวเงยหน้ามองดวงจันทร์พลางคิดอยู่หลายต่อหลายครั้งจนในที่สุดนางก็ส่ายหน้าไปมา
“จะว่าไปข้าก็ง่วงแล้วแหละเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปถามท่านแม่ว่าตกลงแล้วคุณหนูรองเป็นคนนิสัยใจคออย่างไรกันแน่ แล้วค่อยตัดสินใจเลือกคู่ให้นางอีกครั้งก็แล้วกัน” ซิ่วอิงปิดหน้าต่างแล้วเดินตรงไปยังเตียงนอนของตัวเอง