แถ่นแท๊นนน!! มาแล้วค่ะเล่มปิดซีรีส์ไร่ภูพญา
คราวนี้เป็นเรื่องของเสือตัวสุดท้าย ก็คือเสือสำอางเมืองกรุงอย่าง ‘ศารทูล’ หรือคุณเดียวที่ออกไปป่วนคนอื่นๆ ในเรื่อง สีหราชล่ารัก และ ดวงใจพัยคฆา นั่นเองค่ะ คู่ปรับของหนุ่มเดียวก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ‘เกสรี’ หรือหนูเกรซ สิงห์สาวเมืองเหนือ ไข่แดงสุดหวงของหนุ่มๆ ไร่ภูพญานั่นเองค่ะ งานนี้จะแซ่บ จะฮาขนาดไหน เราคงต้องมาลุ้นกันอีกแล้วค่ะ แต่ขึ้นชื่อว่าทายาทไร่ภูพญา แน่นอนว่าต้องแสบซ่าไม่แพ้พ่อกับพี่ชายแน่นอน มาดูกันค่ะว่าสิงห์สาวจะกำราบเสือเพลย์บอยแบบไหน
ขอฝากลูกสาวลูกชายรายล่าสุดด้วยนะคะ
เสือสองตัวไม่อาจอยู่ถ้ำเดียวกัน แต่ถ้าเป็นเสือตัวผู้กับสิงห์ตัวเมียก็คงพอจะอะลุ้มอล่วยกันได้กระมัง แถมลูกผู้ชายอย่างเขายังใจกว้างพอ ขอยอมอยู่ข้างล่าง เอ๊ย! ยอมเป็นเบี้ยล่างอย่างเต็มใจอีกด้วย พ่อบ้านใจกล้าแบบนี้ ไม่อยากได้เป็นสามีหรืออย่างไร?
“พี่เดียว ช่วยเกรซหน่อย” เกสรีออดอ้อนอีกครั้ง เลื่อนมือของอีกฝ่ายที่ตนเองกุมอยู่ไปยังจุดที่โหยหาสัมผัสจากเขาโดยไม่รู้ตัว รู้แต่ว่าต้องการบรรเทาความทรมานที่กำลังรุมเร้าเท่านั้น
สัมผัสนุ่มใต้ฝ่ามือทำให้ศารทูลหลุดจากภวังค์ เลิกจินตนาการถึงพระเจ้าแบบฉับพลัน ก้มมองว่าอะไรอยู่ในมือแล้วสะดุ้งเฮือก
นะ...นะ...หน้าอก! หน้าอกของเกสรี เขากำลังจับหน้าอกของเกสรีอยู่ แถมเจ้าตัวยังกดมือเขาให้สัมผัสเน้นๆ อีกต่างหาก
หมับ! เสือร้ายกางฝ่ามือเคล้นคลึงจนเต็มรัก ให้สมกับถวิลหามานาน แต่แล้วสัมผัสนุ่มนิ่มก็ทำให้ได้สติอีกครั้ง
ไม่! เขาต้องไม่ทำแบบนี้ เขาต้องไม่ฉวยโอกาสตอนที่เกสรีไม่มีสติ เขาจะต้องเป็นผู้ชายที่ดีให้เธออภูมิใจ คิดแล้วก็รีบดึงมือกลับ กอดอกไว้มั่นราวกับกลัวว่าเธอจะดึงมือเขาไปจับอะไรที่ไม่สมควรจับอีก
พอสัมผัสชวนสบายหายไปเกสรีก็ปรือตาขึ้นด้วยความทรมานและอัดอั้น เธอเหลียวมองหาศารทูลแล้วพึมพำเรียกเขาอีก “พี่เดียวช่วยหน่อย”
ศารทูลส่ายหน้าหวือ “พี่ช่วยไม่ได้”
เกสรีพยายามยันกายลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะเอ่ยอีกครั้ง “ก็บอกว่ามันทรมานไง ช่วยหน่อยสิ”
“ก็บอกว่าไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้!” ปากเสือร้ายปฏิเสธ แต่ตาจ้องทรวงอกอวบอิ่มเขม็ง เพราะเกสรีไม่มีสติพอจะปกปิดเนื้อตัวแต่อย่างใด
“ทำไมถึงพูดไม่รู้เรื่องนะ” เกสรีโผเข้าไปหา ความที่ไม่รู้จักจริตหญิง และสิ่งที่เชี่ยวชาญที่สุดก็คือการใช้กำลัง เมื่อรู้สึกว่าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากอีกฝ่าย จึงระบายความทรมานด้วยการทุบตีเขาเป็นพัลวัน
“เกรซ อย่าทำพี่” ศารทูลได้แต่ปัดป้องอย่างอ่อนแรง เพราะอยากคล้อยตามใจแทบขาด
สภาพของทั้งสองคนจึงแสนพิลึกพิลั่น เพราะมันเหมือนกับเกสรีกำลังมุ่งมั่นจะปลุกปล้ำศารทูลให้ได้ ส่วนฝ่ายชายก็ได้แต่ดิ้นรนขัดขืน ขาดก็แต่เสียงร้องไห้กระซิกๆ แบบในละครเท่านั้นเอง