“แต่อะตอมอยากลงเดินจับมือกับคุณแม่ค่ะ” เด็กน้อยรู้ว่ามารดาเหนื่อย เพราะลมหายใจที่พ่นออกมาถี่ๆ ซึ่งเป็นลักษณะของคนเหนื่อยหอบที่มารดาเคยบอกให้ฟังแล้วเด็กน้อยจำได้ ทำให้เธอรีบบอกมารดาว่าอยากลงเดินจับมือกัน
“โอเค ถ้างั้นก็เดินจับมือกันนะคะ” ชนัญชิดายอมปล่อยบุตรสาวลง ก่อนที่เด็กน้อยจะรีบลงจากอ้อมแขนของมารดา แล้วเกี่ยวมือของมารดาไว้พร้อมกับยิ้มแก้มป่องส่งให้มารดาของเธอ
“ไปค่ะ” เด็กน้อยรีบบอกมารดาทันที
“งั้นเราไปที่บ้านของเล่นกันก่อนมั้ยคะ อะตอมจะได้ไปเล่นกับเพื่อนใหม่เยอะแยะเลย แล้วค่อยมาทานไอศครีมสเวนเซ่นกัน” ผู้เป็นมารดาบอกด้วยรอยยิ้ม วันนี้ทั้งวัน เธอมอบมันให้กับบุตรสาว เธอจะพาบุตรสาวไปทำทุกอย่างตามที่บุตรสาวอยากทำ เพื่อชดเชยเวลาที่เธอไม่ค่อยได้มีให้บุตรสาว
“ค่ะ เย้ๆ เล่นของเล่น” เด็กน้อยรีบกระโดดด้วยความดีใจ ก่อนที่จะเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งเพราะความดีใจ ทำให้มือของเด็กน้อยหลุดจากการเกาะกุมของมารดา เด็กน้อยจึงล้มลงไปทันที ด้วยความตกใจทำให้เด็กหญิงชนัญญาร้องไห้ออกมา
“หนูครับ เป็นอะไรมั้ยครับ” ก่อนที่ชนัญชิดาจะเข้าไป มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาช่วยบุตรสาว ก่อนจะปลอบบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ฮือๆๆ แม่ดาจ๋า แม่ดา” เด็กน้อยไม่ตอบอะไรร้องหาแม่ เมื่อชนัญชิดาเห็นเช่นนั้น เธอก็รีบเข้าไปหาบุตรสาวทันที โดยไม่ทันสังเกตว่าร่างสูงที่เข้ามาช่วยเหลือบุตรสาวคือใคร
“โอ๋ๆ คนเก่งไม่เป็นอะไรนะคะ แม่อยู่ตรงนี้แล้ว” ชนัญชิดารีบรั้งร่างเล็กของบุตรสาวเข้ามาในอ้อมกอดก่อนจะตบหลังบุตรสาวเบาๆ เพื่อปลอบประโลมเธอ เพียงไม่นานเด็กน้อยก็นิ่งเงียบเพราะอ้อมกอดอุ่นของมารดา เธอไม่รู้เลยว่าสายตาของใครบางคนกำลังมองมาที่เธอและบุตรสาวด้วยความตกใจ
“ขอบคุณคุณลุงเขาก่อนค่ะลูก” ด้วยความที่สนใจเพียงแค่ลูก ทำให้เธอไม่ได้มองว่าผู้ที่มาช่วยเหลือบุตรสาวของเธอคือใคร แต่เพียงแค่เธอเงยหน้าเพื่อจะส่งยิ้มให้เขาเท่านั้น เธอก็ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ทำไมโลกมันถึงกลมมากมายถึงเพียงนี้
“สบายดีนะดา” เสียงของปีมงคลนั้นมันทำให้หญิงสาวหนาวเย็นไปจนถึงขั้วหัวใจ
“สบายดีค่ะคุณปี” ด้วยความห่างเหินจากระยะเวลาที่ผ่านมาทำให้เธอไม่กล้าที่จะเรียกเขาแบบสนิทสนมเหมือนในวันวาน