ยิ่งตี้ตระกูลโจว โปรโมชันอ่านฟรี 12 ตอน (26 ธ.ค. 2567 - 01 ม.ค. 2568)

จีน

จบ ยิ่งตี้ตระกูลโจว โปรโมชันอ่านฟรี 12 ตอน (26 ธ.ค. 2567 - 01 ม.ค. 2568)

ยิ่งตี้ตระกูลโจว โปรโมชันอ่านฟรี 12 ตอน (26 ธ.ค. 2567 - 01 ม.ค. 2568)

พริมริน

จีน

30
ตอน
10.2K
เข้าชม
15
ถูกใจ
2
ความคิดเห็น
55
เพิ่มลงคลัง
คำเตือนเนื้อหา
คำเตือนเกี่ยวกับเนื้อหาในเรื่องอาจมีการสปอยล์ถึงเนื้อเรื่องหลัก
นางลอบเข้ามายังตระกูลโจว สำนักคุ้มภัยเสวี่ยจงในฐานะยิ่งตี้ สินสอดของบุตรชายโจวหมิงเจ๋อ ปีศาจร้ายในคราบมนุษย์ บุรุษชั่วช้าสังหารคนรักนาง ประทับตรา กรีดเลือดร่วมสาบานเป็นตายพรากจากผูกสัญญาสองเรา

นิยายรักจีนโบราณ เรท NC25+  

ลงวันละ 2 ตอน 17.00, 20.00 

ไป๋หลินเอ๋อร์ ลอบเข้ามายังสำนักคุ้มภัยเสวี่ยจงในฐานะยิ่งตี้  

สินสอดของเจ้าสาวมอบให้เจ้าบ่าว บุตรชายคนโตของตระกูลโจว เพื่อสืบหาคนรักที่ถูกจับตัวไว้  

ทว่าโจวหมิงเจ๋อ เจ้าสำนักผู้เย็นชา  

ปีศาจร้ายในคราบมนุษย์ บุรุษชั่วข้าสังหารคนรักนางต่อหน้า  

ประทับตราบนหัวไหล่ กรีดเลือดร่วมสาบาน  

เป็นตายพรากจาก ผูกสัญญาสองเรา  

อยู่ร่วมใช้ชีวิตคู่กันนิจนิรันดร์ หากต้องการหนีจากอสูรร้าย มีเพียงความตายเท่านั้น 

ทว่า...ตระกูลโจวมีความลับซุกซ่อนไว้ 

นางจะทำเช่นไรเมื่อได้รับรู้บางสิ่ง 

ปีญาจตนนี้อาจไม่ใช่ปีศาจสำหรับนางอีกต่อไป? 

เช่นนั้น..หรือ? 

ไทโป       @Tokungebookปกนิยายและไทโป  

ปกนิยาย        @Fran'ces Krittaphat  (ฟรานซ์) 

ตัวละคร 

 ไป๋หลินเอ๋อร์  :          ลูกสาวชาวนา ปลอมตัวเข้ามาในสำนักคุ้มภัยเสวี่ยจง ในฐานะ ยิ่งตี้ เพื่อตามหาชายคนรัก 

โจวหมิงเจ๋อ    :          เจ้าสำนักคุ้มภัยเสวี่ยจง รูปงามดั่งเทพ แต่เย็นชา โหดร้าย บิดาของโจวจางหมิ่น 

โจวจางหมิ่น   :          บุตรชายคนโต เรียกัน นายน้อย 

ฮุ่ยหรู          :          ลูกพ่อค้าผ้าแพร แต่งเข้าตระกูลโจว 

ชางซิงเยียน   :          นายน้อยหญิง ผู้ดูแลเสวี่ยจง 

เฉียนฟาน      :          คนสนิทโจวหมิงเจ๋อ 

ภายในห้องชั้นเก้าหกเหลี่ยมมีเพียงเสียงเตาถ่านเผาไหม้ตราประทับร้อน เสียงลมกรรโชกแรงขึ้นพัดพาละอองฝนปรอยเล็กเข้ามาในห้อง นางขยับดึงโซ่ตรวนยังรัดแน่น สีหน้าหวาดกลัวขึ้นมาขณะมองแท่งเหล็กในมือโจวหมิงเจ๋อ ปลายแท่งตราประทับร้อนจนสีแดงสว่างจ้าตัดความมืดมิด 

“ไม่ ท่านจะประทับตราข้าไม่ได้” 

“คนในสำนักต้องถูกประทับทั้งสิ้น บ่งบอกว่าเป็นคนของเสวี่ยจงโหลว ทว่าตราประทับจะแตกต่างกันไปตามตำแหน่ง” 

โจวหมิงเจ๋อคุกเข่าบนเตียงด้านหลังนาง กระชากเสื้อคลุมออกกดร่างนางลง ให้ดวงหน้าแนบฟูก ใช้ลำตัวแสนหนักอึ้งพาดตัวไว้กันนางดิ้นหนี 

“หากเจ้าดิ้น ยามแผลแห้งมันจะไม่สวยเท่าไร” คำขู่นี้ไม่เป็นผลเพราะยิ่งทำให้นางรู้ได้ทันทีว่าเขาหมายใจกดแผ่นเหล็กนี้จนลึก  

“เจ้าคนชั่วช้า ข้าเกลียดท่าน!!” เสียงหวานเอ่ยลอดไรฟัน แนบใบหน้านอนนิ่ง หลับตาขณะที่กระไอร้อนของตราประทับใกล้เข้ามา 

“ตรานี้ เป็นรูปเสือ ซึ่งจะมีเจ้าเพียงคนเดียวที่มีสัญลักษณ์นี้” พูดจบมือแกร่งกดแท่นตราลงผิวเนื้อ 

ช่า.... 

“อ๊า.....อ่า........ ข้าเกลียดท่านนนนน” ไป๋หลินเอ๋อร์ตะโกนสุดเสียงแข่งกันเสียงเผาไหม้เนื้อนุ่มยามแท่นร้อนกดลง  

น้ำตาไหลรินด้วยความเจ็บแสบ กลิ่นเนื้อไหม้ กลิ่นควันโชยบนแผ่นหลัง ได้ยินเสียงสูดลมหายใจหนักหน่วงของชายด้านบน 

“ส่วนข้าเป็นตรามังกร ซึ่งมีเพียงข้าเท่านั้นที่มีสัญลักษณ์นี้” เขายกแท่งเหล็กออกแล้วโยนทิ้ง 

เคร้ง!! 

“ข้า ... เกลียด... ท่าน โจวหมิงเจ๋อ” เสียงหวานนุ่มในยามนี้สั่นเทาจากความเจ็บปวดลอดไรฟันจนเป็นเพียงเสียงกระซิบ 

โจวหมิงเจ๋อครางในลำคอกดหัวไหล่นางไว้จนใบหน้าจมฟูก ขยับเคลื่อนหยกยาวเข้าสู่ร่องเนื้อนุ่มสีอ่อนหวานที่ยังเลอะด้วยคราบน้ำเชื้อพันธุ์ตระกูลโจว  

“อีกไม่กี่เดือน ท้องเจ้าจะใหญ่ขึ้นด้วยสายพันธุ์ตระกูลโจว อืม..” 

“ข้าจะ..อึก อึก ทำลายจนสิ้น”  

เขาเคลื่อนใบหน้าไปทางใบหู ลงแรงกัดก่อนใช้ลิ้นชอนไชขณะโยกคลอน “หากเจ้าทำ บิดา อ่า มารดาของเจ้า อืมมม คงไม่อาจอยู่ร่วมชาตินี้กับข้าได้อีก เจ้าเข้าใจคำนี้หรือไม่...ฮูหยิน” 

ไป๋หลินเอ๋อร์หลับตาแน่น ความรู้สึกหน่วงร้าวกำลังจู่โจมบ้าคลั่ง แผลประทับบนไหล่ยังเจ็บลึก อสูรร้ายกำลังกลืนกินนางทีละน้อยด้วยบางอย่าง สิ่งที่นางมองไม่เห็นแต่สามารถสัมผัสได้ขณะที่เขาฝั่งท่อนหยกในโพรงรักของนาง  

เสียงทุ้มต่ำพร่ากลั้วหัวเราะในลำคอยามโยกคลึง บดแน่นและตอกใส่ไร้ความปราณี รุนแรงยิ่งกว่าคราแรก กายสาวแรกผลิเพิ่งเสียพรหมจรรย์ชอกช้ำแดงก่ำ ปากทางแยกออกด้วยท่อนเนื้อยาวใหญ่ 

เขาหยุดเพียงถอดอาภรณ์ตนเองออก ปล่อยให้เหงื่อกายไหลอาบลงหน้าท้องแล้วหยดลงแผ่นหลังบอบบาง เลื่อนมือปาดเม็ดเหงื่อแล้วจับเอวของนางไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ยกนางกระแทกกลับเข้าหาลำร้อน แหงนศีรษะครางลอดลำคอ 

“อ่า อ๊า อีกหลินเอ๋อร์ ใกล้แล้ว” 

พั่บ พั่บ พั่บ เคร้ง แกร๊ก กร๊าก 

เสียงเนื้อกระทบและเสียงโซ่ตรวนบนข้อมือนางส่งเสียงสอดคล้องกันราวจังหวะของดนตรี เตียงใหญ่เกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าดทุกคราวยามเขาตอกใส่ 

“อื้ออออ อืออออ” 

ไป๋หลินเอ๋อร์กำโซ่ตรวนไว้ทั้งสองมือ ซบหน้าลงกดแน่น กัดผ้าแพรด้วยแรงที่มีสะกดกลั้นเสียงร้องครางสุขสม ร่างบอบบางสั่นสะเทือนโยกคลอนขณะชายด้านหลังส่งแรงโจนจ้วง 

เขาโน้มร่างลงหาเธออีกครั้ง โหย่งตัวยืนขึ้น กดลำรักลงเนื้ออ่อนหวานฉ่ำชื้น จับมือนางออกจากโซ่แล้วแบออกจดคมมีดลงกลางฝ่ามือ 

ฟึ่บ .... พรวด 

“อ๊า ท่าน โจวหมิงเจ๋อ ท่านทำอะไร อื้อออ เจ็บ” 

ไป๋หลินเอ๋อร์ตาเบิกโพล่งมองมือตนเองถูกมีดเล็กกดเข้าเนื้อไม่ลึกมากแล้วกรีดเป็นทาง ก่อนที่จะมีฝ่ามือใหญ่ของโจวหมิงเจ๋อที่กระทำเช่นเดียวกันประกบกันไว้ 

“อ่า ตามประเพณีตระกูลโจว วันเข้าหอเจ้าสำนักประมุขตระกูลและฮูหยินจำต้องหลั่งเลือดผสานกันรวมเป็นหนึ่งเดียว ขณะหลั่งเชื้อพันธุ์ อืมม” 

“ไม่ ไม่ ไม่!!” ไป๋หลินเอ๋อร์มองมือตนเองเปล่งเสียงตื่นตระหนก 

ฝ่ามือใหญ่บีบรัดฝ่ามือเล็กของนางจนแน่นให้เลือดของทั้งคู่ผสานผสมหลั่งรินไหลรวมเป็นเนื้อเดียว เขาโยกคลอนถอนลำออกยาวแล้วเสือกกายเข้าใส่ต่อเนื่อง ทุกขณะยามตอกเสียบโลหิตของเราทั้งคู่หล่อหลอมแทรกซึมเข้าสู่ผิวเนื้อที่เปิดอ้า แดงฉานฉ่ำเหนียวเหนอะ 

“อ่า ข้าใกล้แล้ว อืมม” 

ร่างกายใหญ่โตห่อหุ้มนางไว้ ล้วงมือลงด้านล่างสัมผัสเนินสวาทเลื่อนปลายนิ้วเข้าหาร่องรักกลางรอยแยกจนพบจุดอ่อนไหว...กดคลึง 

“อื้อออ อย่า อ่า อ๊า” 

นางขยับเปลือกตาลืมขึ้น ภายในห้องยังมืดมิดมีเพียงแสงอ่อนจางจากกระถางไฟ ควันบางเบาลอยเอื่อย กายสาวขาวโพลนกลางความมืด  

นางได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง เปียกชื้นทั่วหน้าขาและฝ่ามือ เสียงท่อนเนื้อยามสอดใส่ผ่านทางรัก เสียงลมชีพจรเต้นกระหน่ำบนอกแกร่งและเสียงทุ้มครางกระเส่าด้านหลัง 

เขาโน้มหน้าลงหาซุกซอกคอผสานมือไว้โยกกายเข้าใส่หนักหน่วงรุนแรงขึ้นทุกขณะ ร่างบอบบางสั่นสะท้าน รู้สึกเต็มเปี่ยมด้วยแรงพิศวาสตัณหาแรงกล้าหน่วงรวดร้าวไม่อาจห้ามเสียงตนเอง ปล่อยให้เล็ดลอดออกจากลำคอระหง หวานใสดั่งสายพิณ 

“อืมม หลินเอ๋อร์ อ่า อ๊า” 

อสูรร้ายครางเรียกชื่อนางในช่วงจังหวะสุดท้ายของการผสานร่าง เขาโผนเข้าสู่บ่วงปรารถนาด้วยแรงทั้งหมดที่มี ผนึกฝ่ามือแนบแน่น 

“อือออ อ่า” ไป๋หลินเอ๋อร์จำต้องหลับตาลงในที่สุดเมื่อห้วงหฤหรรษ์มาถึงขีดสุด ท่อนเนื้อภายในคับแน่นทางรักแสนแคบ รูดผ่านจุดอ่อนไหวที่สุดในร่างกาย โพรงรักกระสันตอดรัดกระตุกขณะตัวนางถึงสวรรค์ หวีดเสียงและหลั่งน้ำสายธารลงหน้าขา 

“อ๊า อืม....” โจวหมิงเจ๋อไม่คาดมาก่อนว่าการร่วมกามารมย์ในหนนี้ก่อให้เกิดอาการตาพร่า เขาดันตัวนางไว้โหย่งตัวกระทุ้งลงเข้าใส่แรงขึ้นอีกสองสามครั้งแล้วหยุดนิ่งสะท้านร้าวทั่วหน้าท้องลงปลายหัวทู่ท่อนหยก  

ร่างแกร่งดั่งหินผายังสั่นไหวดันจนมิดแน่นยามปลดปล่อยเชื้อพันธุ์ตระกูลพวยพุ่งเข้าสู่โพรงรัก ลมหายใจขาดห้วงไม่อาจควบคุมลมปรารณ เอ่ยด้วยเสียงกระเส่าจากลำรักกระตุกรับทางรักที่กระชับแน่น 

“เจ้า ข้า เป็นตายพรากจาก ผูกสัญญาสองเราชั่วนิจนิรันดร์ ฮูหยินตระกูลโจว ” 

ไป๋หลินเอ๋อร์ลืมตาโพล่งทันทีเมื่อได้ฟังคำมั่นแหบพร่า เขาปล่อยมือนางออกแล้วในที่สุด ลากโลหิตป้ายลงแผลบนหัวไหล่ที่กำลังแสบร้อน 

“อ๊า...ท่าน ข้าเจ็บ” เสียงหวานร้องอ่อนแรง  

โจวหมิงเจ๋อยังลากฝ่ามือเปื้อนเลือดลงกลางแผ่นหลังขยับกายคุกเข่าไม่ยอมถอนลำรักออก ดวงตาสีนิลล้ำลึกจดจ้องโลหิตสีแดงฉานตัดผิวขาวนวลเนียน เนื้อสาวแรกรุ่นอ่อนนุ่มราวผ้าไหม เลื่อนฝ่ามือเข้าหาสะโพกแล้วจึงยินยอมดึงท่อนเนื้อออกจากทางรัก ลากโลหิตลงสู่เนินสาวล้วงนิ้วเข้าลึก 

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว