เพราะถูกบิดายื่นคำขาดมาว่า จะต้องพาว่าที่เจ้าบ่าวมาพบและแต่งงานภายในหกเดือน 'เจียงเข่อซิง' ที่หลุดปากโกหกออกไปว่าตัวเองมีคนที่หมายตาอยู่ จึงต้องเร่งหาตัวคนที่ว่านั่นให้ได้โดยไว แต่! ไอ้คนที่นางหมายตาอยู่น่ะมันมีเสียที่ไหน แล้วแบบนี้ข้าจะทำยังไงดี!?
"คุณหนู นี่มันก็เย็นมากแล้วนะเจ้าคะ คุณหนูยังจะออกไปที่ไหนอีกหรือเจ้าคะ?"
"ข้าว่าจะไปตลาดน่ะ"
"คุณหนูจะมาทำอะไรที่ตลาดหรือเจ้าคะ?"
"ข้าก็จะไปหาซื้อ ‘คู่ครอง’ มาให้ท่านพ่อน่ะสิ" หญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามพูดค่อนแคะบิดาตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเดินปึงปังออกจากเรือน เมื่อเห็นว่าท่านพ่อกำลังเลิกคิ้วมองมา
พูดก็พูดเถอะ กับเวลาเพียงแค่หกเดือน นางจะไปหาบุรุษที่ถูกใจตัวเองเจอได้อย่างไรกัน! ดีไม่ดี นางอาจจะยังไม่ทันได้เจอใครเลยด้วยซ้ำ และสุดท้ายก็คงไม่แคล้วที่จะถูกบิดาจับคลุมถุงชน ให้ไปแต่งงานกับคุณชายของตระกูลไหนสักตระกูล
ร่างเล็กเดินร่อนไปทั่วตลาดเพื่อหาเป้าหมายของตัวเอง ขณะที่เฝ้ามองชายหนุ่มคนแล้วคนเล่าที่เดินผ่านไปมาอย่างพิจารณา แต่แม้จะทำถึงขนาดนี้แล้ว แต่เข่อซิงก็ยังหาคนที่ต้องตานางไม่ได้เลย ทว่าแม้นจะเป็นเช่นนั้นนางก็ไม่คิดจะยอมแพ้ เพราะเข่อซิงเชื่อว่าจะต้องมี ‘ใครสักคน’ ที่ทำให้ตัวเองรู้สึกแบบนั้นได้อยู่ที่ไหนสักแห่งในแผ่นดินนี้ ดังนั้นขอเพียงนางไม่หมดความพยายามไปเสียก่อน ไม่ว่ายังไงนางก็ต้องหาเจออย่างแน่นอน หรือถ้าสุดท้ายแล้วมันจนมุมจริง ๆ นางขอแค่คนที่พอถูไถก็พอ เพราะงั้นใครก็ได้...
ขอใครก็ได้ ได้โปรดมาช่วยให้นางไม่ต้องแต่งงานกับบุรุษที่ไม่ได้รักและไม่ได้เลือกด้วยตัวเองที!
เจียงเข่อซิงหลับตาปี๋ พลางประสานมือกุมไว้ที่หน้าอกประหนึ่งกำลังตั้งจิตภาวนาท่ามกลางตลาดยามเย็นที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน กระทั่งเวลาผ่านไปพักหนึ่ง ในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจเปิดเปลือกตาของตนขึ้น ก่อนที่ตากลมจะไปสะดุดเข้ากับร่างสูงใหญ่ของคนคนหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ
ตึกตัก... ตึกตัก...
ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวหยุดเคลื่อนไหว เพราะแม้จะเห็นเพียงแผ่นหลังของคนผู้นั้น แต่เข่อซิงก็สัมผัสได้ด้วยหัวใจ ว่าบุรุษผู้นี้จะต้องเป็นคนที่ตามหา ภาพตรงหน้าราวกับภาพฝันที่ตนเฝ้ารอมานาน และจู่ ๆ หัวใจดวงน้อยที่ไม่เคยหวั่นไหวกับใครเลยนับตั้งแต่รู้ความ ก็พลันเต้นระส่ำขึ้นมาอย่างน่าตกใจ
เข่อซิงไม่รู้หรอกจริง ๆ อาการของตัวเองในตอนนี้ มันเรียกว่า ‘ตกหลุมรัก’ ได้หรือไม่ และนางก็ไม่รู้ด้วยว่าตัวเองกำลัง ‘พึงใจ’ เจ้าของแผ่นหลังกว้างใหญ่เดินห่างออกไปนั่นอยู่รึเปล่า นางรู้แต่เพียงว่า ‘เขา’ คือคนที่นางรู้สึกถูกชะตา และก่อนจะรู้ตัว ขาเรียวก็ขยับเข้าไปหาเจ้าของแผ่นหลังนั่นเสียแล้ว
"ท่าน..."
"เจ้าเป็นใคร?"
"นามของข้าคือ ‘เจียงเข่อซิง’ เจ้าค่ะ ข้าขอพูดตรง ๆ กับท่านแบบไม่อ้อมค้อมเลยนะเจ้าคะ พอดีว่าข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะขอร้องท่านหน่อยน่ะ" เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ขณะที่เงยหน้าสบตาเจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่ที่นางไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ
"อะไร?"
"ท่านช่วย..."
"...?"
"ท่านช่วยแต่งงานกับข้าหน่อยได้หรือไม่!?"
....................................................................................................
“เจ้าคิดว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ในตอนนี้ มันเป็นเรื่องตลกอย่างนั้นหรือ? ตอนนี้เจ้ากำลังทำผิดกฎของสำนักศึกษาอย่างร้ายแรง ทั้งลักลอบเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต แถมยังปลอมตัวเป็นบุรุษอีก! หากถูกจับได้ เจ้าจะถูกลงโทษยังไงบ้าง เจ้ารู้ตัวหรือไม่?
...เลิกพูดเรื่องไร้สาระและรีบกลับออกไปได้แล้ว หากมีใครมาพบเข้า มันจะเป็นเรื่องใหญ่”
“ข้าไม่ไปเจ้าค่ะ ข้ายังอยากอยู่กับท่านหนิงเหออยู่เลยนะเจ้าคะ แล้วเหตุใดข้าต้อง...”
“แต่ข้าไม่อยากอยู่กับเจ้า! เลิกยุ่งกับข้า และก็ออกไปจากที่นี่ได้แล้ว! หากมีใครมาเห็นเข้า เราทั้งคู่จะเดือดร้อนเอาได้ เจ้าเป็นสตรี ข้าเป็นบุรุษ มาอยู่ด้วยกันในที่ลับตาเช่นนี้อาจเป็นครหา ...ดีไม่ดีข้าจะพลอยถูกเข้าใจผิดไปด้วยว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเจ้า”
“เรื่องนั้นท่านหนิงเหอไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ หากข้าถูกจับได้ขึ้นมาจริง ๆ ข้าสัญญาเลยว่าจะไม่ซัดทอดถึงท่านอย่างแน่นอน”
“พูดจาให้มันดี ๆ หน่อย เจ้าใช้คำว่า ‘ซัดทอด’ กับข้าไม่ได้อยู่แล้ว เพราะข้าไม่ได้เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเจ้าเสียหน่อย”
“ท่านหนิงเหอจะรีบไปไหนหรือเจ้าคะ? ข้ายังไม่ทันหายคิดถึงท่านเลย”
“หน้าหนา! นี่เจ้าเป็นสตรีประสาอะไร พูดบอกคิดถึงบุรุษก่อนไม่รู้จักอาย ไม่รู้สึกกระดากปากบ้างเลยรึ!?”