หลิวฟาง บุตรสาวนายทหารชั้นผู้น้อยสกุลหลิว เสียบิดาไปในสนามรบเมื่อสองปีก่อน พี่ใหญ่ในฐานะบุตรชายคนโตต้องถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในกรมต่อจากบิดาที่ล่วงลับ ตอนนี้ที่บ้านจึงเหลือมารดากับนางและสาวใช้อีกสองคนเท่านั้น การเป็นอยู่จึงค่อนข้างอัตราคัดขัดสนไม่น้อยเพราะขาดเสาหลักของบ้านไป
แม้ตลอดระยะเวลาสองปีมานี้พี่ใหญ่จะส่งเงินมาให้ใช้จ่ายภายในบ้านทุกเดือนแต่ก็ใช่ว่าจะพอใช้ไม่ หลิวฟางจึงต้องทำขนมส่งขายตามร้านน้ำชาใกล้ๆบ้านเพื่อเป็นการหารายได้เสริมอีกทาง แต่เงินที่ได้ก็ไม่ได้มากมายอะไร
เมื่อทราบข่าวว่าสหายคนสนิทที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียนกันกำลังจะไปสมัครเป็นนางกำนัลในวังหลวง หลิวฟางจึงมีความคิดอยากจะลองไปสมัครด้วย เนื่องจากเบี้ยหวัดของนางกำนัลได้ข่าวมาว่ามากไม่น้อยเลย หากนางได้เป็นนางกำนัลในวังหลวงก็จะได้มีเงินมาส่งให้ครอบครัวอีกแรง
เมื่อขออนุญาตจากมารดาแล้ว หลิวฟางจึงขอติดตามสหายไปส่งรายชื่อพร้อมกัน
หลังส่งรายชื่อเรียบร้อยแล้ว หนึ่งเดือนต่อมาทั้งหลิวฟางและจางลู่อิงก็เดินทางเข้าวังหลวงเพื่อไปสอบคัดเลือกอีกครั้ง
ซึ่งปีนี้ก็เป็นปีแรกที่มีการคัดเลือกสนมเข้าวังหลังขององค์จักรพรรดิเช่นกัน ทางกรมพิธีการจึงจัดการคัดเลือกพระสนมนางในพร้อมคัดเลือกนางกำนัลหน้าใหม่ในวันเดียวกัน
วันนี้หน้าลานกรมพิธีการจึงเต็มไปด้วยผู้คนมากมายจากหลายตระกูลใหญ่ทั่วแคว้นหลงทั้งแปดเมือง
การคัดเลือกพระสนมและนางกำนัลแบ่งแยกคนละฝั่งอย่างชัดเจน
ทว่าในขณะที่หลิวฟางเดินตามหลังจางลู่อิงเพื่อจะไปยังฝั่งที่คัดเลือนางกำนัล อยู่ๆแขนข้างหนึ่งกลับถูกใครบางคนคว้าไว้ และเมื่อหันกลับไปมองจึงเห็นว่าคนที่คว้าแขนตนไว้ไม่ยอมปล่อยคือขันทีผู้หนึ่งนั้นเอง
หลิวฟางทำสีหน้าไม่เข้าใจจึงหันไปหาสหายแต่ยังไม่ทันเอ่ยปากอะไรกลับถูกขันทีผู้นั้นออกแรงดึงแล้วพาเดินไปยังฝั่งที่กำลังคัดเลือกพระสนม
ระหว่างนั้นก็เห็นว่าจางลู่อิงที่กำลังจะตามมาถูกขันทีอีกคนดักไว้แล้วชี้มือชี้ไม้ให้สหายของนางเดินไปทางฝั่งที่กำลังคัดเลือกนางกำนัลดังเดิม
แม้จะตกใจมากที่เกิดเหตุให้ต้องแยกจากกันกับสหาย แต่ด้วยความที่เป็นคนมีสติสัมปชัญญะมากพอนางจึงไม่โวยวายให้เสียกิริยาต่อหน้าคนหมู่มาก
จนกระทั่งขันทีผู้นั้นพานางมายืนแถวรวมกันกับเหล่าคุณหนูตระกูลใหญ่ทั้งหลายนั่นแหละนางจึงอดใจไม่ไหวเอ่ยปากถามขันทีผู้นั้นไปด้วยเสียงแผ่วเบา
" ข้าน้อยขอถามได้หรือไม่เจ้าคะว่าเหตุใดท่านถึงต้องพาข้าน้อยมายืนตรงนี้ อันที่จริงข้าน้อยเข้าวังมาเพื่อสมัครมาเป็นนางกำนัลต้องไปต่อแถวอีกฝั่งหนึ่งมิใช่หรือ "
ขันทีผู้นั้นหันมามองหลิวฟางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก่อนกล่าวขึ้นเบาๆตอบกลับมาว่า
" รูปลักษณ์เช่นเจ้า หากไปเป็นนางกำนันน่าเสียดายแย่ อยู่นิ่งๆเสียและทำใจให้สบายกงกงให้ทำอันใดก็ทำอย่าขัด เชื่อข้างานนี้เจ้ามีสิทธิ์ได้เข้ารอบห้าสิบพระสนมนางในขององค์จักรพรรดิเป็นแน่ "
กล่าวจบก็หันไปยืนสงบนิ่งดังเดิม ปล่อยให้หลิวฟางที่ยืนฟังจนจบอ้าปากค้างตาเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนกตกใจ
นางรู้ว่าปีนี้วังหลวงรับพระสนมเข้าวังหลังเพียงห้าสิบคนเท่านั้น และจะเป็นการรับสนมในองค์จักรพรรดิหลงอี้เทียนครั้งแรกและครั้งเดียว
แต่เดี๋ยวสินางมิได้ตั้งใจจะมาคัดเลือกเป็นพระสนมนะ นางเพียงตั้งใจมาสมัครเป็นนางกำนัลเท่านั้นเอง
แล้วมีสิทธิ์ติดหนึ่งในห้าสิบพระสนมอันใดกัน นางเป็นเพียงบุตรสาวนายทหารชั้นผู้น้อยที่ล่วงลับไปแล้ว จะเอาอะไรมาสู้เหล่าคุณหนูตระกูลดังหลายพันคนได้อย่างไรเล่า
' ท่านขันที ท่านเพ้อฝันอันใดอยู่ไม่ทราบเจ้าคะ '
หลิวฟางมองขันทีผู้นั้นพลางถอนหายใจพร้อมคิดในใจว่า นางเนี่ยนะจะติดหนึ่งในห้าสิบพระสนมขององค์จักรพรรดิหลงอี้เทียน
เพ้อฝันเกินไปแล้ว
☆☆☆☆☆☆☆☆
สวัสดีค่ะนักอ่านที่น่ารักทุกท่าน
ขออนุญาตแจ้งให้ทราบนะคะ
นิยายรักเรื่อง วาสนาบุตรสาวนายทหารชั้นผู้น้อย
เป็นนิยายเวอร์ชั้นที่2ที่แนนแยกออกมาเขียนเป็นนิยายรักชายหญิงเรื่องแรกในชีวิต
เวอร์ชั่นแรกแนนเขียนเป็นนิยายวายจีนโบราณ ชื่อเรื่อง วาสนาด้ายแดง
ทั้งสองเวอร์ชั่นแนนจะเปลี่ยนชื่อตัวละครทั้งหมดแต่จะดำเนินเรื่องคล้ายคลึงกัน
หวังว่าจะทำให้นักอ่านรู้สึกสนุกร่วมไปกับตัวละครได้ไม่มากก็น้อยนะคะ
เวอร์ชั่นแรกแนนเขียนจบไปนานมากๆแล้ว ส่วนเวอร์ชั่นสองเป็นแนวนิยายรักชายหญิงที่แนนไม่เคยเขียนมาก่อน แต่อยากลองเขียนแนวนี้มากๆ อยากรู้ว่าตัวเองจะมีความสามารถเขียนออกมาให้คนอ่านอินไปกับตัวละครในเรื่องมากแค่ไหน
เป็นกำลังใจให้แนนด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ