หงเจี้ยนหยางได้ยินเสียงเคาะประตูจึงลืมตาตื่นแต่พยายามแล้วก็ยังลืมตาไม่ขึ้น เขารู้สึกง่วงจนคล้ายตื่นไม่ไหว ทั้งที่เมื่อก่อนเขาไม่สามารถข่มตาหลับด้วยซ้ำ ยามนี้กลับลืมตาไม่ขึ้น เพียงรู้สึกหนักหน่วงบนอกและระคายตามแก้มกับลำคอ
บุรุษตัวใหญ่ยกมือขึ้นปัดไปมาเพื่อไล่ความระคายที่รู้สึก แต่คล้ายว่าปัดอย่างไรก็ไม่หาย อีกทั้งเจ้าสิ่งนั้นยังพันไปตามนิ้วมือของเขาจนยุ่งเหยิง ด้วยความรำคาญเขาจึงออกแรงดึง
“โอ๊ย!!..เจ็บ”
หงเจี้ยนหยางชะงักค้าง เขาลืมตาตื่นทันที เสียงสตรีที่ได้ยินและความหนักตรงอกบ่งบอกว่าอนุคนใหม่ของเขาปีนขึ้นมานอนบนตัวเขาอีกแล้ว แต่เพราะยังมืดมาก ชายหนุ่มจึงยกมือขึ้นมาลูบคลำเพื่อความแน่ใจ เผื่อว่าเขาอาจกำลังฝันร้ายถึงช่วงเวลาที่พ่ายแพ้ศึกอีกครั้ง
ร่างนุ่มนิ่มดิ้นขลุกขลักไปมาอยู่บนตัวของหงเจี้ยนหยาง เขาค่อยๆ วางมือลงบนบริเวณที่คาดว่าเป็นเอวของหญิงสาว มืออีกข้างที่ถูกเส้นผมพันอยู่ก็ต้องค่อยๆ ดึงออก เขากลัวว่าอาจทำให้นางเจ็บ ในใจก็นึกสงสัยว่าเหตุใดสตรีผู้นี้ถึงได้ชอบนอนบนร่างกายของผู้อื่นนัก
เมื่อสองมือจับรวบบนเอวของหญิงสาว เขาก็ได้รู้ว่าที่แท้รอบเอวของนางเล็กจนเขาใช้สองมือจับได้รอบ เขาพยายามดันตัวนางให้ลงไปนอนด้านข้าง แต่หญิงสาวผู้นั้นกลับไม่ยินยอม นางกอดไหล่เขาเอาไว้จนแน่น
“อื้อ..” นางส่งเสียงครางในลำคอเพื่อดุให้หมอนข้างอยู่นิ่งๆ
“จะ..เจ็บหรือ” เขาถามเสียงแผ่วเบา
“อือ..” ด้วยความง่วงนอน อันเยว่ฉีจึงส่งเสียงครางตอบโดยไม่ใส่ใจ นางทำเพียงพลิกหน้าและขยับตัวให้สบายขึ้น
“ขะ..ขอโทษ ข้าจะเบามือ” หงเจี้ยนหยางเอื้อมมือไปโอบไหล่ของนางและค่อยๆ จับร่างนุ่มนิ่มพลิกตัวไปไว้ด้านข้างอย่างเบามือ คราวนี้นางยอมหันไปนอนด้านข้างโดยดี ก่อนจะลุกขึ้นออกไปเปิดประตูดูว่าใครมาเรียก
แม้ท้องฟ้าจะเริ่มเป็นสีเทาแล้ว แต่บนพื้นยังมืดมิดอยู่ โชคดีที่จวนของท่านกั๋วกงมีเงินทองมากมาย จึงสามารถใช้จ่ายซื้อน้ำมันสำหรับจุดโคมได้ทั้งคืน ด้านนอกประตูเรือนนอนของอนุอันเยว่ฉีจึงยังสว่างไสว
อดีตแม่ทัพหงเห็นชัดว่ากุนซือของเขายืนรออยู่ที่หน้าประตู ใบหน้าของกุนซือแดงก่ำ แม้เขาจะใส่ชุดดำช่วยอำพรางไปกว่าครึ่งแล้ว
“เจ้าป่วยหรือ” บุรุษตัวใหญ่เอ่ยถามก่อน
“..เจ้าหายแล้วหรือ” กุนซือจางถามถึงเรื่องที่หงเจี้ยนหยางนกเขาไม่ขัน
“ฮะ?” แต่บุรุษตัวใหญ่กลับไม่เข้าใจ
“ช่างเถิด..” จางป๋อเหวินพูดไม่ออก เขาจะบอกได้อย่างไรว่าเมื่อครู่เขาได้ยินหมดแล้ว ยามนี้เขาก็กำลังรู้สึกผิดที่มาปลุกเขาในช่วงกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม
“ข้าก็บอกแล้วว่าอย่าหักโหม..ป่วยก็ไปนอน จะตื่นเช้าเพื่ออันใด ข้าไม่ได้บังคับให้เจ้าต้องมาคอยปลุกข้าทุกเช้า” หงเจี้ยนหยางดุกุนซือจาง แม้อีกฝ่ายจะอายุมากกว่าแต่เขาก็ไม่ได้เป็นเด็กแล้ว
“อืม..เจ้ากลับไปต่อเถิด ข้า..จะไม่ให้ใครมารบกวน” จางป๋อเหวินพูด ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
“นี่ อย่าหักโหมมากนัก เดี๋ยวผู้อื่นจะสงสัย” หงเจี้ยนหยางตะโกนตามหลัง
‘ใครกันแน่ที่หักโหม ยามนี้แล้วยังไม่หยุดอีก’ จางป๋อเหวินได้แต่กัดฟันบ่นในใจ