นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายดราม่า
คนโลกสวยไม่เหมาะกับนิยายเรื่องนี้เลย
***
เมื่อสายลับที่ถูกเลี้ยงดูจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้เกิดใหม่มาเป็นเจ้าหญิงของต่างโลก แต่โศกนาฏกรรมกลับเกิดขึ้นกับเธออย่างต่อเนื่อง
**
นิยายเรื่องนี้สร้างมาจากจินตนาการไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นใคร เป็นเพียงแค่จินตนาการ ย้ำ!! นิยายเนื้อหนักไม่เหมาะแก่คนชอบอ่านนิยายไซเดอร์
**
ฉันมองเห็นแค่หน้าตาของผู้หญิงที่มีเรือนผมสีดำขลับและผิวขาวราวกับหิมะจนเส้นความแตกต่างกันระหว่างสีผมและผิวมันตัดกันจนเธอมีเสน่ห์มากล้น แต่นั่นมันเทียบไม่ได้กับนัยน์ตาสีเขียวมรกตนั่น
งดงามจัง
“ลูกแม่ ขอบคุณนะที่เกิดมา”
เสียงของเธอมันหวานมากและที่สำคัญฉันก็ดันฟังคำพูดของเธอออกด้วย เมื่อกี้เธอเรียกฉันว่าลูกอย่างนั้นเหรอ? ฉันตกใจมากและพยายามจะเอื้อมมือออกไปแต่ว่าแขนมันแทบไม่ขยับเลย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“เจ้าหญิงทรงสิริโฉมงดงามมากเพคะ”
“นั่นสินะ ใบหน้าเหมือนกับกษัตริย์เลย”
“พระเกศาสีเงินและพระจักษุเหมือนบลูไดมอนด์แบบนี้ เหมือนกลัวคนอื่นจะไม่รู้ว่าเป็นพระราชธิดาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเลยนะเพคะ”
“นั่นสินะ”
ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะและมองมาที่ฉันด้วยความรัก จากนั้นเธอก็เอาหน้าของฉันไปที่หน้าอกของเธอและยอมปทุมถันของเธอก็เข้าปากของฉัน
ไม่นะ ไม่! ทำแบบนี้ เอ๊ะ นี่ปากของฉันดูดหน้าออกของผู้หญิงคนนี้อยู่งั้นเหรอ!?
“ฝ่าบาทเสด็จเพคะองค์ราชินี”
หูของฉันได้ยินเสียงประกาศหนึ่งดังขึ้น หลังจากนั้นไม่นานฉันก็ได้ยินเสียงเท้าหนักๆของใครที่เดินเข้ามา และฉันก็ได้เห็นผู้ชายที่มีใบหน้าดูมีอายุ เขามีเรือนผมสีเงินและนัยน์ตาสีน้ำเงิน
ฉันเหลือบไปมองเขาเพราะปากของฉันมันยังไม่ว่าง
“พระธิดางั้นเหรอ?”
เสียงที่ดังขึ้นมันดูฟังดูเหมือนไม่แยแสหนัก ฉันไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไร แต่ฉันสัมผัสได้ว่าหัวใจของผู้หญิงที่เรียกฉันว่าลูกหรือก็คือแม่ของฉันกำลังเต้นแรงราวกับคนกำลังหวาดกลัว
“พ...เพคะ”
“ไหนเจ้าว่าเจ้าจะมีพระโอรสให้ข้าไง?”
“ค...คือว่า”
“ช่างเถอะ ยังไงนั่นก็ธิดาของข้า ข้าจะปฏิเสธก็ไม่ได้ด้วยเพราะนางเหมือนกับข้าทุกประการ ถ้าอย่างนั้นฟิโอน่าก็แล้วกัน”
ฉันพอจะดูออกว่าทั้งสองรักกันอยู่บ้าง จนฉันอายุได้ครบหนึ่งขวบ ฉันเริ่มที่จะเดินได้ยืนได้ แต่สิ่งที่ฉันไม่คาดคิดก็คือฉันเห็นคนที่ได้ชื่อว่าพ่อแท้ๆของฉันกับผู้หญิงที่เลี้ยงฉันมาตั้งแต่เกิดกำลังเล่นชู้กันในห้องส่วนตัวของฉัน ต่อหน้าฉันซึ่งเป็นลูกสาวแท้ๆของเขา
“เหมือนเจ้าหญิงจะทรงเริ่มรู้ความแล้วนะเพคะองค์ราชา”
“เด็กจะไปรู้เรื่องอะไร? อย่านอกเรื่องเดี๋ยวข้าจะหมดอารมณ์”
“เพคะ”
พวกเขาร่วมรักกันต่อ ฉันมองทั้งสองคนด้วยความรังเกียจ นี่เหรอกษัตริย์? และเวลาที่ออกไปร่วมงานด้วยกันทั้งสองก็ทำเหมือนรักกันดี ถ้ามองจากภายนอกพวกเราเป็นเหมือนครอบครัวที่มีความสุขมาก
จนกระทั่งฉันใกล้จะสามขวบ แม่ของฉันก็คลอดน้องออกมาและในที่สุดแม่ของฉันก็มีลูกชาย ฉันรู้สึกดีใจแทนแม่มากเพราะสีหน้าของแม่เหมือนกับมีความสุขมาก ฉันภาวนาขอให้แม่ตัวเองไม่ต้องไปสนใจพ่อและพี่เลี้ยงที่แสนเสแสร้งของฉันคนนี้
น้องชายของฉันชื่อว่า [เอ็ดวิน สปิน ชาร์ล สจร๊วต] เขามีผมสีดำขลับเหมือนกับแม่ของฉันแต่มีตาสีเหมือนบลูไดมอนด์เหมือนกับฉันเลย ฉันสัญญาว่าถ้าฉันโตไปฉันจะรักเขาและดูแลเขา ในที่สุดฉันก็มีครอบครัวเพิ่ม และพ่อของฉันก็มีความสุขมากกว่าตอนที่ฉันเกิด แต่ฉันก็ไม่ได้น้อยใจเพราะน้องชายของฉันสำคัญกว่าความรู้สึกของเขา
ทุกครั้งที่พี่เลี้ยงของฉันที่ชื่อ[คามิลล่า]มาหยอกเย้ากับฉันและเสแสร้งชมน้องชายของฉันและเธอก็เข้าใกล้กับน้องชายของฉันในขณะที่ฉันเริ่มจะเดินได้ ฉันพยายามจะพูดให้เธอเลิกยุ่งกับน้องชายของฉัน ฉันไม่ต้องการให้มือสกปรกนั่นมาจับน้องชายที่แสนบริสุทธิ์ของฉัน ฉันมักจะเมินเธอและทำให้เธอรำคาญเสมอ ถึงฉันจะมีความทรงจำจากชาติที่แล้วแต่ฉันก็มองว่าราชินีแอนคือแม่ของฉันจริงๆและฉันก็รังเกียจเธอ เธอมันผู้หญิงแพศยาที่เล่นชู้กับสามีของผู้หญิงที่เป็นเจ้านายของตัวเองได้อย่างหน้าตาเฉย
และไม่นานหลังจากนั้นไม่กี่เดือนทุกอย่างมันก็มืดลง ความทุกข์เข้าครอบงำทั้งพระราชวังเมื่อน้องชายของฉันเสียชีวิตลงเพราะทนพิษไข้ไม่ได้ น้องชายของฉันที่เพิ่งจะอายุไม่กี่เดือนเสียชีวิต
ฉันไม่รู้ว่าทำไมมันถึงได้กลายมาเป็นแบบนี้ และหลังจากนั้นพ่อที่เริ่มเย็นชากับแม่หลังจากที่ให้กำเนิดฉันก็เย็นชามากกว่าเดิม เขาต้องการจะหย่ากับแม่ของฉัน
“ฝ่าบาท ได้โปรด ให้โอกาสหม่อมฉันด้วยเพคะ”
“หย่าไปก็จบ เจ้าจะรออะไร?”
“หม่อมฉันผิดไปแล้วหม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ ได้โปรดเถอะ”
“เจ้าพูดไม่รู้เรื่องรึไง!? ข้าไม่น่ารับเจ้ามาเป็นภรรยาเลย เจ้ามันเป็นนังแม่มดเหมือนกับที่ทุกคนพูดจริงๆ ตอนนี้ข้าได้สติแล้ว จงไสหัวไปซะ! ก่อนที่ข้าจะตัดหัวของเจ้า!”
“หม่อมฉันคลอดบุตรให้กับฝ่าบาทถึงสองคนแล้วนะเพคะ หม่อมฉันผิดอะไร? เรื่องที่เอ็ดวินตายนั้นมัน...”
“มันเป็นความผิดของเจ้า เพราะเจ้าลูกชายของข้าถึงได้ตาย เป็นเพราะเจ้าไม่สามารถให้กำเนิดเขาออกมาได้อย่างแข็งแรง เจ้าทำร้ายสายเลือดสีน้ำเงิน!”
“ได้โปรดเถิดเพคะ ได้โปรด! พระองค์ทรงเห็นแก่วันเวลาของเราเถอะเพคะ ฝ่าบาททรงจำไม่ได้แล้วเหรอเพคะว่าฝ่าบาทจะทรงรักหม่อมฉันและดูแลหม่อมฉันตลอดไป”
“ตอนนั้นเจ้าใช้มนตร์สะกดข้า เจ้ามันนังแพศยา!”
คนแพศยาน่ะมันแกต่างหากไอ้ผู้ชายโสโครก
และฉันก็เห็นพ่อของตัวเองตบหน้าแม่ของฉันอย่างแรงจนเธอทรุดลงไปกับพื้น แต่แม่ของฉันก็ยังไม่ยอม เธอวิ่งเข้าไปกอดขาของพ่อของฉัน ถ้าฉันเป็นเด็กธรรมดาฉันคงจะร้องไห้ไปแล้ว แต่นี่ฉันยังมีความทรงจำทุกอย่างอย่างครบถ้วนเลย
“ฝ่าบาท ฮือออ ได้โปรด ให้โอกาสหม่อมฉันด้วยเถิด เห็นแก่ฟิโอน่า เห็นแก่ลูกของเราด้วยเถิดเพคะ”
แม่ของฉันร้องไห้อย่างหนัก สง่าราศีสมกับเป็นราชินีของเธอหายไปจนหมด เธอกอดขาและร้องไห้คุกเข่าทั้งน้ำตาราวกับคนบ้าและสิ้นหวังอย่างรุนแรง ฉันทนดูภาพเหล่านั้นไม่ไหวจนเริ่มปล่อยโฮออกมา
แม่ของฉันไม่ได้ทำอะไรผิดเลย คนที่ผิดก็คือพ่อ แล้วทำไมแม่ของฉันจะต้องมาเป็นคนรับผิด เพราะพ่อต่างหากที่ปันใจไปให้ผู้หญิงคนอื่น
และไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นพ่อของฉันที่ตอนแรกมีท่าทีแข็งกร้าวก็ยอมใจอ่อน เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆและพูดออกมา
“ก็ได้ ข้าจะให้โอกาสเจ้า ภายในปีนี้เจ้าจะต้องคลอดลูกชายให้ข้าให้ได้ ไม่งั้นก็เตรียมโทษประหารชีวิตได้เลย”
แม่ของฉันตกปากรับคำไปทั้งอย่างนั้น ฉันรู้ว่าทำไมเธอถึงต้องพยายามอดทนมากมายขนาดนั้น มันไม่ใช่เพราะเธอยังรักพ่อเลย แต่เป็นเพราะตระกูลรวมถึงความปลอดภัยของฉัน
ฉันรับรู้มาว่าก่อนที่พ่อจะแต่งงานกับแม่ของฉันเขาเคยแต่งงานมาก่อนกับเจ้าหญิงของอีกประเทศ แม่ของฉันก่อนหน้านี้เป็นบุตรสาวของตระกูลเคานต์ที่ทำหน้าที่เป็นทูตระหว่างประเทศทำให้แม่ของฉันได้ไปซึมซับศิลปะและวัฒนธรรมรวมถึงเคยเป็นนางกำนัลฝึกหัดของราชินีเมดิซี่ซึ่งเป็นลูกสาวของพ่อค้าสู่ราชินีของประเทศ ทำให้แม่ของฉันที่รับใช้เธอมาก่อนได้รับการศึกษาทั้งการบริหาร ความคิด มารยาท แม่ของฉันถือได้ว่าเป็นสตรีผู้เพียบพร้อมไปด้วยความสามารถทั้งด้านวิชาการ การบริหาร ศิลปวัฒนธรรมการวางตัว และเมื่อเธออายุได้ 16 ปี แม่ของฉันก็กลับมาที่อาณาจักรซึ่งเป็นบ้านเกิดเพื่อเข้าพิธีเดบูตองต์และนั่นทำให้พ่อของฉันซึ่งเป็นกษัตริย์ตกหลุมรักแม่ของฉัน
ฉันรู้ดีว่าเขาชอบแม่ของฉันที่เป็นสาวสวยสะพรั่งที่มีทุกอย่างดีพร้อม แม่ของฉันเป็นที่หมายปองของทายาทผู้สืบทอดมากมาย เธอเป็นดอกไม้แห่งแวดวงสังคม แน่นอนว่าพ่อของฉันเข้าหาเธออย่างหนักแต่แม่ของฉันไม่ได้คิดจะลดศักดิ์ศรีของตัวเองลง เธอไม่อยากจะเป็นชู้รักของใคร และเพราะแบบนั้นทำให้กษัตริย์ถึงกับทำทุกวิถีทางเพื่อจะหย่ากับราชินีของเขาในขณะนั้น เขาทั้งส่งสิ่งของมีค่ามากมายไปหาแม่ของฉันทุกวันแต่แม่ของฉันก็ตีกลับ จนกระทั่งพ่อของฉันเลือกที่จะหักกับมหาวิหารซึ่งมองว่าการสมรสควรจะทำเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิต และการกระทำของพ่อของฉันมันผิดกฎหมายของศาสนา พ่อของฉันขับไล่พวกมหาวิหารออกไปโดยอ้างว่ามหาวิหารมีการทุจริต และทำการปฏิวัติทุกอย่างเพื่อให้ได้แม่ฉันมาเป็นภรรยา และเมื่อเขาทำได้แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นก็อย่างที่เห็น
ผู้ชายที่ทิ้งภรรยาของตัวเองเพื่อให้ได้มาซึ่งสตรีงดงามล่มเมือง แต่กลับไม่มีใครที่คิดจะโทษพ่อของฉันเลย พวกเขาโทษว่าทุกอย่างมันเป็นความผิดของแม่ของฉัน นี่มันโลกแบบไหนกัน? ฉันซึ่งอยู่ในศตวรรษที่ 21 ไม่เคยเข้าใจมันเลย
พ่อของฉันเป็นพวกมักมากในกาม เป็นคนที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อสิ่งที่เขาต้องการ และเมื่อเขาเบื่อเขาก็โยนแม่ของฉันทิ้ง
หลังจากที่ลั่นวาจาไปแล้ว แม่ของฉันก็ประสบปัญหาความเครียดอย่างหนัก เธอกินไม่ได้นอน ผู้หญิงที่แสนอบอุ่นและเปี่ยมไปด้วยรักเริ่มเครียด และทุกวันก็จะมีคนของพ่อมาบอกให้แม่ของฉันรีบท้อง ทั้งๆที่เขาไม่มาหาแม่ของฉันเลยแล้วแม่ของฉันจะไปท้องได้ยังไง ทุกสิ่งมันเป็นเพียงข้ออ้างที่จะกำจัดแม่ของฉันเท่านั้น
และแน่นอนว่าตาของฉันเองก็ไม่อยู่เฉย ครอบครัวทางแม่ของฉันสู้ทุกอย่างเพื่อที่จะให้แม่ของฉันรอด แน่นอนว่ามีหลายคนคัดค้านเนื่องจากการหย่าร้างบ่อยๆมันจะส่งผลกระทบหลายๆอย่างต่อกษัตริย์ แต่คนที่ทำทุกอย่างโดยไม่มียางอายแบบพ่อของฉันย่อมทำได้ทุกอย่างขอแค่ให้ตัวเองได้สิ่งที่ต้องการ และแน่นอนว่าสิ่งที่แม่ของฉันเลือกมันเป็นสิ่งที่สิ้นคิดมาก แม่ของฉันเลือกที่จะให้ดยุกเวสเบิร์กซึ่งเป็นน้องชายของพ่อมามีความสัมพันธ์กับเธอ
“น้องเขยได้โปรดช่วยพี่ด้วย พี่ไม่รู้แล้วว่าจะพึ่งพาใคร”
“พี่สะใภ้...”
ฉันอ่านสายตาของอาตัวเองได้อย่างชัดเจน เขาหลงรักแม่ของฉัน เขารักเธอมากและเขาก็ยอมที่จะทำแบบนั้นให้จนในที่สุดแม่ของฉันก็ท้อง แต่ว่าอย่างที่ฉันบอก มันเป็นวิธีที่สิ้นคิด แม้ว่าแม่ของฉันจะท้องให้เขาก็สั่งประหารแม่ของฉันทันที แต่ว่าหวยมันไม่ได้ออกมาว่าแม่ของฉันเล่นชู้กับอาของฉัน
<ราชินีแอน เฮเลนน่า="" วาลิด="" สจร๊วต="" มีความผิดฐานเล่นมนตร์ดำใส่กษัตริย์จนมีเรื่องบาดหมางกับมหาวิหาร="" มีความผิดฐานเป็นแม่มด="" นอกจากนี้ยังได้ร่วมสมสู่ผิดประเวณีกับน้องชายของตัวเองอย่างเคานต์วาลิด="" เป็นการคบชู้สู่ชายจนเกิดสายเลือดวิปริต="" ดังนั้นจึงมีโทษให้ประหารชีวิต="">ราชินีแอน>
แม่ของฉันถูกนำตัวไปขังที่หอคอยตะวันตก ฉันตอนนั้นที่อายุเพียงสี่ขวบพยายามอย่างยิ่งที่จะไปหาเธอหลายต่อหลายครั้งแต่ฉันก็ถูกขัดขวาง
“เด็จแม่!”
“ฟิโอน่า...ลูกแม่!”
“เด็จแม่ไม่ผิด เด็จแม่ไม่ผิดอะไรเลย”
“อย่าร้องไห้เลยฟีบี้ ไม่เป็นไร...”
“เด็จแม่ ลูกรู้ว่าเด็จแม่ไม่ผิด เด็จพ่อน่ะ”
ขณะที่ฉันกำลังจะพูดอะไรบางอย่างขณะเกาะหน้าลูกกรงของประตูหอคอยตะวันตก แม่ของฉันกลับยื่นมือออกมาปิดปากเหมือนไม่ต้องการให้ฉันพูด น้ำตาของฉันไหลรินเป็นทาง
นัยน์ตาสีเขียวมรกตของเธอมองฉันด้วยความรัก เสียใจ รู้สึกผิด
“แม่ขอโทษที่แม่ไม่สามารถยื้อเอาไว้ได้ แต่แม่เชื่อว่าลูกสาวของแม่จะต้องเติบโตไปอย่างสง่างาม ฟีบี้...แม่ขอโทษนะที่ทำให้ลูกเป็นเจ้าหญิงต่อไปไม่ได้ แม่ขอโทษ...”
“เด็จแม่ ลูกผิดเองที่ลูกไม่ได้เกิดมาเป็นผู้ชาย”
ฉันร้องไห้อย่างหนักและดึงมือของแม่เอาไว้ ฉันไม่เคยรู้สึกเสียใจมากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ทำไมกันล่ะ? ทั้งๆที่ฉันเกิดมามีครอบครัวทั้งทีทำไมถึงได้เกิดเรื่องน่าเศร้าอีก? พระเจ้าเกลียดอะไรฉันงั้นเหรอ?
แม่ของฉันผงะไปชั่วคราว เธอเม้มปากของตัวเองแน่นและปล่อยน้ำตาออกมา
“ลูกไม่ได้ผิดเลยที่ลูกไม่ได้เกิดมาเป็นผู้ชาย ฟีบี้...ไม่จำเป็นจะต้องแก่งแย่งกับใคร มีชีวิตให้รอด อยู่ดีกินดีและมีความสุข สิ่งที่แม่เสียดายไม่ใช่ชีวิตของแม่แต่คือการที่ไม่ได้เห็นลูกเติบโตอย่างงดงาม...”
“หมดเวลาเยี่ยมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
และหลังจากนั้นฉันก็ถูกอัศวินขวางและพยายามจะเอาตัวของฉันออกไป ฉันกรีดร้องพยายามเรียกแม่ที่เกาะอยู่หน้าลูกกรงและมองฉัน และในวันนั้นฉันก็ถูกขังอยู่ในพระราชวัง ฉันได้แต่มองออกไปนอกหน้าต่างเฝ้ามองผู้คนทั่วเมืองหลวงมาดูแม่ของฉันซึ่งกำลังจะถูกประหารอยู่อีกด้านหนึ่งของพระราชวัง
ฉันได้ยินเสียงประกาศการประหารตาของฉัน น้าของฉัน ยายของฉัน และญาติๆที่มีเชื้อสายเดียวกันกับฉัน และในที่สุดเมื่อแม่ของฉันถูกลากออกมาก็มีเสียงโห่ร้องดังกึกก้อง
“ประหารมันซะนังแม่มด!”
“ว่าแล้วว่าผู้หญิงแพศยาแบบนี้จะต้องใช้มนตร์สะกดกษัตริย์!”
“อย่าให้เลือดเลวๆของมันไหลเปรอะเปื้อนแผ่นดินของเรา!”
“โสโครกนางแพศยา ลูกในท้องก็ตายๆไปซะ!”
“ดีที่ไม่ให้กำเนิดสายเลือดโสโครกออกมา ไม่สิ เจ้าหญิงฟีโอน่าล่ะ? ลากมาประหารด้วย!”
“เห้ย ระวังปากหน่อย ถึงอย่างนั้นนางก็มีสายเลือดสีน้ำเงินนะ!”
ฉันได้ยินหมดทุกคนที่ทุกคนพูด แต่ฉันกลับทำอะไรไม่ได้เลย ฉันกำหมัดแน่นด้วยความเคียดแค้น น้ำตาของฉันไหลริน แม่ของฉันไม่ได้ผิดอะไร ฉันรู้ดียิ่งกว่าใคร ทุกสิ่งมันเกิดขึ้นเพราะตัณหาและความไม่รู้จักพอของพ่อ แล้วทำไมแม่ของฉันซึ่งถูกกระทำถึงได้เป็นผู้ผิดกัน
เกลียด ขยะแขยง ทั้งพ่อ ทั้งนังพี่เลี้ยง ฉันเกลียด เกลียด พวกประชาชนที่ไม่รู้ห่าอะไรสักอย่าง ขุนนาง มหาวิหารที่สาปแช่งแม่ของฉัน พวกมันทุกคน ฉันจะไม่มีวันลืม
และแล้วแม่ของฉันก็ถูกประหารและน้องของฉันที่ยังไม่รู้เพศด้วยซ้ำก็ตายทั้งแบบนั้น หัวของแม่ของฉันรวมถึงคนทั้งตระกูลถูกนำไปแขวนอยู่หน้าประตูเมืองและพวกประชาชนบางกลุ่มก็ขว้างหินใส่หัวของแม่ของฉัน
“ฟีบี้...”
คนที่เข้ามาหาฉันไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกจากอาของฉัน ชายผู้ที่รักท่านแม่อย่างแท้จริง ฉันหันไปหาอาของฉัน ฉันไม่ได้นึกเกลียดอะไรเขาเลย
เขาเดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับทิ้งตัวลงคุกเข่าตรงหน้าและเข้ามาสวมกอดร่างของฉันซึ่งอยู่ในวัย 4 ขวบ ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัวของฉัน
ฉันที่ไม่เคยได้รับมาตลอด 40 ปีและเพิ่งได้ครอบครองมันไม่ถึง 3 ปี กลับถูกพรากไปในพริบตา
“อาขอโทษ... ทั้งหมดเป็นความผิดของอาเอง”
เขากอดฉันทั้งน้ำตา ในขณะที่ฉันเองก็พยายามจะสะกดกลั้นเอาไว้ รู้ไหมว่าสิ่งที่ผิดพลาดของแม่ของฉันคืออะไร? แม่ของฉันไม่แข็งแกร่งมากพอที่จะปกป้องตัวของเธอและการเลือกผู้ชายผิด
“อาจะเป็นคนดูแลหลานเอง อาขอโทษ ฮือออ....”
ตัวของเขาสั่นเทาอย่างรุนแรง
“อาสัญญากับแม่ของหลานแล้วว่าอาจะทำทุกอย่างเพื่อให้หลานมีชีวิตที่ดีที่สุด มันเป็นความผิดของอาเอง อาจะทำทุกอย่าง”
เขาร้องไห้ไปตัวสั่นไหวและพยายามจะปลอบฉันไป ฉันจึงเข้าสวมกอดเขาและร้องไห้อย่างหนัก คนที่ขึ้นชื่อว่าพ่อไม่แม้แต่จะมาหาฉันเลยด้วยซ้ำ แต่คนที่มาหาฉันคือชายที่รักแม่ของฉันอย่างสุดหัวใจ ทำไมเขาถึงไม่ใช่พ่อของฉัน?