I'm not Cinderella
***********************
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในดินแดนแห่งหนึ่งมีพระราชาที่ปกครองดินแดนอย่างเป็นธรรม ราชินีก็ทรงมีเมตตา และทรงมีโอรสรูปงามนามว่า ชาร์มมิ่ง ชื่อเสียงของรูปโฉมพระองค์ดังไปทั่วฟ้าทั่วแผ่นดิน ราษฎรต่างก็รักใคร่ในพระองค์ หญิงสาวต่างก็หมายปองที่จะได้เป็นคู่ครองกับเจ้าชายรูปงามองค์นี้ทั้งนั้น
และในดินแดนเดียวกันนั้นเอง ก็มีบ้านหลังใหญ่ที่มีหญิงสาวรูปงามนามว่า ซินเดอเรลล่า นางอาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงของนาง พร้อมทั้งพี่สาวสองคนลูกติดของแม่เลี้ยง
แม่เลี้ยงและลูกสาวทั้งสองของนางมักจะกลั่นแกล้งซินเดอเรลล่าอยู่เสมอ แต่กดขี่นางให้นางคอยทำงานทุกอย่างให้ ซิลเดอเรล่ารู้สึกเหนื่อยล้าอยู่ทุกวี่ทุกวัน แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยอมให้นางใจดำทั้งสามกดขี่ตัวเองไปอย่างนั้น
โชคดีหน่อยที่นางยังพอมีที่พึ่งให้สบายใจบ้าง นั่นก็คือบุตรชายของขุนนางสูงศักดิ์ที่อยู่ข้างบ้านของตน นามว่า ลูซีน พ่อของนางเคยเป็นขุนนางเก่าและเป็นเพื่อนกับพ่อของลูซีน พวกเขาทั้งสองจึงได้รู้จักแต่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กๆ
ในวันหนึ่ง ซึงเป็นวันครบรอบวันประสูติอายุ 18 พรรษาของเจ้าชายชาร์มมิ่ง พระราชาและราชินีก็เห็นเป็นโอกาสดีแล้วที่จะให้เจ้าชายชาร์มมิ่งเลือกคู่ครองมาอยู่เคียงกาย จึงได้จัดงานเต้นรำเฉลิมฉลองอย่างหรูหราและส่งบัตรเชิญชวนไปให้สตรีวัยสาวทุกคนและขุนนางสูงศักดิ์ด้วย
ซินเดอเรลล่าเองก็ได้รับบัตรเชิญเช่นกัน นางเลือกชุดที่สวยที่สุดที่นางเคยมีมาใส่ เตรียมตัวไปงานเลี้ยงแต่กลับถูกกีดกันโดยแม่เลี้ยงและพี่สาวทั้งสองด้วยการทำลายชุดสวยๆของเธอจนขาดวิ่น และนั่งรถม้าเข้าวังกันไปแล้วทิ้งให้ซินเดอเรลล่านั่งร้องไห้อยู่หน้าบ้าน
ลูซีนที่ไม่ยอมไปงานพร้อมกับพ่อเดินออกมาชมจันทร์หน้าบ้านพอดี หันไปมองข้างบ้านก็เห็นซินเดอเรลล่าในชุดกระโปรงขาดวิ่นนั่งกอดเข่าร้องให้ดูน่าสงสารก็ตกใจแล้วรีบวิ่งออกไปหา เมื่อซินเดอเรลล่าเห็นลูซีนก็โผเข้ากอด ร้องห่มร้องไห้และเล่าทุกอย่างให้ฟังทั้งน้ำตา ลูซีนก็ได้แต่ปลอบใจนางเท่านั้น
ทันใดนั้นเอง นางฟ้าแม่ทูนหัวก็ปรากฏกายต่อสายตาของทั้งคู่ และบอกว่าจะช่วยเหลือซินเดอเรลล่าให้ได้ไปงานเต้นรำ โดยเสกให้ฟักทองกลายเป็นรถฟักทอง และหนูสองตัวที่วิ่งผ่านมาพอดีให้เป็นม้า แล้วเนรมิตชุดอันสวยสดงดงามให้ซินเดอเรลล่าใหม่รวมทั้งรองเท้าแก้วคู่สวยที่มีเพียงนางผู้จะเป็นที่รักของเจ้าชายเท่านั้นที่จะใส่ได้
ซินเดอเรลล่ายิ้มและเข้าไปกอดแม่ทูนหัวอย่างรู้สึกขอบคุณ ลูซีนรับหน้าที่ขับรถม้าไปส่งซินเดอเรลล่าที่งาน ทั้งคู่กล่าวลานางฟ้าแม่ทูนหัว นางฟ้าก็ตอบรับและไม่ลืมที่จะบอกให้ทั้งคู่กลับมาก่อนเวลาเที่ยงคืนเพราะเวทย์มนต์ของนางมีฤทธิ์ถึงแค่เพียงเวลานั้นเท่านั้น
เมื่อมาถึงที่งานเต้นรำลูซีนก็พาซินเดอเรลล่าควงแขนมาส่งที่หน้าประตูวัง ทหารแหวกทางให้ทั้งคู่เดินเข้างานได้ แต่ลูซีนปฏิเสธเพราะตัวเองไม่ได้อยากจะมาร่วมงานตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จึงขอรอซินเดอเรลล่าอยู่ที่รถฟักทองข้างนอก แล้วให้ซินเดอเรลล่าเข้าไปคนเดียว
เมื่อสาวงามอย่างซินเดอเรลล่าในชุดสวยหรูที่นางฟ้าประทานให้เดินเข้างานมา ทุกสายตาก็หันมาจับจ้องที่นางแม่เลี้ยงและพี่สาวทั้งสองของนางเห็นก็อิจฉา แต่จำนางไม่ได้ด้วยมนต์ของนางฟ้า เจ้าชายชาร์มมิ่งเห็นนางก็ตกหลุมรักแต่แรกพบ แล้วเข้าไปขอนางเต้นรำด้วย
ซินเดอเรลล่าเผลอไผลไปกับความสุขที่ได้รับ เจ้าชายรูปงามตรงหน้าช่างงดงามกุมหัวใจนางเหลือเกิน เวลาผ่านไป เจ้าชายก็ชวนนางปลีกตัวออกมานอกงานแล้วมองพระจันทร์เต็มดวงบนฟ้าด้วยกัน
หนุ่มสาวทั้งสองสบตากันใต้แสงจันทร์ ใบหน้าเคลื่อนเข้าชิดใกล้ ลมหายใจอุ่นๆอยู่ไม่ไกลเพียงเอื้อม แต่เสียงระฆังบอกเวลาเที่ยงคืนก็ดังขึ้น ซินเดอเรลล่ารีบผละตัวออกจากเจ้าชายแล้วขอตัวกลับทันที นางวิ่งออกมาอย่างเร่งรีบจนสะดุดเข้ากับเท้าตัวเอง ทำรองเท้าแก้วหลุดไปข้างหนึ่ง นางไม่มีเวลาที่จะหันกลับไปเก็บแล้ว จึงปล่อยไว้แล้ววิ่งตรงไปหาลูซีนที่รถฟักทองทันที
พอกลับมาซินเดอเรลล่าก็เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ลูซีนฟังอย่างสนุกสนานและปีติในความรัก ทางฟากเจ้าชายก็มุ่งมั่นในการตามหาหญิงสาวเจ้าของรองเท้าแก้วที่หนีจากเขามาเมื่อคืนไปทั่วอาณาจักรอย่างไม่ลดละ
แต่แล้ววันหนึ่งแม่เลี้ยงก็ไปเจอกับรองเท้าแก้วของซินเดอเรลล่าจึงจับได้แล้วขังเธอไว้ในห้องมือใต้หลังคา นางนั่งกอดเข่าซึมเศร้า แล้วนางฟ้าแม่ทูนหัวก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง นางร้องขอให้นางฟ้าช่วยพาเธอออกไปจากที่นี่ นางฟ้าก็ทำตามคำขอของนางด้วยความเต็มใจ
เจ้าชายชาร์มมิ่งมาตามหาหญิงงามในดวงใจถึงบ้านนางซินเดอเรลล่า แล้วก็พบเพียงนางแม่เลี้ยงกับลูกสาวทั้งสองคนซึ่งไม่มีใครที่สวมรองเท้าแก้วได้เลย
เจ้าชายถอดใจ เพราะนี่เป็นบ้านหลังสุดท้ายแล้ว เขาตามหาไปทั่วแต่ไม่เจอตัวนางเลย ลูซีนรู้ว่าแม่เลี้ยงใจร้ายกักขังซินเดอเรลล่าก็เข้าไปรั้งเจ้าชายไว้ แล้วบอกว่าซินเดอเรลล่าโดนขังอยู่ที่ห้องใต้หลังคา
เจ้าชายจึงขอแม่เลี้ยงขึ้นไปดูด้านบน แม่เลี้ยงใจเสียกลัวจะโดนความผิด แต่ก็ขัดไม่ได้ ยอมให้เจ้าชายขึ้นไปด้านบน แต่กลับไม่มีใครอยู่ในห้องนั้น
เจ้าชายชาร์มมิ่งกริ้วแล้วลากลูซีนไปริมสระน้ำหลังบ้านซินเดอเรลล่าเพื่อต่อว่าในคำพูดปดของลูซีน อีกทั้งยังปารองเท้าแก้วทิ้งลงน้ำอีกด้วย โชคดีที่รองเท้าแก้วไม่จมน้ำ
ลูซีนรีบถอดรองเท้าแล้วใช้นิ้วเท้าของตัวเองเกี่ยวเอารองเท้าแก้วขึ้นมาจากน้ำแล้วยกขึ้นมา ลูซีนเกือบไถลตกน้ำแต่เจ้าชายเข้าไปดึงขึ้นมาทัน
และแล้วรองเท้าแก้วก็เลื่อนมาสวมเข้ากับเท้าของลูซีนได้พอดิบพอดี....
**********************************
เรื่องป่วนๆของเจ้าชายชาร์มมิ่งและคนข้างบ้านซินเดอเรลล่าก็ได้อุบัติขึ้น
อ่านข้างบนเหมือนได้อ่านนิทาน แต่ยังไม่จบ
ยังไงก็ฝากเรื่องนี้ให้ติดตามด้วยนะขอรับ
facebook =>
https://www.facebook.com/maxt1212/
***