“มันเป็นใคร?”
“เพื่อนของต้น” ข้าวหอมตอบเสียงเรียบแต่ยังไม่มองหน้าผม
ผมเหล่มองยัยนั่นทางหางตาแล้วหรี่ตาลง ต้นที่ว่าก็คือน้องชายของ ยัยนี่ที่ผมแสนจะเกลียดมัน
“มันมาทำไม?”
“ก็แค่มาเยี่ยม”
“กลางวันทำไมไม่โผล่หัวมา กลางค่ำกลางคืนมาทำบ้าอะไร หรือว่าเพราะว่าฉันไม่อยู่ก็เลยมา?” ผมยกมุมปากขึ้น รู้สึกเหมือน พายุมันพัดกองเพลิงให้ลุกพรึ่บขึ้นมา ไอ้เวรนั่นมันมีธุระอะไรกับพี่สาวเพื่อนของมันดึกดื่นป่านนี้ แล้วยังกล้าแตะลูกของผมอีก
“ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่นะแม็กซ์ แต่ฉันจะบอกให้ว่าผู้ชายทุกคนไม่เหมือนนาย ไม่มีใครสำส่อนหรือมั่วไม่เลือก คลำดูไม่มีหางก็เอาหมดเหมือนนายหรอก” ข้าวหอมหันมามองผมแววตาโกรธ ๆ
ผมหรี่ตาลงอีกนิด เหลือบมองโทรศัพท์ของยัยนั่นบนโต๊ะก่อนจะหยิบมันมา
“จะทำอะไรน่ะแม็กซ์!!” ข้าวหอมร้องลั่นบ้าน รีบพุ่งตัวมาแย่งโทรศัพท์คืนแต่ผมชูขึ้นสูง
“มันไม่ได้มาแค่เยี่ยมใช่หรือเปล่า มันคาบข่าวอะไรมาบอกล่ะ” ผมแสยะยิ้ม ผมมองไม่ผิดแน่ ๆ ไอ้นั่นต้องเอาเรื่องอะไรมาบอกข้าวหอมสักเรื่อง ไม่อย่างนั้น ยัยนี่คงไม่มีท่าทางโกรธผมแบบนี้หรอก
“รู้ตัวด้วยหรือไงว่าทำอะไรเอาไว้” ข้าวหอมหรี่ตาลงบ้าง
ผมเอียงคอเล็กน้อย เปิดโทรศัพท์ของยัยนั่นแล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมคิดจริง ๆ รูปที่โชว์หราอยู่นี่เป็นข้อยืนยัน มาหยากำลังนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น มือยัยนั่นง่วนอยู่ที่เข็มขัดกางเกงผมและปากก็คาบซองสีเงินอยู่ด้วย
“มาฟ้องว่าฉันกำลังจ้ำจี้อยู่กับพริตตี้ที่สนามหรือไง มีหลักฐานยืนยันเสียด้วย ส่งรูปนี่มาเพื่อเอาไว้ยืนยันไม่ให้ฉันดิ้นหลุดสินะ” ผมชูหน้าจอโทรศัพท์ขึ้น ข้าวหอมกัดฟันแน่น พยายามจะแย่งโทรศัพท์คืนแต่ผมโยนโทรศัพท์ลงในเหยือกน้ำบนโต๊ะทิ้ง
“แม็กซ์! ทำบ้าอะไรของนาย นั่นมันโทรศัพท์ฉันนะ!” ข้าวหอมร้องลั่น รีบไปหยิบโทรศัพท์ออกจากเหยือกน้ำ ผมนั่งเท้าคางมองด้วยแววตาสะใจ
“นายนี่มันสารเลวจริง ๆ” ข้าวหอมหันมาด่าผม ลมหายใจหอบอย่างคนโกรธจัด ผมเลิกคิ้วขึ้นแล้วยักไหล่