“นมแข็ง ฉันต้องทำยังไง?” ผมยิงคำถามใส่ทันทีที่ยัยนั่นรับสาย
“นมอะไรแข็ง?”
“นมลูกชายของเธอไง มันแข็งโป๊กขนาดนี้ ฉันต้องทำยังไง เอาใส่ในไมโครเวฟเหรอ?”
“ฉันเอาออกจากช่องฟรีซไว้แล้ว อยู่ด้านล่างน่ะ น่าจะเริ่มละลายแล้วมั้ง นายเอาไปแกว่งในน้ำอุ่นอีกหน่อยก็เทใส่ขวดให้ลูกดูดได้เลย”
ผมเดินไปค้นหานมตามที่ยัยนั่นบอกแล้วก็หยิบออกมาเพ่งมอง ละลายกว่าอันนั้นเยอะ น่าจะกินได้
“เจอมั้ย?”
“อือ แล้วต้องทำไงต่อ?”
“เอาไปแกว่งในน้ำอุ่นอีกหน่อย อย่าใช้น้ำร้อนนะ ต้องน้ำอุ่นเท่านั้น”
“ก็แล้วมันอุ่นเท่าไหร่ล่ะ?” ผมจิปากเบาๆ ทำหน้าที่ปั๊มนมให้ยังจะง่ายกว่าอีก
“ก็อุ่นๆ ไง นายไม่รู้จักน้ำอุ่นเหรอ?”
“เออๆ แค่นี้แหละ” ผมตัดบทแล้ววางสาย วางมือถือไว้บนโต๊ะแล้วหันมาจัดการกับถุงนมในมือ
“แอ๊!” เสี่ยส่งเสียงอ้อแอ้ เห็นถุงนมก็น้ำลายยืดเลย ผมยิ้มมุมปาก จัดการอุ่นนมแล้วเทใส่ขวดนม
ผมนั่งป้อนข้าวลูกก่อน พ่อกินคำ ลูกกินคำ เหนื่อยชะมัด!
หลังกินข้าวเสร็จแล้วผมก็พาลูกไปอาบน้ำด้วยกันในห้องน้ำ จับเจ้าตัวดีนั่งเล่นน้ำในกะละมังขณะที่ผมกำลังยืนถูสบู่อยู่ใต้ฝักบัว สักพักอยู่ๆ ผมก็ต้องตกใจเพราะเสียงบางอย่างดังขึ้น
ผมหันกลับมามองลูกด้วยความตกใจ รีบเข้ามาอุ้มร่างกลมป้อมขึ้นก่อนจะก้มลงมองกะละมังแล้วต้องอ้าปากค้าง
กะละมังแตก
“อ้วนถึงขนาดกะละมังแตกเลยเหรอ?” ผมก้มลงมองเสี่ยที่ก้มลงมองกะละมังนิ่ง สีหน้าและแววตาไม่ได้บ่งบอกความรู้สึก แต่ถ้าให้ผมเดา ผมเดาว่าลูกคงจะกำลังสงสัยว่า
แค่นี้แตกได้ยังไง?
“แอ๊!”
“ไม่ต้องมาแก้ตัวเลย กะละมังแตกไปแล้ว”